ในอดีต “จิ่วจ้ายโกว” เป็นเพียงหมู่บ้านของชาวธิเบต ที่มีความหมายว่าหุบเขาทั้ง 9 (Nine Settlement Valleys) ตั้งอยู่ในดินแดนที่ไกลโพ้นจากจุดศูนย์กลางของมลฑลเสฉวน แต่ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ ทำให้ผู้คนอพยพเข้ามาตั้งรกราก จนรัฐบาลจีนต้องเข้ามาจัดระเบียบและปิดเป็นเขตหวงห้าม พร้อมกับสงวนให้เป็นสมบัติของชาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 และอีก 2 ปี ต่อมา ก็ได้เปิดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน
กว่า 40 ปี … ที่จิ่วจ้ายโกวเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ความงามที่บริสุทธิ์ของทะเลสาบสีฟ้าตัดกับภูมิทัศน์ของเทือกเขาสูง โด่งดังไปทั่วโลก จนในปี ค.ศ. 1992 องค์การ Unesco ก็ได้ยกให้จิ่วจ้ายโกวเป็น World Heritage Site จากนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเพียง 5,000 คนในปีแรกๆ สู่หลักล้านคนในปีปัจจุบัน
ปัจจุบันการเดินทางมาเที่ยวจิ่วจ้ายโกวสะดวกสบายขึ้นมาก จากเดิมต้องนั่งรถประมาณ 8-9 ชั่วโมงจากเมืองเฉิงตู ตอนนี้มีรถไฟความเร็วสูง ย่นระยะทางเวลาเหลือเพียง 2 ชั่วโมงเศษ บวกกับต่อรถยนต์มายังบริเวณหน้าอุทยานอีก 1.30 ชั่วโมง รวมๆแล้วเหลือประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงจิ่วจ้ายโกวโดยสวัสดิภาพ (เราจะใช้เส้นทางนี้กลับเฉิงตูในวันมะรืน)

จิ่วจ้ายโกว สวยดังสวรรค์
จาก Conrad Jiuzhaigou มายังประตูอุทยานใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น ตอนนี้เป็นเวลา 9.00 เช้า และคิวนักท่องเที่ยวก็เริ่มฟอร์มตัวกันแล้ว
เราจองรถบัส VIP สำหรับเที่ยวจิ่วจ้ายโกวในวันนี้ รถบัส VIP จะกะทัดรัดกว่ารถบัสใหญ่ จุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 20 คน มีไกด์ชาวจีนคอยจัดเส้นทาง และอธิบายข้อมูลตลอดทริป น่าเสียดายที่เป็นเสียงภาษาจีน แต่ก็ยังดีที่ได้เปมมี่คอยแปลให้พวกเราฟัง


ข้อดีของบัส VIP คือ จะเที่ยวครบทุกจุด และทุกคนจะมีที่นั่งประจำ ไม่ต้องเบียดเสียดเหมือนรถบัสใหญ่ (โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล) และไม่ต้องเดินไกล เพราะบัส VIP จะมาจอดรับในจุดที่ใกล้กว่าบัสใหญ่ แต่ก็มีข้อเสีย คือ แต่ละจุดจะกำหนดเวลาเที่ยว ประมาณ 15-45 นาที ใครที่อยากเดินปล่อยใจ ชมธรรมชาติ ไม่ควรใช้บริการบัส VIP แต่สำหรับเรา รู้สึกว่าสะดวกดี มีไกด์วางแผน และรถก็นั่งสบาย ขับสุภาพ ดังนั้นใครที่สนใจบัส VIP ต้องจองก่อนล่วงหน้าค่ะ ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500 บาท/คน รวมค่าเข้าอุทยาน
สำหรับเส้นทางเที่ยวจิ่วจ้ายโกว จะเป็นรูปตัว Y ค่ะ ไกด์ของบัส VIP จะเป็นคนวางแผนว่าจะไปเส้นทางซ้าย หรือขวาก่อน พวกเราที่นั่งอยู่ในรถไม่รู้หรอกว่ารถกำลังวิ่งไปทางไหน รู้ตัวอีกทีรถก็จอด ไกด์บอกเวลา และเปมมี่ น้องนักศึกษาก็พาเราเดินไปยังจุดชมวิว ดังนั้นเราจะเล่าเฉพาะจุดที่เราได้ลงไปเดินเล่น อาจจะไม่ครบทุกทะเลสาบสำคัญ แต่ก็เก็บที่สวยๆได้ครบค่ะ
น้ำตกนัวรื่อหลาง (Nuorilang) เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากเทือกเขาสูง รถจอดเป็นจุดแรกของทริป อุณหภูมิ ณ เวลา 9.30 น. อยู่ที่ 5 องศา PM 2.5 ต่ำเตี้ยเหลือเลขตัวเดียว เราเดินไปตามเส้นทางชมธรรมชาติ ที่ทำเป็นระแนงไม้ทอดยาว แวะกอดต้นไม้ และสูดอากาศดีๆเข้าเต็มปอด





จากนั้นก็แวะเข้าห้องน้ำของอุทยานที่เลื่องลือ แต่กลับพบว่า ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ไร้กลิ่นและสิ่งปฏิกูลใดๆ คงพราะยังเช้าตรู่ และนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็น้อยด้วยค่ะ

ทะเลสาบยาว (Long Lake Lookout) ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่ที่ความสูงประมาณ 3,200 เมตรเหนือทะเล ทะเลสายยาวมีความลึกถึง 100 เมตร ยาว 7.5 กิโลเมตร โดยในช่วงฤดูร้อน น้ำในทะเลสาบจะน้อย แต่ก็ยังเป็นสีฟ้าเทอคอยส์สวยงาม ยิ่งได้ต้นสนซีดาร์สีเขียวมาประดับคู่กับยอดเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าสวยงามเกินบรรยาย เป็นภาพเปิดของจิ่วจ้ายโกวที่น่าประทับใจสำหรับพวกเราทุกคน




บ่อหยกฟ้า (Multicolor Lake) จากทะเลสาบยาว เราเดินตามทางชมธรรมชาติมายังอีกบ่อสำคัญ แต่วันนี้น้ำน้อยจนเหมือนจะแห้งขอด ความงดงามเลยจางหายไป




จากนั้น รถบัส VIP แวะจอดที่ Nuirilang Center ให้กินข้าวเที่ยง และเข้าห้องน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง ร้านอาหารที่ดังๆคนเยอะมาก เราเลือกร้านที่คนน้อยหน่อย รสชาติเลยไม่ค่อยถูกปาก แต่ก็มาได้น้ำแข็งไสสไตล์จีนมาปลอบใจแทน





ทะเลสาบ 5 สี (Five Flower Lake) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่แยกออกเป็นบ่อต่างๆ เป็นทะเลสาบที่เราพูดคำว่าสวยได้เปลืองที่สุด น้ำในทะเลสาบใสสะอาดมองเห็นขอนไม้ และพื้นทะเลสาบชัดเจน และเมื่อต้องกับแสงพระอาทิตย์ในวันที่ฟ้าเปิดอย่างวันนี้ ระลอกของน้ำดูระยิบระยับ เป็นความงามที่รูปถ่ายเก็บมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น











ทะเลสาบแรด (Rhino Lake) อีกทะเลสาบชื่อดังของจิ่วจ้ายโกว มีความยาวประมาณ 2 กม.



ทะเลสาบและน้ำตกอีกแห่งที่น้องๆลงไปถ่ายรูป แต่เราซ่อนตัวอยู่ในรถบัส VIP เพราะเกสรดอกไม้ในฤดูกาลนี้ลอยฟุ้งไปทั่ว กลัวอาการภูมิแพ้จะกำเริบ เลยขอเก็บตัวสำหรับจุดนี้ค่ะ





น้ำตกธารไข่มุก (Pearl Shoal) เป็นอีกจุดที่มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่ก็ต้องเดินไกล จากลำธารน้ำใสซึ่งไหลลงไปเป็นน้ำตกสูง 40 เมตร ร่วงลงสู่พื้นที่ดินด้านล่าง เราเดินชมธรรมชาติไปยังจุดจอดรถ น่าจะใช้เวลารวม 30-40 นาทีได้
วันนี้อากาศดีมาก ฟ้าใส ไร้เมฆ ดอกไม้ออกดอกสวยงามรับไออุ่น อุณหภูมิขณะนี้ ประมาณยี่สิบกว่าองศา และพวกเราก็เริ่มถอดเสื้อกันหนาวกันออกทีละชิ้นๆ











หิน 8.8 Rock ที่เกิดจากแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปี 2017


ทะเลสาบอีกแห่งที่สวยงาม และมีเส้นดึงสายตาไปยังภูเขาสูงที่ตั้งอยู่ปลายทาง แถมด้วยภาพสะท้อนของป่าสน สวยงามมากจริงๆค่ะ


หมู่บ้านธิเบต เป็นจุดสุดท้ายที่รถบัส VIP จอดในวันนี้ ตรงนี้มีห้องน้ำ ร้านอาหาร และคาเฟ่ให้วัยรุ่นนั่งจิบกาแฟ




สรุปรวมเวลาทั้งหมดในจิ่วจ้ายโกว : เราใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง หรือตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึงประมาณ 4 โมงเย็น ถึงแม้จะเหนื่อยและล้าจากสภาพอากาศร้อน แดดแรงในช่วงบ่าย แต่จิ่วจ้ายโกว แหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ก็สร้างความประทับใจให้กับพวกเราทุกคน นอกจากธรรมชาติที่ได้รับการดูแลอย่างดี การจัดระเบียบ และความสะอาดของอุทยานก็เป็นอีกสิ่งที่น่าชื่นชม … ถือเป็น buketlist ที่ถูกเช็คอีกแห่งของโลก ที่ลืมไม่ลงจริงๆค่ะ
4 Jun 2025
0 Comments
Day 4 : จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) สวยดังสวรรค์
ในอดีต “จิ่วจ้ายโกว” เป็นเพียงหมู่บ้านของชาวธิเบต ที่มีความหมายว่าหุบเขาทั้ง 9 (Nine Settlement Valleys) ตั้งอยู่ในดินแดนที่ไกลโพ้นจากจุดศูนย์กลางของมลฑลเสฉวน แต่ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ ทำให้ผู้คนอพยพเข้ามาตั้งรกราก จนรัฐบาลจีนต้องเข้ามาจัดระเบียบและปิดเป็นเขตหวงห้าม พร้อมกับสงวนให้เป็นสมบัติของชาติตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 และอีก 2 ปี ต่อมา ก็ได้เปิดให้เป็นอุทยานแห่งชาติ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน
กว่า 40 ปี … ที่จิ่วจ้ายโกวเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ความงามที่บริสุทธิ์ของทะเลสาบสีฟ้าตัดกับภูมิทัศน์ของเทือกเขาสูง โด่งดังไปทั่วโลก จนในปี ค.ศ. 1992 องค์การ Unesco ก็ได้ยกให้จิ่วจ้ายโกวเป็น World Heritage Site จากนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเพียง 5,000 คนในปีแรกๆ สู่หลักล้านคนในปีปัจจุบัน
ปัจจุบันการเดินทางมาเที่ยวจิ่วจ้ายโกวสะดวกสบายขึ้นมาก จากเดิมต้องนั่งรถประมาณ 8-9 ชั่วโมงจากเมืองเฉิงตู ตอนนี้มีรถไฟความเร็วสูง ย่นระยะทางเวลาเหลือเพียง 2 ชั่วโมงเศษ บวกกับต่อรถยนต์มายังบริเวณหน้าอุทยานอีก 1.30 ชั่วโมง รวมๆแล้วเหลือประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงจิ่วจ้ายโกวโดยสวัสดิภาพ (เราจะใช้เส้นทางนี้กลับเฉิงตูในวันมะรืน)
จิ่วจ้ายโกว สวยดังสวรรค์
จาก Conrad Jiuzhaigou มายังประตูอุทยานใช้เวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น ตอนนี้เป็นเวลา 9.00 เช้า และคิวนักท่องเที่ยวก็เริ่มฟอร์มตัวกันแล้ว
เราจองรถบัส VIP สำหรับเที่ยวจิ่วจ้ายโกวในวันนี้ รถบัส VIP จะกะทัดรัดกว่ารถบัสใหญ่ จุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 20 คน มีไกด์ชาวจีนคอยจัดเส้นทาง และอธิบายข้อมูลตลอดทริป น่าเสียดายที่เป็นเสียงภาษาจีน แต่ก็ยังดีที่ได้เปมมี่คอยแปลให้พวกเราฟัง
ข้อดีของบัส VIP คือ จะเที่ยวครบทุกจุด และทุกคนจะมีที่นั่งประจำ ไม่ต้องเบียดเสียดเหมือนรถบัสใหญ่ (โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล) และไม่ต้องเดินไกล เพราะบัส VIP จะมาจอดรับในจุดที่ใกล้กว่าบัสใหญ่ แต่ก็มีข้อเสีย คือ แต่ละจุดจะกำหนดเวลาเที่ยว ประมาณ 15-45 นาที ใครที่อยากเดินปล่อยใจ ชมธรรมชาติ ไม่ควรใช้บริการบัส VIP แต่สำหรับเรา รู้สึกว่าสะดวกดี มีไกด์วางแผน และรถก็นั่งสบาย ขับสุภาพ ดังนั้นใครที่สนใจบัส VIP ต้องจองก่อนล่วงหน้าค่ะ ค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500 บาท/คน รวมค่าเข้าอุทยาน
สำหรับเส้นทางเที่ยวจิ่วจ้ายโกว จะเป็นรูปตัว Y ค่ะ ไกด์ของบัส VIP จะเป็นคนวางแผนว่าจะไปเส้นทางซ้าย หรือขวาก่อน พวกเราที่นั่งอยู่ในรถไม่รู้หรอกว่ารถกำลังวิ่งไปทางไหน รู้ตัวอีกทีรถก็จอด ไกด์บอกเวลา และเปมมี่ น้องนักศึกษาก็พาเราเดินไปยังจุดชมวิว ดังนั้นเราจะเล่าเฉพาะจุดที่เราได้ลงไปเดินเล่น อาจจะไม่ครบทุกทะเลสาบสำคัญ แต่ก็เก็บที่สวยๆได้ครบค่ะ
น้ำตกนัวรื่อหลาง (Nuorilang) เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากเทือกเขาสูง รถจอดเป็นจุดแรกของทริป อุณหภูมิ ณ เวลา 9.30 น. อยู่ที่ 5 องศา PM 2.5 ต่ำเตี้ยเหลือเลขตัวเดียว เราเดินไปตามเส้นทางชมธรรมชาติ ที่ทำเป็นระแนงไม้ทอดยาว แวะกอดต้นไม้ และสูดอากาศดีๆเข้าเต็มปอด
จากนั้นก็แวะเข้าห้องน้ำของอุทยานที่เลื่องลือ แต่กลับพบว่า ห้องน้ำสะอาดสะอ้าน ไร้กลิ่นและสิ่งปฏิกูลใดๆ คงพราะยังเช้าตรู่ และนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ก็น้อยด้วยค่ะ
ทะเลสาบยาว (Long Lake Lookout) ทะเลสาบนี้ตั้งอยู่ที่ความสูงประมาณ 3,200 เมตรเหนือทะเล ทะเลสายยาวมีความลึกถึง 100 เมตร ยาว 7.5 กิโลเมตร โดยในช่วงฤดูร้อน น้ำในทะเลสาบจะน้อย แต่ก็ยังเป็นสีฟ้าเทอคอยส์สวยงาม ยิ่งได้ต้นสนซีดาร์สีเขียวมาประดับคู่กับยอดเขาสูงที่มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้าสวยงามเกินบรรยาย เป็นภาพเปิดของจิ่วจ้ายโกวที่น่าประทับใจสำหรับพวกเราทุกคน
บ่อหยกฟ้า (Multicolor Lake) จากทะเลสาบยาว เราเดินตามทางชมธรรมชาติมายังอีกบ่อสำคัญ แต่วันนี้น้ำน้อยจนเหมือนจะแห้งขอด ความงดงามเลยจางหายไป
จากนั้น รถบัส VIP แวะจอดที่ Nuirilang Center ให้กินข้าวเที่ยง และเข้าห้องน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมง ร้านอาหารที่ดังๆคนเยอะมาก เราเลือกร้านที่คนน้อยหน่อย รสชาติเลยไม่ค่อยถูกปาก แต่ก็มาได้น้ำแข็งไสสไตล์จีนมาปลอบใจแทน
ทะเลสาบ 5 สี (Five Flower Lake) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่แยกออกเป็นบ่อต่างๆ เป็นทะเลสาบที่เราพูดคำว่าสวยได้เปลืองที่สุด น้ำในทะเลสาบใสสะอาดมองเห็นขอนไม้ และพื้นทะเลสาบชัดเจน และเมื่อต้องกับแสงพระอาทิตย์ในวันที่ฟ้าเปิดอย่างวันนี้ ระลอกของน้ำดูระยิบระยับ เป็นความงามที่รูปถ่ายเก็บมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น
ทะเลสาบแรด (Rhino Lake) อีกทะเลสาบชื่อดังของจิ่วจ้ายโกว มีความยาวประมาณ 2 กม.
ทะเลสาบและน้ำตกอีกแห่งที่น้องๆลงไปถ่ายรูป แต่เราซ่อนตัวอยู่ในรถบัส VIP เพราะเกสรดอกไม้ในฤดูกาลนี้ลอยฟุ้งไปทั่ว กลัวอาการภูมิแพ้จะกำเริบ เลยขอเก็บตัวสำหรับจุดนี้ค่ะ
น้ำตกธารไข่มุก (Pearl Shoal) เป็นอีกจุดที่มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่ก็ต้องเดินไกล จากลำธารน้ำใสซึ่งไหลลงไปเป็นน้ำตกสูง 40 เมตร ร่วงลงสู่พื้นที่ดินด้านล่าง เราเดินชมธรรมชาติไปยังจุดจอดรถ น่าจะใช้เวลารวม 30-40 นาทีได้
วันนี้อากาศดีมาก ฟ้าใส ไร้เมฆ ดอกไม้ออกดอกสวยงามรับไออุ่น อุณหภูมิขณะนี้ ประมาณยี่สิบกว่าองศา และพวกเราก็เริ่มถอดเสื้อกันหนาวกันออกทีละชิ้นๆ
หิน 8.8 Rock ที่เกิดจากแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อปี 2017
ทะเลสาบอีกแห่งที่สวยงาม และมีเส้นดึงสายตาไปยังภูเขาสูงที่ตั้งอยู่ปลายทาง แถมด้วยภาพสะท้อนของป่าสน สวยงามมากจริงๆค่ะ
หมู่บ้านธิเบต เป็นจุดสุดท้ายที่รถบัส VIP จอดในวันนี้ ตรงนี้มีห้องน้ำ ร้านอาหาร และคาเฟ่ให้วัยรุ่นนั่งจิบกาแฟ
สรุปรวมเวลาทั้งหมดในจิ่วจ้ายโกว : เราใช้เวลาประมาณ 7-8 ชั่วโมง หรือตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึงประมาณ 4 โมงเย็น ถึงแม้จะเหนื่อยและล้าจากสภาพอากาศร้อน แดดแรงในช่วงบ่าย แต่จิ่วจ้ายโกว แหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ก็สร้างความประทับใจให้กับพวกเราทุกคน นอกจากธรรมชาติที่ได้รับการดูแลอย่างดี การจัดระเบียบ และความสะอาดของอุทยานก็เป็นอีกสิ่งที่น่าชื่นชม … ถือเป็น buketlist ที่ถูกเช็คอีกแห่งของโลก ที่ลืมไม่ลงจริงๆค่ะ
Related Posts: