อารมณ์ติดเกาะยังปุดๆอยู่ เลยรีบปั่นข้อมูลเที่ยวมัลดีฟส์ เดสติเนชั่นที่ห่างหายจากวงการท่องเที่ยวของชาวไทยไปพักใหญ่ … ทริปมัลดีฟส์ครั้งนี้ เป็นรอบที่สองของฉันภายในสิบปีค่ะ ^^ … ประเทศนี้ น้ำทะเล ท้องฟ้า และเหล่าปะการัง สวยงามจับใจจริงๆ ไปแล้วเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก เข็มนาฬิกานิ่งสนิท เวลาเดินช้ากว่าปกติหลายเท่าตัว … เสน่ห์แบบนี้ ทำให้ฉันกระหายอยากกลับไปอีก ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาตัวยังไม่ลอกจนเกลี้ยงเลย
มามะ … โพสนี้ ฉันจะพาไปรู้จัก “มัลดีฟส์” กันก่อนว่า เขามีที่มาที่ไปยังไง ประเทศอยู่ที่ไหน อะไรที่เอาเข้าได้ และอะไรที่ไม่ควรพกไปโดยเด็ดขาด!!!
“มัลดีฟส์” หรือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นประเทศที่เกิดจากกลุ่ม Atoll (อะทอลล์) หรือหมู่เกาะปะการัง ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย มีแนวประเทศใกล้กับอินเดียและศรีลังกา
เครดิต www.maldivesfinest.com
สายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพไปมัลดีฟส์ มีเพียงสายการบิน Bangkok Airways ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 20 นาที ราคาตั๋วตกคนละ 20,000-25,000 บาท (สายการบินศรีลังกา เปลี่ยนเครื่องที่โคลอมโบ ราคาประมาณ 13,000-15,000 บาท และสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์)
“มัลดีฟส์” มีภูมิประเทศกว้างใหญ่ แต่กลับมีพื้นดินที่อยู่อาศัยได้เพียง 300 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าเกาะสมุยนิดเดียวเองค่ะ
หมู่เกาะปะการังทั้ง 26 กลุ่ม มีจำนวน 1,190 เกาะ ทว่าอยู่อาศัยได้เพียง 200 เกาะ และกว่าครึ่งกลายเป็นโรงแรมและรีสอรต์หรูหราหารายได้เข้าประเทศ
จุดสูงที่สุดของประเทศ สูงเพียง 2.3 เมตรเหนือระดับทะเลเท่านั้น … คิดง่ายๆว่าเตี้ยกว่าเพดานห้องนอนที่บ้านอีกค่ะ ดังนั้นหลายคนจึงเชื่อว่า “มัลดีฟส์” จะหายไปจากโลกในอนาคตอันใกล้นี้
เมืองหลวงของมัลดีฟส์ มีชือว่า “มาเล่” มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 200,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศที่มี หรือ 400,000 คน
ภาษาราชการคือภาษาดิเวฮิ แต่ภาษาอังกฤษ ก็เป็นภาษาที่สอง สอนกันตั้งแต่เรียนหนังสือ ชาวมัลดีเวียน (Maldivian หรือ คนมัลดีฟส์) จึงสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีเกือบทุกคน ส่วนหนึ่งคงเพราะมัลดีฟส์เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมของสหราชอาณาจักรเป็นเวลากว่า 79 ปี จนได้รับเอกสารเมื่อปี 2508 นี้เอง
สกุลเงินของมัลดีฟส์ คือ รูฟียาห์ แต่ไม่จำเป็นต้องแลกไปค่ะ เพราะค่าโรงแรม ร้านอาหาร และสิ่งของที่ซื้อถูกเปลี่ยนเป็น US Dollar ให้กับนักท่องเที่ยว ดังนั้นเงินที่ต้องพกเมื่อไปมัลดีฟส์ คือ เงิน US ค่ะ
เวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าไทย 2 ชั่วโมง เช่น ถ้าเมืองไทย 7 โมงเช้า ที่มัลดีฟส์จะเป็นเวลาตี 5 … ฉันจึง jet lag ตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกวันเลย 555
คนไทยไปมัลดีฟส์ ไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ อยู่ได้ถึง 30 วัน ถ้าไม่ถังแตกเสียก่อน …
สภาพอากาศของมัลดีฟส์ เป็นแบบร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 27 – 30 C ตลอดทั้งปี และช่วงไฮซีซั่น ที่ปราศจากมรสุม เริ่มตั้งแต่ธันวาคม – มีนาคม
หลังจากเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน จุดศุลกากรและรับกระเป๋าใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น
อาหารและสินค้าที่ห้ามเอาเข้าประเทศ มี เหล้า เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด วัตถุบูชา เนื้อหมู อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด สื่อและสิ่งพิมพ์ลามก เพราะมัลดีฟส์ตอนนี้เป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามค่ะ
ด้านนอกสนามบิน ไม่มีร้านสะดวกซื้อดังเช่นสนามบินอื่นๆ ไม่มี 7-11 แต่มีร้านอาหาร Thai Express ซึ่งข้าวผัดกระเพราไก่อร่อย รสจัดจ้าน ในราคาจานละ 10 เหรียญ หรือ 350 บาท เช่นเดียวกับ Burger King ชุดละ 10 เหรียญ ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม … ซึ่งบอกตรงนี้เลยว่าค่าใช้จ่ายของมัลดีฟส์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยค่ะ
ใครไม่ได้แลกเงิน US ติดตัวไป ก็มาแลกได้ที่ Bank of Maldives … แต่ไม่แนะนำ เพราะอัตราน่าจะสูงกว่าแลกที่เมืองไทย (อะไรๆที่มัลดีฟส์ก็แพงกว่าไทยสามเท่าตัวค่ะ)
ซิมโทรศัพท์ก็มีขายเช่นกัน ในราคาตั้งแต่ 16-60 US แต่ถ้าที่รีสอร์ตมีไวไฟบริการฟรีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อค่ะ ยกเว้นจะอยากโทรศัพท์กลับบ้านผ่านเบอร์ปกติ หรือเบอร์มือถือ ซึ่งแพ็กเก็จมีให้เลือกหลายชนิด ดูได้ในรูปภาพที่ถ่ายมานะคะ
การเดินทางไปที่โรงแรม … แนะนำให้ติดต่อกับโรงแรม และจัดการให้เรียบร้อยก่อนเดินทางไป บางโรงแรมนั่งเรือเฟอร์รี่ แต่บางที่ก็ต้องบินไปโดย Sea Plane ราคาค่าเดินทางไปโรงแรม จะแยกออกมาจากค่าที่พัก ซึ่งโดยเฉลี่ยค่าเรือเฟอร์รี่ประมาณ 200-300 US และค่าเครื่องบิน 400-600 US ต่อคนค่ะ
สิ่งของที่ควรเตรียมไปด้วย เพราะที่นั่นไม่มีขาย หรือมีขายก็ราคาแพงกว่า 3 เท่าตัว 1) ขนมขบเคี้ยวที่ชอบ 2) น้ำอัดลม โซดา หรือน้ำชาเขียวที่ติด 3) น้ำพริกตาแดง หรือน้ำพริกซอง น้ำปลา เพิ่มรสชาติอาหาร 4) ครีมกันแดดและครีมทาหลังแดด 5) อุปกรณ์ถ่ายรูปทั้งหมด 6) หนังสือดีๆสัก 1-2 เล่ม
และสิ่งของที่ไม่ควรเตรียมไป 1) คอมพิวเตอร์ทำงาน 2) แบลก์เบอร์รี่ 3)อุปกรณ์สื่อสารจากที่ทำงาน … ทิ้งไปให้หมดสิ้น ^^
เพราะเรากำลังจะไป “ติดเกาะ”กันแล้วค่ะ
ติดตามอ่าน “10 กฏเหล็กเที่ยวมัลดีฟส์ for สาว สาว ” และ “รีวิว Anatara Veli” “รีวิว Angsana Iharu” ได้เร็วๆนี้ค่ะ
20 Jan 2016
0 Comments
มามะ มารู้จัก “มัลดีฟส์” ก่อนไปติดเกาะด้วยกัน …
อารมณ์ติดเกาะยังปุดๆอยู่ เลยรีบปั่นข้อมูลเที่ยวมัลดีฟส์ เดสติเนชั่นที่ห่างหายจากวงการท่องเที่ยวของชาวไทยไปพักใหญ่ … ทริปมัลดีฟส์ครั้งนี้ เป็นรอบที่สองของฉันภายในสิบปีค่ะ ^^ … ประเทศนี้ น้ำทะเล ท้องฟ้า และเหล่าปะการัง สวยงามจับใจจริงๆ ไปแล้วเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก เข็มนาฬิกานิ่งสนิท เวลาเดินช้ากว่าปกติหลายเท่าตัว … เสน่ห์แบบนี้ ทำให้ฉันกระหายอยากกลับไปอีก ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาตัวยังไม่ลอกจนเกลี้ยงเลย
มามะ … โพสนี้ ฉันจะพาไปรู้จัก “มัลดีฟส์” กันก่อนว่า เขามีที่มาที่ไปยังไง ประเทศอยู่ที่ไหน อะไรที่เอาเข้าได้ และอะไรที่ไม่ควรพกไปโดยเด็ดขาด!!!
“มัลดีฟส์” หรือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ เป็นประเทศที่เกิดจากกลุ่ม Atoll (อะทอลล์) หรือหมู่เกาะปะการัง ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรอินเดีย มีแนวประเทศใกล้กับอินเดียและศรีลังกา
เครดิต www.maldivesfinest.com
สายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพไปมัลดีฟส์ มีเพียงสายการบิน Bangkok Airways ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 20 นาที ราคาตั๋วตกคนละ 20,000-25,000 บาท (สายการบินศรีลังกา เปลี่ยนเครื่องที่โคลอมโบ ราคาประมาณ 13,000-15,000 บาท และสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์)
“มัลดีฟส์” มีภูมิประเทศกว้างใหญ่ แต่กลับมีพื้นดินที่อยู่อาศัยได้เพียง 300 ตารางกิโลเมตร หรือใหญ่กว่าเกาะสมุยนิดเดียวเองค่ะ
หมู่เกาะปะการังทั้ง 26 กลุ่ม มีจำนวน 1,190 เกาะ ทว่าอยู่อาศัยได้เพียง 200 เกาะ และกว่าครึ่งกลายเป็นโรงแรมและรีสอรต์หรูหราหารายได้เข้าประเทศ
จุดสูงที่สุดของประเทศ สูงเพียง 2.3 เมตรเหนือระดับทะเลเท่านั้น … คิดง่ายๆว่าเตี้ยกว่าเพดานห้องนอนที่บ้านอีกค่ะ ดังนั้นหลายคนจึงเชื่อว่า “มัลดีฟส์” จะหายไปจากโลกในอนาคตอันใกล้นี้
เมืองหลวงของมัลดีฟส์ มีชือว่า “มาเล่” มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 200,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศที่มี หรือ 400,000 คน
ภาษาราชการคือภาษาดิเวฮิ แต่ภาษาอังกฤษ ก็เป็นภาษาที่สอง สอนกันตั้งแต่เรียนหนังสือ ชาวมัลดีเวียน (Maldivian หรือ คนมัลดีฟส์) จึงสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดีเกือบทุกคน ส่วนหนึ่งคงเพราะมัลดีฟส์เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมของสหราชอาณาจักรเป็นเวลากว่า 79 ปี จนได้รับเอกสารเมื่อปี 2508 นี้เอง
สกุลเงินของมัลดีฟส์ คือ รูฟียาห์ แต่ไม่จำเป็นต้องแลกไปค่ะ เพราะค่าโรงแรม ร้านอาหาร และสิ่งของที่ซื้อถูกเปลี่ยนเป็น US Dollar ให้กับนักท่องเที่ยว ดังนั้นเงินที่ต้องพกเมื่อไปมัลดีฟส์ คือ เงิน US ค่ะ
เวลาที่มัลดีฟส์ช้ากว่าไทย 2 ชั่วโมง เช่น ถ้าเมืองไทย 7 โมงเช้า ที่มัลดีฟส์จะเป็นเวลาตี 5 … ฉันจึง jet lag ตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกวันเลย 555
คนไทยไปมัลดีฟส์ ไม่ต้องขอวีซ่าค่ะ อยู่ได้ถึง 30 วัน ถ้าไม่ถังแตกเสียก่อน …
สภาพอากาศของมัลดีฟส์ เป็นแบบร้อนชื้น อุณหภูมิเฉลี่ย 27 – 30 C ตลอดทั้งปี และช่วงไฮซีซั่น ที่ปราศจากมรสุม เริ่มตั้งแต่ธันวาคม – มีนาคม
หลังจากเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน จุดศุลกากรและรับกระเป๋าใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น
อาหารและสินค้าที่ห้ามเอาเข้าประเทศ มี เหล้า เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด วัตถุบูชา เนื้อหมู อาวุธปืน อาวุธสงคราม ยาเสพติด สื่อและสิ่งพิมพ์ลามก เพราะมัลดีฟส์ตอนนี้เป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามค่ะ
ด้านนอกสนามบิน ไม่มีร้านสะดวกซื้อดังเช่นสนามบินอื่นๆ ไม่มี 7-11 แต่มีร้านอาหาร Thai Express ซึ่งข้าวผัดกระเพราไก่อร่อย รสจัดจ้าน ในราคาจานละ 10 เหรียญ หรือ 350 บาท เช่นเดียวกับ Burger King ชุดละ 10 เหรียญ ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม … ซึ่งบอกตรงนี้เลยว่าค่าใช้จ่ายของมัลดีฟส์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยค่ะ
ใครไม่ได้แลกเงิน US ติดตัวไป ก็มาแลกได้ที่ Bank of Maldives … แต่ไม่แนะนำ เพราะอัตราน่าจะสูงกว่าแลกที่เมืองไทย (อะไรๆที่มัลดีฟส์ก็แพงกว่าไทยสามเท่าตัวค่ะ)
ซิมโทรศัพท์ก็มีขายเช่นกัน ในราคาตั้งแต่ 16-60 US แต่ถ้าที่รีสอร์ตมีไวไฟบริการฟรีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อค่ะ ยกเว้นจะอยากโทรศัพท์กลับบ้านผ่านเบอร์ปกติ หรือเบอร์มือถือ ซึ่งแพ็กเก็จมีให้เลือกหลายชนิด ดูได้ในรูปภาพที่ถ่ายมานะคะ
การเดินทางไปที่โรงแรม … แนะนำให้ติดต่อกับโรงแรม และจัดการให้เรียบร้อยก่อนเดินทางไป บางโรงแรมนั่งเรือเฟอร์รี่ แต่บางที่ก็ต้องบินไปโดย Sea Plane ราคาค่าเดินทางไปโรงแรม จะแยกออกมาจากค่าที่พัก ซึ่งโดยเฉลี่ยค่าเรือเฟอร์รี่ประมาณ 200-300 US และค่าเครื่องบิน 400-600 US ต่อคนค่ะ
สิ่งของที่ควรเตรียมไปด้วย เพราะที่นั่นไม่มีขาย หรือมีขายก็ราคาแพงกว่า 3 เท่าตัว 1) ขนมขบเคี้ยวที่ชอบ 2) น้ำอัดลม โซดา หรือน้ำชาเขียวที่ติด 3) น้ำพริกตาแดง หรือน้ำพริกซอง น้ำปลา เพิ่มรสชาติอาหาร 4) ครีมกันแดดและครีมทาหลังแดด 5) อุปกรณ์ถ่ายรูปทั้งหมด 6) หนังสือดีๆสัก 1-2 เล่ม
และสิ่งของที่ไม่ควรเตรียมไป 1) คอมพิวเตอร์ทำงาน 2) แบลก์เบอร์รี่ 3)อุปกรณ์สื่อสารจากที่ทำงาน … ทิ้งไปให้หมดสิ้น ^^
เพราะเรากำลังจะไป “ติดเกาะ”กันแล้วค่ะ
ติดตามอ่าน “10 กฏเหล็กเที่ยวมัลดีฟส์ for สาว สาว ” และ “รีวิว Anatara Veli” “รีวิว Angsana Iharu” ได้เร็วๆนี้ค่ะ
Related Posts: