20 Jun 2016

Tripizee พ๊อกเก็ตไวไฟใจดีที่ญี่ปุ่น และทั่วโลก

ฉันเป็นพวกชอบเปลี่ยนซิมค่ะ ไปเมืองไหนก็เปลี่ยนซิมร่ำไป เพราะมั่นใจมาตลอดว่าเป็นการติดต่อที่สะดวกสบายและถูกที่สุด

ทริปฮอกไกโดที่ผ่านมา เป็นทริปแรกที่ลองใช้พ๊อกเก็ตไวไฟของ Tripizee ซึ่งทีมงานผู้สนับสนุน ก็ยืนยันหนักแน่นว่า “สัญญานดีไม่มีหลุดแน่นอนค่ะ” …

ฉันอมยิ้มและบอกทีมงานตรงๆว่า “ถ้าไม่ดีจริง จูนขอไม่เขียนแนะนำให้ในแฟนเพจนะคะ หวังว่าจะเข้าใจ”

ก่อนเดินทางประมาณ 1 วัน เจ้าหน้าที่ Call Center ของ Tripizee ติดต่อเข้ามือถือ เพื่อนัดแนะเวลาและสถานที่ส่งเครื่อง ซึ่งฉันระบุให้เป็นที่บ้านค่ะ

อุปกรณ์ทั้งหมดประกอบด้วย พ็อกเก็ตไวไฟ สายชาร์จ และหัวปลั๊กอินเตอร์

พลันเครื่องบินล้อแตะถึงญี่ปุ่น เราก็เปิดสัญญานของเครื่องไวไฟที่ชาร์ตมาเต็มอัตรา ประเดิมกันในวันแรก และครั้งแรกของฉันด้วย (เชยใช่ไหมค่ะ) หลังจากเปิดตัวรับสัญญานไวไฟที่มือถือ และไอแพด จำนวนทั้งหมด 4 เครื่อง กรอกรหัสผ่านซึ่งติดอยู่ที่ตัวเครื่อง สัญญานชีพก็ล้นปรี่ภายในไม่กี่วินาที และเป็น 4G ด้วยค่ะ!!!

ตลอด 9-10 วันที่เดินทางในฮอกไกโด เราขับรถผ่านทะเลสาบ ขุนเขาเขียวขจี เลี้ยวเข้าเมืองโอตารุ ผ่านบิเอ ชมเนินเขาสองข้างทาง เข้าเมืองอาซาฮิกาว่า ฟูราโน่ และจบลงที่ซัปโปโร … สัญญานของ Tripizee แทบจะครอบคลุมทุกพื้นที่จริงๆค่ะ ถ้าให้คะแนนความพึงพอใจ ฉันและครอบครัว ลงมติให้ 9/10

สัญญานแรง และเร็ว เป็นสัญญาน 4G โดยเฉพาะในตัวเมืองสำคัญ จะมีสัญญานขาดหายบ้างก็เวลาขับรถซอกแซกตามขุนเขา ซึ่งเข้าใจได้ค่ะ
ข้อมูลต่อวันให้สูงถึง 1 GB ซึ่งเร็วแรงส์ และใช้กันไม่หมดเลยสักวัน
จะมีหักหนึ่งคะแนน เพราะต้องคอยชาร์ตไฟทุกคืน ถ้ารวมมือถือ ไอแพด ก็หลายเครื่องอยู่ที่ต้องชาร์ดสลับกัน และที่สำคัญกลัวลืมเครื่อง และอุปกรณ์หายเป็นที่สุดค่ะ !!!

จากประสบการณ์ครั้งนี้ ฉันเปลี่ยนความคิดต่อพ๊อกเก็ตไวไฟไปเยอะค่ะ

ถ้าเดินทางครั้งหน้าและไปด้วยกัน เป็นกลุ่มก้อน พ๊อกเก็ตไวไฟก็จะเป็นอีกทางเลือกที่ครอบครัวเราตัดสินใจใช้แน่นอน และบริการของ Tripizee ก็ครอบคลุมหลายประเทศ ไม่เฉพาะญี่ปุ่น แต่ยังมี สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน ไต้หวัน เกาหลี สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย ออสเตเลีย และยุโรปอีกด้วยค่ะ

ขั้นตอนการเช่าเครื่อง และคืนเครื่องของ Tripizee ค่ะ

(ควรจองเครื่องล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 5 วัน นะคะ)