หลังจากซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆมาทั้งคืน เช้านี้เราตื่นขึ้นมารับอากาศหนาวเย็นแบบที่ต้องใส่เสื้อข้างในเพิ่มอีกชั้น คงเพราะโรงแรมนี้ตั้งอยู่ในหุบเขา อุณหภูมิเลยหนาวสะท้านแม้จะเข้าช่วงฤดูร้อนก็ตาม
Chushan Mingjing Hot Spring Resort ตั้งอยู่หน้าอุทยานปี้เพิงโกว เป็นโรงแรมของคนจีน มีขนาดเล็กและเพิ่งเปิดตัวใหม่ ห้องพักเลยสะอาดสะอ้าน บริการดี และมีบ่อน้ำพุร้อนให้นอนแช่ออนเซนทั้งกลางแจ้งและในร่มด้วยนะ แต่สมาชิกทุกคนตัดใจไม่ลงแช่ออนเซน เพราะความร้อนจัดของน้ำอาจจะทำให้อาการแพ้ที่สูง (หากมี) เป็นอันตรายได้
มื้อเช้าของโรงแรมเป็นบุฟเฟ่ไลน์แบบง่ายๆ อาหารค่อนข้างจืด ไม่อร่อยเท่ามื้อเย็นที่กินกันเมื่อคืนนี้ แถมเครื่องทำกาแฟยังพังอีก และบริเวณหน้าอุทยานก็ไม่มีคาเฟ่เลย คงเพราะอยู่ในป่าเขาห่างไกลความเจริญ เลยทำให้หลายคนวิญญาณยังไม่คืนร่าง (เพจคนไทยเที่ยวเฉิงตูจอง Chushan Mingjing Hot Spring Resort ในราคาคืนละ 2,000 บาท)
Chushan Mingjing Hot Spring Resort












Breakfast




ร้านอาหารกับมื้อเย็นที่อร่อย





ปี้เผิงโกว (Bipengguo)
อุทยานแห่งที่ 2 ของมลฑลเสฉวนที่เราจะมาเที่ยวกันในวันนี้ ก็คือปี้เผิงโกวตั้งอยู่ในแนวหุบเขาเดียวกับสี่ดรุณี แต่อยู่ทางด้านทิศเหนือ ระยะห่างจากสี่ดรุณีประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น หลายคนจึงมักจับคู่เที่ยวปี้เผิงโกวกับสี่ดรุณี และมักเปรียบเทียบความงดงามระหว่างสองอุทยานว่าที่ไหนสวยงามกว่ากัน
ลักษณะการเที่ยวอุทยานปี้เผิงโกว ก็จะคล้ายกับสี่ดรุณี มีรถบัสอุทยานวิ่งบริการตลอดระยะทาง 26 กิโลเมตร แต่นอกจากรถบัสแล้ว ที่ปี้เผิงโกวยังมีรถกอลฟ์คันกะทัดรัด พานักท่องเที่ยววิ่งลึกเข้าไปด้านในอีกด้วย
ถนนหนทางในอุทยานปี้เผิงโกว คดเคี้ยวและขรุขระกว่าสี่ดรุณี รสบัสเลี้ยวโค้งหักศอกอยู่หลายโค้ง อยากถ่ายรูปถนนซิกแซกมาอวด แต่ก็จับภาพไม่ทัน แต่ถึงแม้เส้นทางจะโหด พวกเราก็ไม่มีใครเมารถ อาจจะเพราะเลือกนั่งด้านหน้า และคนขับรถขับไม่เหวี่ยงค่ะ
วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย คงเป็นเพราะระลอกใหญ่มาเที่ยวกันไปแล้วช่วงวันแรงงาน (Labor Day ที่จีนหยุดต่อเนื่องหลายวัน ทุกเอเจ้นแนะนำให้เลี่ยงวันที่ 1-7 พฤษภาคมค่ะ)
จุดจอดรถบัสในปี้เผิงโกวจะมีอยู่ 5 จุดใหญ่ๆ แต่เส้นทางเดินชมจะมีแตกออกไปอีกหลายเส้นทาง แต่พวกเราเลือกดูกันเพียง 3 จุดหลักๆ ก็อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว เราใช้เวลาอยู่ปี้เผิงโกวรวมกินข้าวเที่ยงกันประมาณ 2.30 ชั่วโมงค่ะ
จุดที่ 1 : หลงหวังไห่ – Longwanghai
ระดับความสูง 3,500 เมตร/ อุณหภูมิ 0-5 องศา เดือนพฤษาคม
ตำนานชาวจีนเชื่อกันว่าก้นของทะเลสาบแห่งนี้มีราชามังกรอาศัยอยู่ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ทะเลสาบเทพมังกร Dragon King Lake” น้ำในทะเลสาบเกิดจากการละลายของน้ำแข็ง ปราศจากมลพิษทั้งมวล น้ำจึงใสดังกระจกมองเห็นพื้นดินด้านล่าง ริมเขายังมีน้ำตก และมุมถ่ายรูปอย่างดีเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว
จุดหลงหวังไห่มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่ลัดเลาะไปตามทะเลสาบผ่านป่าสน ระหว่างทางเราได้เจอกับนกสีน้ำเงิน และกระรอกตัวน้อยที่ออกมาล้อเล่นกับผู้คน พวกเราทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย ได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่ไม่เบียดเบียนกัน














จุดที่ 2 : ซั่งไห่จื่อ – Shanghaizi
ระดับความสูง 3,671 เมตร/ อุณหภูมิ -2 องศา และหิมะตก เดือนพฤษาคม
จุดนี้เป็นที่เปลี่ยนจากรถบัสไปยังรถกอลฟ์ มีห้องน้ำ และร้านอาหารบริการ และทันทีที่เราลงจากรถบัส ก็พบว่า ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเมื่อชั่วโมงก่อน ได้เปลี่ยนจากละอองฝน กลายเป็นละอองหิมะ กลางเดือนพฤษภาคม หิมะยังตกได้บนยอดเขาของปี้เผิงโกว


จุดที่ 3 : ทะเลสาบพันหยางไห่ & จุดที่ 4 : Moon Bay
ระดับความสูง 3,676 เมตร / อุณหภูมิ 0 – 5 องศา เดือนพฤษภาคม
เราจะรวบจุดที่ 3 & 4 เข้าด้วยกัน เพราะเดินเชื่อมถึงกันได้ รถกอลฟ์พาเรามายังทะเลสาบพันหยางไห่ ด้วยระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 5-10 นาทีเท่านั้น
จุดแรกที่นักท่องเที่ยวหยุดถ่ายรูปกัน เป็นน้ำตกขันบันไดสายนี้ อากาศตอนนี้ดูอึมครึม ฟ้าปิด ไม่เห็นยอดเขาใดๆ เราเลยเดินมายังศูนย์อาหาร และตัดสินใจกินมื้อเที่ยงกันในอุทยาน ใครมากินข้าวที่จุดนี้ แนะนำให้ยกอาหารขึ้นไปบนชั้น 2 ที่มีกระจกบานใหญ่ เผยวิวของปี้เผิงโกว และยังมีมุมคาเฟ่ ให้เราจิบกาแฟเคล้าบรรยากาศไปพร้อมกัน
หลังจากกินข้าวเสร็จ สวรรค์คงเข้าข้างเรา เพราะท้องฟ้าเริ่มเปิด อากาศดีขึ้นอย่างกับไม่ใช่วันเดียวกัน และที่ Moon Bay มีสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยว ก็จะเห็นเทือกเขาสวยของปี้เผิงโกวเป็นองค์ประกอบ
พวกเราดีใจกันมาก ที่ปี้เผิงโกวเผยความงดงามให้เราได้เห็นในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย และยิ่งไปกว่านั้น เรายังได้ภาพสะท้อน reflection บนพื้นน้ำทะเลสาบ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย
มาถึงตรงนี้ ใครอยากจะสำรวจปี้เผิงโกวต่อ ก็ยังสามารถขึ้นไปยังจุดที่ 5 ได้อีก แต่พวกเราตัดสินใจกลับ เพราะวันนี้จะเป็นวันที่นั่งรถมาราธอน ข้ามไปยังฝั่งของจิ่วจ้ายโกว เลยขออำลาปี้เผิงโกวที่ตรงนี้
ส่วนคำถามที่ถูกตั้งไว้เมื่อตอนแรกว่าที่ไหนสวยกว่ากัน … ลุงตอบแบบไม่คิดเลยว่าปี้เผิงโกวชนะขาด คงเพราะธรรมชาติของปี้เผิงโกวสดและดิบกว่า มาเที่ยวแล้วรู้สึกได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ต่างจากสี่ดรุณีที่ทุกอย่างดูจัดวางไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยจนธรรมชาติกลายเป็นรองคลื่นมหาชนค่ะ





















รถตู้พาเรามุ่งสู่มลฑลเสฉวน
วันนี้เรานั่งรถกันยาว ข้ามมาเที่ยวฝั่งจิ่วจ้ายโกว ระยะทางกี่กิโลเมตรไม่รู้ รู้แต่ว่าจะเป็นวันที่นั่งรถนานกว่า 6-7 ชั่วโมง รถจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเพจคนไทยเที่ยวเฉิงตูได้เปลี่ยนจากรถยนต์ 7 ที่นั่ง เป็นรถตู้เบนซ์หลังคาสูงสำหรับ 9 ที่นั่ง ให้เราก่อนเดินทางไม่กี่วัน ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมาก เพราะถ้าต้องนั่งรถ 7 ที่นั่ง คงไม่สบายเนื้อตัว เมื่อยแข้งเมื่อยขา เราเลยเน้นย้ำกับทุกคนที่มาเที่ยวธรรมชาติในมลฑลเสฉวน ให้ไตร่ตรองเรื่องรถดีๆ ถ้ามากัน 2 คน รถ 7 ที่นั่ง หรือ SUV คันใหญ่ก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้ามากัน 4 คน บวกกระเป๋าอีก 4 ควรจะนั่งรถคันใหญ่ การเดินทางจะสะดวกสบายกว่า เอนจอยทริป ไม่ต้องเบียดเสียด และกระเป๋าก็มีที่วางเป็นสัดส่วนของตัวเอง





ทะเลสาบเตี๋ยซี (Dexi Lake) และจามรีสีขาว
จากปี้เผิงโกว มาถึงทะเลสาบเตี๋ยซี ใช้เวลาเดินทางกว่า 4 ชั่วโมง เรามาถึงที่นี่ประมาณ 4 โมงเย็น ท้องฟ้ายังสว่าง เพราะช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์ตกประมาณทุ่มกว่าๆ คนขับรถเวียนหามุมถ่ายรูปกับทะเลสาบให้เราอยู่สักพัก ก็มาหยุดตรงลานจอดที่มีมุมกว้าง และน้องจามรีสีขาว สัตว์พื้นถิ่นในบริเวณนี้
ในอดีตพื้นที่ตรงทะลเสาบเคยเป็นหมู่บ้านมาก่อน จนเมื่อเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน ทำให้ทั้งหมู่บ้านจมหายกลายเป็นทะเลสาบเตี๋ยซี ที่อยู่ระหว่างแนวเขาสลับซับซ้อน ธรรมชาติในวันนี้กลับมาสวยงามอีกครั้ง ผู้คนคงฟื้นตัวจากภัยธรรมชาติครั้งใหญ่นั้นได้บ้าง
ค่าถ่ายรูปกับจามรีประมาณ 30 หยวน พวกเราก็ชั่งใจอยู่สักพัก เพราะทุกคนล้วนรักสัตว์ แต่น้องดูสุขภาพดี อ้วนท้วน และขนสวย เลยขอถ่ายรูปคู่สักหน่อย น้องคงไม่โกรธเรานะ






Conrad Jiuzhaigou
พวกเรานั่งรถกันอีกเกือบ 4 ชั่วโมง ผ่านหมู่บ้านโบราณซงพาน ซึ่งตามโปรแกรมทัวร์จะให้ลงไปเดินเล่น แต่คำนวณแล้วถ้าลงไปดู เราอาจจะถึงโรงแรมเกือบห้าทุ่ม เราเลยตัดสินใจตัดหมู่บ้านซงพานออก และขับรถมุ่งหน้าสู่ Conrad Jiuzhaigou รถเลี้ยวเข้าโรงแรมประมาณ 2 ทุ่ม เปมมี่น้องนักศึกษาที่มาด้วยกันช่วยประสานงาน สั่งอาหาร room service เราเลยได้กินอาหารทันทีหลังจากเช็คอินเข้าห้องพักค่ะ (บล็อกโรงแรม Conrad Jiuzhaigou)
5 Jun 2025
0 Comments
Day 3 : ปี้เผิงโกว – ทะเลสาบเตี๋ยซี – จิ่วจ้ายโกว
หลังจากซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆมาทั้งคืน เช้านี้เราตื่นขึ้นมารับอากาศหนาวเย็นแบบที่ต้องใส่เสื้อข้างในเพิ่มอีกชั้น คงเพราะโรงแรมนี้ตั้งอยู่ในหุบเขา อุณหภูมิเลยหนาวสะท้านแม้จะเข้าช่วงฤดูร้อนก็ตาม
Chushan Mingjing Hot Spring Resort ตั้งอยู่หน้าอุทยานปี้เพิงโกว เป็นโรงแรมของคนจีน มีขนาดเล็กและเพิ่งเปิดตัวใหม่ ห้องพักเลยสะอาดสะอ้าน บริการดี และมีบ่อน้ำพุร้อนให้นอนแช่ออนเซนทั้งกลางแจ้งและในร่มด้วยนะ แต่สมาชิกทุกคนตัดใจไม่ลงแช่ออนเซน เพราะความร้อนจัดของน้ำอาจจะทำให้อาการแพ้ที่สูง (หากมี) เป็นอันตรายได้
มื้อเช้าของโรงแรมเป็นบุฟเฟ่ไลน์แบบง่ายๆ อาหารค่อนข้างจืด ไม่อร่อยเท่ามื้อเย็นที่กินกันเมื่อคืนนี้ แถมเครื่องทำกาแฟยังพังอีก และบริเวณหน้าอุทยานก็ไม่มีคาเฟ่เลย คงเพราะอยู่ในป่าเขาห่างไกลความเจริญ เลยทำให้หลายคนวิญญาณยังไม่คืนร่าง (เพจคนไทยเที่ยวเฉิงตูจอง Chushan Mingjing Hot Spring Resort ในราคาคืนละ 2,000 บาท)
Chushan Mingjing Hot Spring Resort
Breakfast
ร้านอาหารกับมื้อเย็นที่อร่อย
ปี้เผิงโกว (Bipengguo)
อุทยานแห่งที่ 2 ของมลฑลเสฉวนที่เราจะมาเที่ยวกันในวันนี้ ก็คือปี้เผิงโกวตั้งอยู่ในแนวหุบเขาเดียวกับสี่ดรุณี แต่อยู่ทางด้านทิศเหนือ ระยะห่างจากสี่ดรุณีประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น หลายคนจึงมักจับคู่เที่ยวปี้เผิงโกวกับสี่ดรุณี และมักเปรียบเทียบความงดงามระหว่างสองอุทยานว่าที่ไหนสวยงามกว่ากัน
ลักษณะการเที่ยวอุทยานปี้เผิงโกว ก็จะคล้ายกับสี่ดรุณี มีรถบัสอุทยานวิ่งบริการตลอดระยะทาง 26 กิโลเมตร แต่นอกจากรถบัสแล้ว ที่ปี้เผิงโกวยังมีรถกอลฟ์คันกะทัดรัด พานักท่องเที่ยววิ่งลึกเข้าไปด้านในอีกด้วย
ถนนหนทางในอุทยานปี้เผิงโกว คดเคี้ยวและขรุขระกว่าสี่ดรุณี รสบัสเลี้ยวโค้งหักศอกอยู่หลายโค้ง อยากถ่ายรูปถนนซิกแซกมาอวด แต่ก็จับภาพไม่ทัน แต่ถึงแม้เส้นทางจะโหด พวกเราก็ไม่มีใครเมารถ อาจจะเพราะเลือกนั่งด้านหน้า และคนขับรถขับไม่เหวี่ยงค่ะ
วันนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างน้อย คงเป็นเพราะระลอกใหญ่มาเที่ยวกันไปแล้วช่วงวันแรงงาน (Labor Day ที่จีนหยุดต่อเนื่องหลายวัน ทุกเอเจ้นแนะนำให้เลี่ยงวันที่ 1-7 พฤษภาคมค่ะ)
จุดจอดรถบัสในปี้เผิงโกวจะมีอยู่ 5 จุดใหญ่ๆ แต่เส้นทางเดินชมจะมีแตกออกไปอีกหลายเส้นทาง แต่พวกเราเลือกดูกันเพียง 3 จุดหลักๆ ก็อิ่มอกอิ่มใจกันแล้ว เราใช้เวลาอยู่ปี้เผิงโกวรวมกินข้าวเที่ยงกันประมาณ 2.30 ชั่วโมงค่ะ
จุดที่ 1 : หลงหวังไห่ – Longwanghai
ระดับความสูง 3,500 เมตร/ อุณหภูมิ 0-5 องศา เดือนพฤษาคม
ตำนานชาวจีนเชื่อกันว่าก้นของทะเลสาบแห่งนี้มีราชามังกรอาศัยอยู่ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ทะเลสาบเทพมังกร Dragon King Lake” น้ำในทะเลสาบเกิดจากการละลายของน้ำแข็ง ปราศจากมลพิษทั้งมวล น้ำจึงใสดังกระจกมองเห็นพื้นดินด้านล่าง ริมเขายังมีน้ำตก และมุมถ่ายรูปอย่างดีเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยว
จุดหลงหวังไห่มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติที่ลัดเลาะไปตามทะเลสาบผ่านป่าสน ระหว่างทางเราได้เจอกับนกสีน้ำเงิน และกระรอกตัวน้อยที่ออกมาล้อเล่นกับผู้คน พวกเราทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย ได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ที่ไม่เบียดเบียนกัน
จุดที่ 2 : ซั่งไห่จื่อ – Shanghaizi
ระดับความสูง 3,671 เมตร/ อุณหภูมิ -2 องศา และหิมะตก เดือนพฤษาคม
จุดนี้เป็นที่เปลี่ยนจากรถบัสไปยังรถกอลฟ์ มีห้องน้ำ และร้านอาหารบริการ และทันทีที่เราลงจากรถบัส ก็พบว่า ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเมื่อชั่วโมงก่อน ได้เปลี่ยนจากละอองฝน กลายเป็นละอองหิมะ กลางเดือนพฤษภาคม หิมะยังตกได้บนยอดเขาของปี้เผิงโกว
จุดที่ 3 : ทะเลสาบพันหยางไห่ & จุดที่ 4 : Moon Bay
ระดับความสูง 3,676 เมตร / อุณหภูมิ 0 – 5 องศา เดือนพฤษภาคม
เราจะรวบจุดที่ 3 & 4 เข้าด้วยกัน เพราะเดินเชื่อมถึงกันได้ รถกอลฟ์พาเรามายังทะเลสาบพันหยางไห่ ด้วยระยะทางประมาณ 4.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 5-10 นาทีเท่านั้น
จุดแรกที่นักท่องเที่ยวหยุดถ่ายรูปกัน เป็นน้ำตกขันบันไดสายนี้ อากาศตอนนี้ดูอึมครึม ฟ้าปิด ไม่เห็นยอดเขาใดๆ เราเลยเดินมายังศูนย์อาหาร และตัดสินใจกินมื้อเที่ยงกันในอุทยาน ใครมากินข้าวที่จุดนี้ แนะนำให้ยกอาหารขึ้นไปบนชั้น 2 ที่มีกระจกบานใหญ่ เผยวิวของปี้เผิงโกว และยังมีมุมคาเฟ่ ให้เราจิบกาแฟเคล้าบรรยากาศไปพร้อมกัน
หลังจากกินข้าวเสร็จ สวรรค์คงเข้าข้างเรา เพราะท้องฟ้าเริ่มเปิด อากาศดีขึ้นอย่างกับไม่ใช่วันเดียวกัน และที่ Moon Bay มีสัญลักษณ์พระจันทร์เสี้ยว ก็จะเห็นเทือกเขาสวยของปี้เผิงโกวเป็นองค์ประกอบ
พวกเราดีใจกันมาก ที่ปี้เผิงโกวเผยความงดงามให้เราได้เห็นในครึ่งชั่วโมงสุดท้าย และยิ่งไปกว่านั้น เรายังได้ภาพสะท้อน reflection บนพื้นน้ำทะเลสาบ กลับมาเป็นที่ระลึกอีกด้วย
มาถึงตรงนี้ ใครอยากจะสำรวจปี้เผิงโกวต่อ ก็ยังสามารถขึ้นไปยังจุดที่ 5 ได้อีก แต่พวกเราตัดสินใจกลับ เพราะวันนี้จะเป็นวันที่นั่งรถมาราธอน ข้ามไปยังฝั่งของจิ่วจ้ายโกว เลยขออำลาปี้เผิงโกวที่ตรงนี้
ส่วนคำถามที่ถูกตั้งไว้เมื่อตอนแรกว่าที่ไหนสวยกว่ากัน … ลุงตอบแบบไม่คิดเลยว่าปี้เผิงโกวชนะขาด คงเพราะธรรมชาติของปี้เผิงโกวสดและดิบกว่า มาเที่ยวแล้วรู้สึกได้เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ต่างจากสี่ดรุณีที่ทุกอย่างดูจัดวางไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยจนธรรมชาติกลายเป็นรองคลื่นมหาชนค่ะ
รถตู้พาเรามุ่งสู่มลฑลเสฉวน
วันนี้เรานั่งรถกันยาว ข้ามมาเที่ยวฝั่งจิ่วจ้ายโกว ระยะทางกี่กิโลเมตรไม่รู้ รู้แต่ว่าจะเป็นวันที่นั่งรถนานกว่า 6-7 ชั่วโมง รถจึงเป็นเรื่องสำคัญ และเพจคนไทยเที่ยวเฉิงตูได้เปลี่ยนจากรถยนต์ 7 ที่นั่ง เป็นรถตู้เบนซ์หลังคาสูงสำหรับ 9 ที่นั่ง ให้เราก่อนเดินทางไม่กี่วัน ซึ่งก็ถือว่าโชคดีมาก เพราะถ้าต้องนั่งรถ 7 ที่นั่ง คงไม่สบายเนื้อตัว เมื่อยแข้งเมื่อยขา เราเลยเน้นย้ำกับทุกคนที่มาเที่ยวธรรมชาติในมลฑลเสฉวน ให้ไตร่ตรองเรื่องรถดีๆ ถ้ามากัน 2 คน รถ 7 ที่นั่ง หรือ SUV คันใหญ่ก็น่าจะเพียงพอ แต่ถ้ามากัน 4 คน บวกกระเป๋าอีก 4 ควรจะนั่งรถคันใหญ่ การเดินทางจะสะดวกสบายกว่า เอนจอยทริป ไม่ต้องเบียดเสียด และกระเป๋าก็มีที่วางเป็นสัดส่วนของตัวเอง
ทะเลสาบเตี๋ยซี (Dexi Lake) และจามรีสีขาว
จากปี้เผิงโกว มาถึงทะเลสาบเตี๋ยซี ใช้เวลาเดินทางกว่า 4 ชั่วโมง เรามาถึงที่นี่ประมาณ 4 โมงเย็น ท้องฟ้ายังสว่าง เพราะช่วงฤดูร้อน พระอาทิตย์ตกประมาณทุ่มกว่าๆ คนขับรถเวียนหามุมถ่ายรูปกับทะเลสาบให้เราอยู่สักพัก ก็มาหยุดตรงลานจอดที่มีมุมกว้าง และน้องจามรีสีขาว สัตว์พื้นถิ่นในบริเวณนี้
ในอดีตพื้นที่ตรงทะลเสาบเคยเป็นหมู่บ้านมาก่อน จนเมื่อเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน ทำให้ทั้งหมู่บ้านจมหายกลายเป็นทะเลสาบเตี๋ยซี ที่อยู่ระหว่างแนวเขาสลับซับซ้อน ธรรมชาติในวันนี้กลับมาสวยงามอีกครั้ง ผู้คนคงฟื้นตัวจากภัยธรรมชาติครั้งใหญ่นั้นได้บ้าง
ค่าถ่ายรูปกับจามรีประมาณ 30 หยวน พวกเราก็ชั่งใจอยู่สักพัก เพราะทุกคนล้วนรักสัตว์ แต่น้องดูสุขภาพดี อ้วนท้วน และขนสวย เลยขอถ่ายรูปคู่สักหน่อย น้องคงไม่โกรธเรานะ
Conrad Jiuzhaigou
พวกเรานั่งรถกันอีกเกือบ 4 ชั่วโมง ผ่านหมู่บ้านโบราณซงพาน ซึ่งตามโปรแกรมทัวร์จะให้ลงไปเดินเล่น แต่คำนวณแล้วถ้าลงไปดู เราอาจจะถึงโรงแรมเกือบห้าทุ่ม เราเลยตัดสินใจตัดหมู่บ้านซงพานออก และขับรถมุ่งหน้าสู่ Conrad Jiuzhaigou รถเลี้ยวเข้าโรงแรมประมาณ 2 ทุ่ม เปมมี่น้องนักศึกษาที่มาด้วยกันช่วยประสานงาน สั่งอาหาร room service เราเลยได้กินอาหารทันทีหลังจากเช็คอินเข้าห้องพักค่ะ (บล็อกโรงแรม Conrad Jiuzhaigou)
Related Posts: