ฉันไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์โดราเอมอนเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ นั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุไปลงที่สถานีโนโบริโต๊ะ (Noborito Station) จากนั้นก็นั่งรถมินิบัสตัวการ์ตูนต่อไปยังพิพิธภัณฑ์เพียงอึดใจเดียว
ทริปนั้น ฉันตั้งใจให้หลานๆได้รู้จักโดราเอมอน ตัวการ์ตูนสุดป่วนที่โด่งดังในยุคของฉัน ฉันคาดหวังว่า พิพิธภัณฑ์นี้คงจะเฮฮาเหมือนสวนสนุก น่ารักและสดใสดังเช่นอารมณ์ที่ได้รับจากการอ่านจากหนังสือการ์ตูน แต่ฉันคิดผิดค่ะ ….
เรื่องจริงของเจ้าแมวแห่งโลกอนาคต
โดราเอมอนถือกำเนิดในวันที่ 3 กันยายน ปี 1970 และมีอายุ 45 ปี ในเดือนนี้
โดราเอมอนตัวแรกของโลกมีหางเป็นสีน้ำเงิน ไม่ใช่สีแดงเหมือนทุกวันนี้
ใบโปรโมตหนังสือการ์ตูนโดราเอมอนครั้งแรก เป็นภาพลิ้นชักเปิดออก พร้อมตัวหนังสือ “เขากำลังจะมา” เพราะนักเขียนยังคิดไม่ออกว่าหน้าตาโดราเอมอนนั้นจะเป็นอย่างไร
นักเขียนของโดเรเอมอนมี 2 คน และใช้นามปากกกาว่า Fujiko F Fujio
โดราเอมอนมีทั้งหมดกว่าหนึ่งพันตอน ทุกตอนแฝงไว้ด้วยข้อคิด และการใช้ชีวิต
Hiroshi Fujimoto เป็นหนึ่งในผู้สร้างโดราเอมอนที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก และพิพิธภัณฑ์ แห่งนี้ก็บอกเล่าเรื่องราวต่างๆของเขา “บิดาของโดราเอมอน”
นอกจากโดราเอมอน เขายังสร้าง Q Taro และ Parman อีกด้วย
Hiroshi Fujimoto ใฝ่ฝันอยากเป็นมังก้ามาสเตอร์มาตั้งแต่เด็กๆ โดยแรงบันดาลใจของเขามาจาก นักเขียนการ์ตูนชื่อดังของยุคนั้น Osamu Tezuka ซึ่งเขียน Astro Boy
Hiroshi Fujimoto เสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 62 ที่เมืองคาวาซากิ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ภาพสุดท้ายของโดราเอมอน ถูกติดไว้ในรถมินิบัสที่รับส่งผู้โดยสารของพิพิธภัณฑ์ เป็นภาพที่โดราเอมอน นั่งมองโนบิตะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะข้ามเวลากลับไปสู่โลกอนาคต และไม่กลับมาอีกเลย
พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน แฝงข้อคิดที่ลึกซึ่งไว้มากมาย บางอย่างยากเกินกว่าเด็กๆจะเข้าใจ จึงเหมาะกับผู้ใหญ่ในหลายแง่มุม บางส่วนของการ์ตูนที่ถูกหยิบยกมาเล่า ห้องทำงานจำลองของนักเขียน บีบคั้นน้ำตาให้ซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัว
น่าเสียดายที่ภายในพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปใดๆทั้งสิ้น ฉันจึงเก็บภาพเฉพาะบางพื้นที่ของด้านนอก และชั้นสองที่อนุญาติให้ถ่ายได้ค่ะ
บรรยากาศที่ชั้นสอง มุมอ่านหนังสือการ์ตูน
ลานด้านนอก มีรูปปั้นโดราเอมอน และโดเรมีให้ถ่ายรูป
เมนูของร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งวันที่ไป ร้านกำลังจะปิดแล้วค่ะ
สินค้าบางส่วนที่ขายในร้านของที่ระลึก
การตกแต่งภายในของรถมินิบัส
Happy Birthday นะ เจ้าแมวอ้วน ขอบใจที่ให้ทั้งรอยยิ้มและน้ำตา
Thanks for the happy moments!!!
การเดินทาง รถไฟสาย Odakyu Odawara จากสถานี Shinjuku มาที่ Noborito ประมาณ 20 นาที
และต่อรถมินิบัสของพิพิธภัณฑ์ซึ่งรวมในค่าตั๋วแล้วอีกประมาณ 5 นาที
ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 12-18 ปี 700 เยน เด็ก 4-11 ปี 500 เยน และฟรีสำหรับเด็กต่ำกว่า 4 ขวบ
ตั๋วไม่มีขายที่พิพิธภัณฑ์ ต้องซื้อล่วงหน้าเท่านั้น
- ถ้าซื้อในญี่ปุ่น ซื้อได้ที่ Lawson ทุกสาขาจากเครื่อง Loppi Ticket Machines ควรให้พนักงานแปล ภาษาญี่ปุ่นให้ ตั๋วจะขายเพียงแค่หนึ่งเดือนล่วงหน้าเท่านั้น ตั๋วที่ซื้อต้องระบุวัน และเลือกเวลา รอบ 00, 12.00, 14.00 และ 16.00 น.
- ถ้าจะซื้อทางอินเตอร์เน็ตก็ทำได้ แต่เว็บเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น และมารับตั๋วได้ที่ Lawson
- ราคาตั๋ว รวมเครื่อง Audio Guide อธิบายจุดต่างๆของพิพิธภัณฑ์
เปิด ปิด 10.00-18.00 น. ทุกวัน ปิดทุกวันอังคาร และ 30 ธันวาคม – 3 มกราคม
เว็บไซต์ www.fujiko-museum.com
3 Sep 2015
0 Comments
45th Birthday โดราเอมอน : เรื่องจริงของเจ้าแมวแห่งโลกอนาคต
ฉันไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์โดราเอมอนเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ นั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุไปลงที่สถานีโนโบริโต๊ะ (Noborito Station) จากนั้นก็นั่งรถมินิบัสตัวการ์ตูนต่อไปยังพิพิธภัณฑ์เพียงอึดใจเดียว
ทริปนั้น ฉันตั้งใจให้หลานๆได้รู้จักโดราเอมอน ตัวการ์ตูนสุดป่วนที่โด่งดังในยุคของฉัน ฉันคาดหวังว่า พิพิธภัณฑ์นี้คงจะเฮฮาเหมือนสวนสนุก น่ารักและสดใสดังเช่นอารมณ์ที่ได้รับจากการอ่านจากหนังสือการ์ตูน แต่ฉันคิดผิดค่ะ ….
เรื่องจริงของเจ้าแมวแห่งโลกอนาคต
โดราเอมอนถือกำเนิดในวันที่ 3 กันยายน ปี 1970 และมีอายุ 45 ปี ในเดือนนี้
โดราเอมอนตัวแรกของโลกมีหางเป็นสีน้ำเงิน ไม่ใช่สีแดงเหมือนทุกวันนี้
ใบโปรโมตหนังสือการ์ตูนโดราเอมอนครั้งแรก เป็นภาพลิ้นชักเปิดออก พร้อมตัวหนังสือ “เขากำลังจะมา” เพราะนักเขียนยังคิดไม่ออกว่าหน้าตาโดราเอมอนนั้นจะเป็นอย่างไร
นักเขียนของโดเรเอมอนมี 2 คน และใช้นามปากกกาว่า Fujiko F Fujio
โดราเอมอนมีทั้งหมดกว่าหนึ่งพันตอน ทุกตอนแฝงไว้ด้วยข้อคิด และการใช้ชีวิต
Hiroshi Fujimoto เป็นหนึ่งในผู้สร้างโดราเอมอนที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก และพิพิธภัณฑ์ แห่งนี้ก็บอกเล่าเรื่องราวต่างๆของเขา “บิดาของโดราเอมอน”
นอกจากโดราเอมอน เขายังสร้าง Q Taro และ Parman อีกด้วย
Hiroshi Fujimoto ใฝ่ฝันอยากเป็นมังก้ามาสเตอร์มาตั้งแต่เด็กๆ โดยแรงบันดาลใจของเขามาจาก นักเขียนการ์ตูนชื่อดังของยุคนั้น Osamu Tezuka ซึ่งเขียน Astro Boy
Hiroshi Fujimoto เสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 62 ที่เมืองคาวาซากิ ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ภาพสุดท้ายของโดราเอมอน ถูกติดไว้ในรถมินิบัสที่รับส่งผู้โดยสารของพิพิธภัณฑ์ เป็นภาพที่โดราเอมอน นั่งมองโนบิตะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะข้ามเวลากลับไปสู่โลกอนาคต และไม่กลับมาอีกเลย
พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน แฝงข้อคิดที่ลึกซึ่งไว้มากมาย บางอย่างยากเกินกว่าเด็กๆจะเข้าใจ จึงเหมาะกับผู้ใหญ่ในหลายแง่มุม บางส่วนของการ์ตูนที่ถูกหยิบยกมาเล่า ห้องทำงานจำลองของนักเขียน บีบคั้นน้ำตาให้ซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัว
น่าเสียดายที่ภายในพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปใดๆทั้งสิ้น ฉันจึงเก็บภาพเฉพาะบางพื้นที่ของด้านนอก และชั้นสองที่อนุญาติให้ถ่ายได้ค่ะ
บรรยากาศที่ชั้นสอง มุมอ่านหนังสือการ์ตูน
ลานด้านนอก มีรูปปั้นโดราเอมอน และโดเรมีให้ถ่ายรูป
เมนูของร้านอาหาร และคาเฟ่ ซึ่งวันที่ไป ร้านกำลังจะปิดแล้วค่ะ
สินค้าบางส่วนที่ขายในร้านของที่ระลึก
การตกแต่งภายในของรถมินิบัส
Happy Birthday นะ เจ้าแมวอ้วน ขอบใจที่ให้ทั้งรอยยิ้มและน้ำตา
Thanks for the happy moments!!!
การเดินทาง รถไฟสาย Odakyu Odawara จากสถานี Shinjuku มาที่ Noborito ประมาณ 20 นาที
และต่อรถมินิบัสของพิพิธภัณฑ์ซึ่งรวมในค่าตั๋วแล้วอีกประมาณ 5 นาที
ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 12-18 ปี 700 เยน เด็ก 4-11 ปี 500 เยน และฟรีสำหรับเด็กต่ำกว่า 4 ขวบ
ตั๋วไม่มีขายที่พิพิธภัณฑ์ ต้องซื้อล่วงหน้าเท่านั้น
เปิด ปิด 10.00-18.00 น. ทุกวัน ปิดทุกวันอังคาร และ 30 ธันวาคม – 3 มกราคม
เว็บไซต์ www.fujiko-museum.com
Related Posts: