ความเงียบสงบจนแทบจะไร้เสียงเครื่องยนต์ … อากาศที่สดและเย็นสบาย … ลำตัวเก้าอี้ที่กว้างใหญ่ … ทำให้การเดินทางเกือบ 12 ชั่วโมงครั้งนี้ สบายกายมากกว่าครั้งใดๆ ความเหนื่อยและเมื่อยล้าเมื่อเทียบจากการเดินทางครั้งก่อนแทบไม่มีร่องรอยให้เห็น …
ฉันและคณะของการบินไทย ร่วมด้วยสองซูเปอร์สตาร์ คุณแอน ทองประสม และคุณจอย รินลณี ศรีเพ็ญ กำลังพาพวกเราบินตรงจากกรุงเทพสู่ลอนดอนด้วยเครื่องบิน A380 นกยักษ์ที่ใครๆ ก็ตกหลุมรักเมื่อแรกนั่ง แบบ “Love at First Flight”
เที่ยวบินนี้เป็นเส้นทางการบินครั้งล่าสุดของ A380 ของสายการบินไทยที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา และกลายเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึก เพราะเป็นการบินเที่ยวที่ 100 ตั้งแต่เครื่องบิน A380 เปิดให้บริการมา
กระเป๋าเดินทางสีแดงเพลิงของฉันผูกป้าย Fly Thai A380 : First Flight BKK-LHR ไว้ด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะถูกโหลดลงไปที่เคาน์เตอร์ A ของสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางข้ามฟ้าสู่อีกซีกโลกหนึ่ง ณ กรุงลอนดอน
คณะของเราแวะพักผ่อนและเตรียมงานก่อนออกเดินทางกันในห้องรับรอง Royal Silk Lounge ได้เติมพลังระหว่างประชุมด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้อย่างเต็มที่สำหรับลูกค้าชั้นธุรกิจ และลูกค้าผู้ถือบัตรทองของการบินไทย
ประตูทางออก C3 เปิดกว้างในยามเที่ยงคืน และถึงแม้จะง่วงสักเพียงใดทีมงานทั้งหมด พร้อมกับคุณแอน และคุณจอยก็แอ๊คท่าถ่ายรูปอย่างมืออาชีพ “เราพร้อมแล้ว!!!”… London is Calling!!!
A380 เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดของโลก จุผู้โดยสารได้ทั้งหมดกว่า 800 คน ทว่าเครื่อง A380 ของการบิน ไทยเลือกที่จะตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นสำคัญ จึงมีเพียง 507 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น Royal First Class 12 ที่นั่ง Royal Silk Class 60 ที่นั่ง และ Economy Class 435 ที่นั่ง
บันไดกว้างตรงส่วนหัวของเครื่องนำทางเราขึ้นไปยังชั้นสองของเครื่องบิน ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดอยู่นั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังเดินขึ้นยอดปราสาทเพื่อไปชมความงามของห้องแกรนด์บอลรูม…. ที่นั่ง Royal First Class เป็นโซนแรกของชั้นสอง อาการตาโตและแอบอิจฉาเบาๆ เริ่มออกอาการทันทีกับผู้โชคดีทั้ง 12 ท่านที่จะได้นั่งในคืนนี้
Royal First Class ตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองสดใสสบายตา เบาะผ้าสีอำพันห่อหุ้มเก้าอี้ขนาดมหึมาถึง 26.5 นิ้ว ทุกเก้าอี้ปรับเอนได้เป็นระนาบ 180 องศา พร้อมกับจอทีวีส่วนตัว 23 นิ้ว ที่ให้ความสบายเหมือนดังเตียงนอนที่บ้าน
นอกจากความสะดวกสบายของเก้าอี้ขนาดยักษ์ Royal First Class ยังมีมุมโซฟาให้ผู้โดยสารได้ยืดแข้งยืด ขาหรือจะโยคะกลางอากาศก็ไม่มีใครว่า
ห้องน้ำของโซนนี้มีขนาดใหญ่จนฉันยืนกางแขนและขาได้อย่างสบายๆ ไม่ติดขัดอะไรเลย ภายในห้องน้ำ แยกออกเป็นส่วนของห้องแต่งตัวและแต่งหน้า กับที่ล้างมือและชักโครก เครื่องประทินผิวทั้งหลายก็ใช้ยี่ห้อชั้นเลิศ สมแล้วกับที่เป็น Royal First Class เสียจริงๆค่ะ
ถัดไปเป็นที่นั่งของ Royal Silk Class หรือชั้นธุรกิจซึ่งมีทั้งหมด 60 ที่นั่ง อารมณ์ของโซนนี้ดูเงียบขรึม เหมือนนักธุรกิจ แต่ก็สบายตาด้วยผ้าหุ้มเบาะสีม่วงเข้มและอ่อนสลับกันซึ่งเป็นสีประจำของการบินไทย ที่เห็นแล้วก็ภูมิใจแทบทุกครั้ง
เก้าอี้นั่งในชั้นธุรกิจนี้ถูกจัดวางได้อย่างลงตัว แต่ละแถวมีเก้าอี้เพียง 4 ชุดเท่านั้น พื้นที่ที่เหลือถูกปล่อยให้โล่ง เพื่อความสบายของร่างกายในขณะที่ต้องเดินทางไกล
ผู้โดยสารแต่ละคนเริ่มทำกิจกรรมตามใจชอบ … คุณแอนประเดิมด้วยน้ำดื่มเย็นๆหนึ่งแก้ว
ส่วนคุณจอยก็เริ่มค้นหารายการทีวีและหนังสุดโปรด
สำหรับฉันที่เน้นความอร่อยเป็นหลัก ก็เริ่มเล็งเมนูเด็ดของรอบดึกและมื้อเช้าที่การบินไทยจัดตัวเลือกแสนอร่อยไว้ให้หลายจานอยู่
มื้อดึกของคืนนี้ เริ่มด้วยจานรองท้อง ก่อนจะต่อด้วยปลาแซลมอนร้อนๆ และขนมหวานค่ะ
ต่อไปเป็นโซนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเครื่องบิน กินพื้นที่เกือบ 2/3 ของทั้งลำ ที่นั่งชั้นประหยัดหรือ Economy Class ของการบินไทยบนเครื่อง A380 นี้ อวดได้เลยว่าสะดวกสบายไม่แพ้สายการบินใด และยิ่งไปกว่านั้นขนาดเก้าอี้ ที่กว้างถึง 18 นิ้ว ทำให้เป็นชั้นประหยัดที่มีเก้าอี้ใหญ่ที่สุด หากเทียบกับบรรดาสายการบินอื่นอีกด้วยค่ะ… โซนนี้ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ปรับอารมณ์ให้สนุกสนานขึ้นเด้วยเก้าอี้เบาะสีชมพูบานเย็นสลับกับสีม่วงของการ บินไทย สิ่งอำนวยความสะดวกสบายก็ครบครันด้วยทีวีส่วนตัวจอ 10.6 นิ้ว และความยาวระหว่าง เก้าอี้หน้าถึงหลัง 32 นิ้วค่ะ
นอกจากโซนที่นั่งทั้งสามนี้เครื่อง A380 ยังมีสมรรถนะพิเศษอีกหลายข้อ เช่น ความเงียบของห้องผู้โดยสาร ที่นิ่งสงัดเหมือนนั่งอยู่ในรถยุโรปชั้นดี ความนุ่มเวลาเครื่องขึ้นและลงจนแทบจะไม่รู้สึกตัวในบางครั้ง เช่นเดียวกับระบบปรับอากาศที่แยกโซนกำหนดอุณหภูมิ ทำให้ทั้งผิวหน้าและผิวตัวยังคงความมชุ่มชื้น ยามเมื่อต้องบินระยะทางไกลอีกด้วยค่ะ
แต่ก่อนจะหลับตาลงและฝันถึงอ๊อกฟอร์ดสตรีทในเช้าวันพรุ่งนี้ ฉันออกเดินสำรวจเครื่องบินลำนี้อีกสักพักใหญ่ และได้เจอกับบันไดวนที่ด้านหลังของชั้นสองซึ่งเป็นทางขึ้นของผู้โดยสารชั้นประหยัด เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวยและแสดงให้เห็นถึงความใหญ่โตของเครื่องบิน เช่นเดียวกับพื้นที่ของลานเตรียมอาหารที่ด้านหลังเครื่อง ซึ่งมีทั้งลิฟท์ส่งอาหาร เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ ตู้เย็น และแน่นอนว่าได้เจอกับพนักงานต้อนรับของการบินไทยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกันทุกคนตลอดไฟลท์
ก่อนเครื่องลงประมาณหนึ่งชั่วโมง อาหารเช้า ผลไม้และโยเกิร์ตก็ถูกเสิร์ฟลงตรงหน้า ก่อนจะตามมาด้วย แพนเค้กและไส้กรอกแสนอร่อย เสียงประกาศของกัปตันเตือนเราว่าอีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ เราก็จะร่อนลง ถึงจุดหมาย “ลอนดอน” กันแล้ว … ฉันยิ้มละไมในทันที
สำหรับผู้โดยสารชั้น Royal First Class และ Royal Silk Class นั้น การบินไทยจะแจกใบเบ่งสีแดง หรือ Immigration Fast Track มาพร้อมกับใบตรวจคนเข้าเมือง ใบเบ่งสีแดงนี้จะพาเราผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง ได้อย่างว่องไวและสะดวกสบายเป็นที่สุดค่ะ
แต่ก่อนจะลาจากเครื่องบิน A380 ที่ฉันตกหลุมรักลำนี้ฉันขอเข้าไปชมค๊อกพิทของกัปตัน ชื่นชมกับความล้ำสมัย ของเทคโนโลยีที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นอย่างตระการตากับหน้าจอและปุ่มกดหลากสี ที่ไม่น่าเชื่อว่าสมองคนๆ หนึ่งจะจดจำกันได้หมด … Love at First Flight และการบินที่ Smooth as Silk นี้ ยังมีเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง ติดตามอ่านกันได้ในตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณ
คุณปริยา จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้าดิจิทัล
คุณปรียนันท์ มงคลศรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้าดิจิทัล
คุณเมธาวรินทร์ มณีกูลพันธ์ ฝ่ายบริหารบริษัท TQPR ประเทศไทย
รายการทีวี “Bangkok Gossip” สำหรับรูปคุณแอน ทองประสม และคุณจอย รินลณี
คุณไชยพร มีคำ (TAPG)
คุณศุภรัตน์ TAPG
และผู้ร่วมคณะเดินทางทุกท่าน
3 Oct 2015
0 Comments
Love at First Flight : การเดินทางครั้งล่าสุดกับ A380 จาก “กรุงเทพ” สู่ “อ๊อกฟอร์ดสตรีท”
ความเงียบสงบจนแทบจะไร้เสียงเครื่องยนต์ … อากาศที่สดและเย็นสบาย … ลำตัวเก้าอี้ที่กว้างใหญ่ … ทำให้การเดินทางเกือบ 12 ชั่วโมงครั้งนี้ สบายกายมากกว่าครั้งใดๆ ความเหนื่อยและเมื่อยล้าเมื่อเทียบจากการเดินทางครั้งก่อนแทบไม่มีร่องรอยให้เห็น …
ฉันและคณะของการบินไทย ร่วมด้วยสองซูเปอร์สตาร์ คุณแอน ทองประสม และคุณจอย รินลณี ศรีเพ็ญ กำลังพาพวกเราบินตรงจากกรุงเทพสู่ลอนดอนด้วยเครื่องบิน A380 นกยักษ์ที่ใครๆ ก็ตกหลุมรักเมื่อแรกนั่ง แบบ “Love at First Flight”
เที่ยวบินนี้เป็นเส้นทางการบินครั้งล่าสุดของ A380 ของสายการบินไทยที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา และกลายเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจารึก เพราะเป็นการบินเที่ยวที่ 100 ตั้งแต่เครื่องบิน A380 เปิดให้บริการมา
กระเป๋าเดินทางสีแดงเพลิงของฉันผูกป้าย Fly Thai A380 : First Flight BKK-LHR ไว้ด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะถูกโหลดลงไปที่เคาน์เตอร์ A ของสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางข้ามฟ้าสู่อีกซีกโลกหนึ่ง ณ กรุงลอนดอน
คณะของเราแวะพักผ่อนและเตรียมงานก่อนออกเดินทางกันในห้องรับรอง Royal Silk Lounge ได้เติมพลังระหว่างประชุมด้วยอาหารและเครื่องดื่มที่จัดเตรียมไว้อย่างเต็มที่สำหรับลูกค้าชั้นธุรกิจ และลูกค้าผู้ถือบัตรทองของการบินไทย
ประตูทางออก C3 เปิดกว้างในยามเที่ยงคืน และถึงแม้จะง่วงสักเพียงใดทีมงานทั้งหมด พร้อมกับคุณแอน และคุณจอยก็แอ๊คท่าถ่ายรูปอย่างมืออาชีพ “เราพร้อมแล้ว!!!”… London is Calling!!!
A380 เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่ที่สุดของโลก จุผู้โดยสารได้ทั้งหมดกว่า 800 คน ทว่าเครื่อง A380 ของการบิน ไทยเลือกที่จะตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นสำคัญ จึงมีเพียง 507 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น Royal First Class 12 ที่นั่ง Royal Silk Class 60 ที่นั่ง และ Economy Class 435 ที่นั่ง
บันไดกว้างตรงส่วนหัวของเครื่องนำทางเราขึ้นไปยังชั้นสองของเครื่องบิน ในขณะที่กำลังเดินขึ้นบันไดอยู่นั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนกำลังเดินขึ้นยอดปราสาทเพื่อไปชมความงามของห้องแกรนด์บอลรูม…. ที่นั่ง Royal First Class เป็นโซนแรกของชั้นสอง อาการตาโตและแอบอิจฉาเบาๆ เริ่มออกอาการทันทีกับผู้โชคดีทั้ง 12 ท่านที่จะได้นั่งในคืนนี้
Royal First Class ตกแต่งด้วยโทนสีเหลืองสดใสสบายตา เบาะผ้าสีอำพันห่อหุ้มเก้าอี้ขนาดมหึมาถึง 26.5 นิ้ว ทุกเก้าอี้ปรับเอนได้เป็นระนาบ 180 องศา พร้อมกับจอทีวีส่วนตัว 23 นิ้ว ที่ให้ความสบายเหมือนดังเตียงนอนที่บ้าน
นอกจากความสะดวกสบายของเก้าอี้ขนาดยักษ์ Royal First Class ยังมีมุมโซฟาให้ผู้โดยสารได้ยืดแข้งยืด ขาหรือจะโยคะกลางอากาศก็ไม่มีใครว่า
ห้องน้ำของโซนนี้มีขนาดใหญ่จนฉันยืนกางแขนและขาได้อย่างสบายๆ ไม่ติดขัดอะไรเลย ภายในห้องน้ำ แยกออกเป็นส่วนของห้องแต่งตัวและแต่งหน้า กับที่ล้างมือและชักโครก เครื่องประทินผิวทั้งหลายก็ใช้ยี่ห้อชั้นเลิศ สมแล้วกับที่เป็น Royal First Class เสียจริงๆค่ะ
ถัดไปเป็นที่นั่งของ Royal Silk Class หรือชั้นธุรกิจซึ่งมีทั้งหมด 60 ที่นั่ง อารมณ์ของโซนนี้ดูเงียบขรึม เหมือนนักธุรกิจ แต่ก็สบายตาด้วยผ้าหุ้มเบาะสีม่วงเข้มและอ่อนสลับกันซึ่งเป็นสีประจำของการบินไทย ที่เห็นแล้วก็ภูมิใจแทบทุกครั้ง
เก้าอี้นั่งในชั้นธุรกิจนี้ถูกจัดวางได้อย่างลงตัว แต่ละแถวมีเก้าอี้เพียง 4 ชุดเท่านั้น พื้นที่ที่เหลือถูกปล่อยให้โล่ง เพื่อความสบายของร่างกายในขณะที่ต้องเดินทางไกล
ผู้โดยสารแต่ละคนเริ่มทำกิจกรรมตามใจชอบ … คุณแอนประเดิมด้วยน้ำดื่มเย็นๆหนึ่งแก้ว
ส่วนคุณจอยก็เริ่มค้นหารายการทีวีและหนังสุดโปรด
สำหรับฉันที่เน้นความอร่อยเป็นหลัก ก็เริ่มเล็งเมนูเด็ดของรอบดึกและมื้อเช้าที่การบินไทยจัดตัวเลือกแสนอร่อยไว้ให้หลายจานอยู่
มื้อดึกของคืนนี้ เริ่มด้วยจานรองท้อง ก่อนจะต่อด้วยปลาแซลมอนร้อนๆ และขนมหวานค่ะ
ต่อไปเป็นโซนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเครื่องบิน กินพื้นที่เกือบ 2/3 ของทั้งลำ ที่นั่งชั้นประหยัดหรือ Economy Class ของการบินไทยบนเครื่อง A380 นี้ อวดได้เลยว่าสะดวกสบายไม่แพ้สายการบินใด และยิ่งไปกว่านั้นขนาดเก้าอี้ ที่กว้างถึง 18 นิ้ว ทำให้เป็นชั้นประหยัดที่มีเก้าอี้ใหญ่ที่สุด หากเทียบกับบรรดาสายการบินอื่นอีกด้วยค่ะ… โซนนี้ตกแต่งด้วยสีสันสดใส ปรับอารมณ์ให้สนุกสนานขึ้นเด้วยเก้าอี้เบาะสีชมพูบานเย็นสลับกับสีม่วงของการ บินไทย สิ่งอำนวยความสะดวกสบายก็ครบครันด้วยทีวีส่วนตัวจอ 10.6 นิ้ว และความยาวระหว่าง เก้าอี้หน้าถึงหลัง 32 นิ้วค่ะ
นอกจากโซนที่นั่งทั้งสามนี้เครื่อง A380 ยังมีสมรรถนะพิเศษอีกหลายข้อ เช่น ความเงียบของห้องผู้โดยสาร ที่นิ่งสงัดเหมือนนั่งอยู่ในรถยุโรปชั้นดี ความนุ่มเวลาเครื่องขึ้นและลงจนแทบจะไม่รู้สึกตัวในบางครั้ง เช่นเดียวกับระบบปรับอากาศที่แยกโซนกำหนดอุณหภูมิ ทำให้ทั้งผิวหน้าและผิวตัวยังคงความมชุ่มชื้น ยามเมื่อต้องบินระยะทางไกลอีกด้วยค่ะ
แต่ก่อนจะหลับตาลงและฝันถึงอ๊อกฟอร์ดสตรีทในเช้าวันพรุ่งนี้ ฉันออกเดินสำรวจเครื่องบินลำนี้อีกสักพักใหญ่ และได้เจอกับบันไดวนที่ด้านหลังของชั้นสองซึ่งเป็นทางขึ้นของผู้โดยสารชั้นประหยัด เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวยและแสดงให้เห็นถึงความใหญ่โตของเครื่องบิน เช่นเดียวกับพื้นที่ของลานเตรียมอาหารที่ด้านหลังเครื่อง ซึ่งมีทั้งลิฟท์ส่งอาหาร เครื่องทำกาแฟเอสเพรสโซ ตู้เย็น และแน่นอนว่าได้เจอกับพนักงานต้อนรับของการบินไทยที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกันทุกคนตลอดไฟลท์
ก่อนเครื่องลงประมาณหนึ่งชั่วโมง อาหารเช้า ผลไม้และโยเกิร์ตก็ถูกเสิร์ฟลงตรงหน้า ก่อนจะตามมาด้วย แพนเค้กและไส้กรอกแสนอร่อย เสียงประกาศของกัปตันเตือนเราว่าอีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้นนะ เราก็จะร่อนลง ถึงจุดหมาย “ลอนดอน” กันแล้ว … ฉันยิ้มละไมในทันที
สำหรับผู้โดยสารชั้น Royal First Class และ Royal Silk Class นั้น การบินไทยจะแจกใบเบ่งสีแดง หรือ Immigration Fast Track มาพร้อมกับใบตรวจคนเข้าเมือง ใบเบ่งสีแดงนี้จะพาเราผ่านจุดตรวจคนเข้าเมือง ได้อย่างว่องไวและสะดวกสบายเป็นที่สุดค่ะ
แต่ก่อนจะลาจากเครื่องบิน A380 ที่ฉันตกหลุมรักลำนี้ฉันขอเข้าไปชมค๊อกพิทของกัปตัน ชื่นชมกับความล้ำสมัย ของเทคโนโลยีที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นอย่างตระการตากับหน้าจอและปุ่มกดหลากสี ที่ไม่น่าเชื่อว่าสมองคนๆ หนึ่งจะจดจำกันได้หมด … Love at First Flight และการบินที่ Smooth as Silk นี้ ยังมีเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ที่จะนำมาเล่าสู่กันฟัง ติดตามอ่านกันได้ในตอนต่อไปนะคะ
ขอขอบคุณ
คุณปริยา จุลกะรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้าดิจิทัล
คุณปรียนันท์ มงคลศรี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและบริหารลูกค้าดิจิทัล
คุณเมธาวรินทร์ มณีกูลพันธ์ ฝ่ายบริหารบริษัท TQPR ประเทศไทย
รายการทีวี “Bangkok Gossip” สำหรับรูปคุณแอน ทองประสม และคุณจอย รินลณี
คุณไชยพร มีคำ (TAPG)
คุณศุภรัตน์ TAPG
และผู้ร่วมคณะเดินทางทุกท่าน
Related Posts: