ปีนี้ … ฉันได้เข้าชมนิทรรศการของสองแบรนด์ดังระดับโลก Hermès และ Chanel … ทั้งสองงาน “ฟรี” ไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ งานแรกดูที่สิงคโปร์ ซึ่งจะพาไปชมในไม่ช้า ส่วนงานที่สองดูที่ลอนดอน และกำลังจะเขียนเล่าให้ฟังโดยเร็ว ^^
นิทรรศการของ Hermès ที่จะพาไปชมในวันนี้ชื่องาน Hermès Leather Forever จัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และความรักของ Hermès ที่มีต่อ Leather หรือหนังซึ่งเป็นวัสดุสำคัญ หัวใจของสินค้า Hermès ทุกชิ้น
นิทรรศการนี้เปิดให้เข้าชมที่ ArtScience พิพิธภัณฑ์รูปดอกบัวที่อยู่ด้านหน้า Marina Bay Sands … ตั๋วเข้าชม รับได้ฟรีที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งของพิพิธภัณฑ์
ห้องแรกของนิทรรศการ จัดวางด้วยกล่องสีส้มตัดขอบสีน้ำตาล … สัญลักษณ์กล่องของ Hermès ที่สาวๆเห็นแล้วหัวใจเต้นระทึก ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก
กล่องนี้ถือกำเนิดในช่วง 1960s โดย Robert Dumas หัวหน้าใหญ่ของแบรนด์ในขณะนั้น เขาเลือกสีส้มและน้ำตาล เพื่อสะท้อนให้เห็นความสำคัญของหนังที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ จึงเป็นจุดกำเนิดของ “Orange Box” ที่ใช้ในปัจจุบันนี้
ถัดมาเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เป็นอาณาจักรของหนัง มีแผ่นหนังหลากสี หลากสัตว์จัดวางในห้องนี้ … ที่ Hermès จะแบ่งหน้าที่เป็น 3 ส่วนหลักๆ เร่ิมด้วย Tanner เป็นส่วนที่ฟอกหนังให้ได้คุณภาพ Cutter เป็นคนตัดหนังและดูคุณภาพของหนัง ก่อนที่จะส่งไปให้กับ ส่วนสุดท้ย The Saddle Maker หรือ Leather Workers ซึ่งเป็นเป็นคนผลิตชิ้นงานให้เสร็จสมบูรณ์
ไฮไลท์ของห้องนี้อยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้อง สาวน้อยในชุดกาวน์สีขาวกำลังแต้มสีบนขอบหนังของกระเป๋ารุ่น Jypsiere ทีละนิดๆ เธอกำลังผลิตกระเป๋า Hermès ที่สาวๆใฝ่ฝันให้เราเห็นอยู่ตรงหน้าค่ะ …
นอกจากนั้นในห้องนี้ยังมีสินค้าต่างๆของแบรนด์ จัดวางให้ชมตามมุมต่างๆของห้องอีกด้วยค่ะ …
ห้องถัดไป จัดแสดงอานม้า และสินค้าของ Hermès ห้องนี้สื่อให้เห็นว่า สินค้าทุกชิ้นของแบรนด์เริ่มมาจากอานม้า หรือ Saddle และลูกค้าคนแรกของแบรนด์ ก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าม้าตัวนี้ “The Horse is the First Client” …
ในห้องนี้ ฉันได้เห็น Birkin และ Kelly ยักษ์ด้วยค่ะ
ห้องที่ 4 เป็นห้องขี่ม้า เหมือนห้องซิมูเลเตอร์ขนาดมินิ ให้เราขึ้นไปนั่งขี่ม้าและสัมผัสกับอานม้าฝีมือเทพของ Hermès พร้อมกับขี่ม้าจำลองสองตัวนี้แข่งกับอีกตัวค่ะ … ผลชนะดูได้ที่ตุ๊กตาม้าที่อยู่ด้านหน้า ม้าสีฟ้า และสีส้ม แทนแต่ละตัว เป็นอีกกิจกรรมสนุกที่เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆน้อยๆได้
ถัดมาเป็นห้องสีส้มค่ะ เดินเข้าไปแล้วลวงตามากกับแสงไฟที่สะท้อนให้ทุกอย่างกลายเป็นสีส้ม ห้องนี้จัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับการเดินทาง รถมอเตอร์ไซต์ กระเป๋า และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ก่อนจะมาเจอกับห้องสีฟ้า ที่แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายของแบรนด์ … ละเลิกความฟุ่มเฟือยและหรูหรา เหลือเพียงสาระสำคัญ ซึ่งก็คือคุณภาพของสินค้านั่นเอง
และแล้วก็มาถึงห้องที่สาวๆถวิลหา ห้องจัดแสดง Kelly และ Birkin กระเป๋าแฝดสองใบที่ได้แรงบันดาลใจจากคนดังสองคน มีรายละเอียดใกล้กัน แต่กลับต่างกันตามคาแรกเตอร์ของสองแรงบันดาลใจ
ต่อไปเป็นห้องที่รวบรวมสินค้าแปลกๆของ Hermès แสดงให้เห็นถึงพลังของความคิดสร้างสรรค์ กล้าที่จะนอกกรอบของแบรนด์
และสุดท้าย ก็เป็นห้องที่ Hermès อุทิศให้กับ SG50 หรือครบรอบวันเกิดสิงคโปร์ 50 ปี ด้วยการผลิตกระเป๋า 5 ใบ ตามทศวรรษต่างๆของสิงคโปร์ กระเป๋าแต่ละใบจับวางบนชิงช้า ท่ามกลางสวนสีเขียวดังเมืองสิงคโปร์ เป็นห้องปิดท้ายนิทรรศการที่กินใจชาวสิงคโปร์เป็นที่สุดค่ะ
ความรู้สึกหลังจากชมนิทรรศการนี้ เป็นความอิ่มใจค่ะ … อิ่มใจที่ได้เห็นกระบวนความคิดและความละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของแบรนด์ระดับโลก
ย้ำอีกครั้งนะคะ ว่านิทรรศการ HERMÈS LEATHER FOREVER ฟรีค่ะ … ควรหาเวลามาชม เพื่อจะได้เห็นงานฝีมือที่ยากจะได้เห็น และ สัมผัสกับการสร้างแบรนด์ที่เหนือชั้นที่ทำให้ Hermès เป็นอมตะ
ที่ตั้ง ArtScience Museum, Marina Bay Sands
สถานี Bayfront
ตั้งแต่ วันนี้ – 13 ธันวาคม 2015
ค่าตั๋ว ฟรี
16 Nov 2015
0 Comments
HERMÈS LEATHER FOREVER นิทรรศการฟรีที่สาวก HERMÈS ห้ามพลาด – Singapore
ปีนี้ … ฉันได้เข้าชมนิทรรศการของสองแบรนด์ดังระดับโลก Hermès และ Chanel … ทั้งสองงาน “ฟรี” ไม่คิดค่าใช้จ่ายค่ะ งานแรกดูที่สิงคโปร์ ซึ่งจะพาไปชมในไม่ช้า ส่วนงานที่สองดูที่ลอนดอน และกำลังจะเขียนเล่าให้ฟังโดยเร็ว ^^
นิทรรศการของ Hermès ที่จะพาไปชมในวันนี้ชื่องาน Hermès Leather Forever จัดขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์และความรักของ Hermès ที่มีต่อ Leather หรือหนังซึ่งเป็นวัสดุสำคัญ หัวใจของสินค้า Hermès ทุกชิ้น
นิทรรศการนี้เปิดให้เข้าชมที่ ArtScience พิพิธภัณฑ์รูปดอกบัวที่อยู่ด้านหน้า Marina Bay Sands … ตั๋วเข้าชม รับได้ฟรีที่ล็อบบี้ชั้นหนึ่งของพิพิธภัณฑ์
ห้องแรกของนิทรรศการ จัดวางด้วยกล่องสีส้มตัดขอบสีน้ำตาล … สัญลักษณ์กล่องของ Hermès ที่สาวๆเห็นแล้วหัวใจเต้นระทึก ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก
กล่องนี้ถือกำเนิดในช่วง 1960s โดย Robert Dumas หัวหน้าใหญ่ของแบรนด์ในขณะนั้น เขาเลือกสีส้มและน้ำตาล เพื่อสะท้อนให้เห็นความสำคัญของหนังที่เป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ จึงเป็นจุดกำเนิดของ “Orange Box” ที่ใช้ในปัจจุบันนี้
ถัดมาเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เป็นอาณาจักรของหนัง มีแผ่นหนังหลากสี หลากสัตว์จัดวางในห้องนี้ … ที่ Hermès จะแบ่งหน้าที่เป็น 3 ส่วนหลักๆ เร่ิมด้วย Tanner เป็นส่วนที่ฟอกหนังให้ได้คุณภาพ Cutter เป็นคนตัดหนังและดูคุณภาพของหนัง ก่อนที่จะส่งไปให้กับ ส่วนสุดท้ย The Saddle Maker หรือ Leather Workers ซึ่งเป็นเป็นคนผลิตชิ้นงานให้เสร็จสมบูรณ์
ไฮไลท์ของห้องนี้อยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้อง สาวน้อยในชุดกาวน์สีขาวกำลังแต้มสีบนขอบหนังของกระเป๋ารุ่น Jypsiere ทีละนิดๆ เธอกำลังผลิตกระเป๋า Hermès ที่สาวๆใฝ่ฝันให้เราเห็นอยู่ตรงหน้าค่ะ …
นอกจากนั้นในห้องนี้ยังมีสินค้าต่างๆของแบรนด์ จัดวางให้ชมตามมุมต่างๆของห้องอีกด้วยค่ะ …
ห้องถัดไป จัดแสดงอานม้า และสินค้าของ Hermès ห้องนี้สื่อให้เห็นว่า สินค้าทุกชิ้นของแบรนด์เริ่มมาจากอานม้า หรือ Saddle และลูกค้าคนแรกของแบรนด์ ก็จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าม้าตัวนี้ “The Horse is the First Client” …
ในห้องนี้ ฉันได้เห็น Birkin และ Kelly ยักษ์ด้วยค่ะ
ห้องที่ 4 เป็นห้องขี่ม้า เหมือนห้องซิมูเลเตอร์ขนาดมินิ ให้เราขึ้นไปนั่งขี่ม้าและสัมผัสกับอานม้าฝีมือเทพของ Hermès พร้อมกับขี่ม้าจำลองสองตัวนี้แข่งกับอีกตัวค่ะ … ผลชนะดูได้ที่ตุ๊กตาม้าที่อยู่ด้านหน้า ม้าสีฟ้า และสีส้ม แทนแต่ละตัว เป็นอีกกิจกรรมสนุกที่เรียกเสียงหัวเราะเล็กๆน้อยๆได้
ถัดมาเป็นห้องสีส้มค่ะ เดินเข้าไปแล้วลวงตามากกับแสงไฟที่สะท้อนให้ทุกอย่างกลายเป็นสีส้ม ห้องนี้จัดแสดงสินค้าเกี่ยวกับการเดินทาง รถมอเตอร์ไซต์ กระเป๋า และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
ก่อนจะมาเจอกับห้องสีฟ้า ที่แสดงให้เห็นถึงความเรียบง่ายของแบรนด์ … ละเลิกความฟุ่มเฟือยและหรูหรา เหลือเพียงสาระสำคัญ ซึ่งก็คือคุณภาพของสินค้านั่นเอง
และแล้วก็มาถึงห้องที่สาวๆถวิลหา ห้องจัดแสดง Kelly และ Birkin กระเป๋าแฝดสองใบที่ได้แรงบันดาลใจจากคนดังสองคน มีรายละเอียดใกล้กัน แต่กลับต่างกันตามคาแรกเตอร์ของสองแรงบันดาลใจ
ต่อไปเป็นห้องที่รวบรวมสินค้าแปลกๆของ Hermès แสดงให้เห็นถึงพลังของความคิดสร้างสรรค์ กล้าที่จะนอกกรอบของแบรนด์
และสุดท้าย ก็เป็นห้องที่ Hermès อุทิศให้กับ SG50 หรือครบรอบวันเกิดสิงคโปร์ 50 ปี ด้วยการผลิตกระเป๋า 5 ใบ ตามทศวรรษต่างๆของสิงคโปร์ กระเป๋าแต่ละใบจับวางบนชิงช้า ท่ามกลางสวนสีเขียวดังเมืองสิงคโปร์ เป็นห้องปิดท้ายนิทรรศการที่กินใจชาวสิงคโปร์เป็นที่สุดค่ะ
ความรู้สึกหลังจากชมนิทรรศการนี้ เป็นความอิ่มใจค่ะ … อิ่มใจที่ได้เห็นกระบวนความคิดและความละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของแบรนด์ระดับโลก
ย้ำอีกครั้งนะคะ ว่านิทรรศการ HERMÈS LEATHER FOREVER ฟรีค่ะ … ควรหาเวลามาชม เพื่อจะได้เห็นงานฝีมือที่ยากจะได้เห็น และ สัมผัสกับการสร้างแบรนด์ที่เหนือชั้นที่ทำให้ Hermès เป็นอมตะ
ที่ตั้ง ArtScience Museum, Marina Bay Sands
สถานี Bayfront
ตั้งแต่ วันนี้ – 13 ธันวาคม 2015
ค่าตั๋ว ฟรี
Related Posts: