ก่อนไปเที่ยวดานัง ฉันพูดชื่อเมืองผิดเป็นดาลัดอยู่บ่อยครั้ง จนคนรอบข้างส่ายหน้ากันเป็นแถว ดังนั้นก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของทริปเวียดนามกลางที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมา ฉันจึงต้องลบชื่อของดาลัดให้อันตราธานไปจากสมองก่อน และ วิธีการล้างเครื่องที่ดีที่สุด คือ เราต้องมาทำความรู้จัก “ดานัง” ให้ลึกซึ้งไปพร้อมๆกันค่ะ
1
เมืองดานังตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ถ้ามองจากแผนที่รูปทรงม้าน้ำ ดานังก็จะอยู่ตรงหนังหน้าท้องของม้าน้ำตัวนี้ ส่วนดาลัดที่สับสนเป็นประจำนั้นอยู่ทางใต้ของประเทศหรือตรงเข่าของม้าน้ำค่ะ
2
ดานังเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศเวียดนาม อยู่ห่างจากฮานอย และโฮจิมินห์ซิตี้ประมาณ 700 – 800 กิโลเมตร นั่งเครื่องบินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยฮานอยมีฐานะเป็นเมืองหลวงของประเทศ ส่วนโฮจิมินห์ซิตี้ก็เป็นเมืองทางเศรษฐกิจของเวียดนาม
3
ดานังเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศ ในอดีตเป็นชายฝั่งที่ฝรั่งเศสยกพลขึ้นบกเป็นเมืองแรก และประกาศยึดเวียดนามเป็นอาณานิคมในภายหลัง เช่นเดียวกับฐานทัพอเมริกันที่ใช้ดานังเป็นฐานที่ตั้งสำคัญในช่วงสงครามเวียดนาม
4
ดานังเป็นประตูสู่เวียดนามกลางที่ใกล้ที่สุด ตั้งประชิดกับ 2 เมืองมรดกโลก ฮอยอัน และ เว้ ดังนั้นมาทริปเดียวจึงได้เที่ยวครบทั้ง 3 เมือง
5
ดานังเป็นเมืองเศรฐกิจที่กำลังรุ่งเรืองสุดขีดของเวียดนาม ความเจริญเริ่มจะแซงหน้าเมืองใหญ่ของประเทศ เพราะรัฐบาลท้องถิ่นมีหัวพัฒนาดึงชาวต่างชาติมาร่วมทุนมหาศาล เห็นได้จากโรงแรมห้าดาวที่เรียงรายตามชายหาด คาสิโนดัง ตึกสูงใจที่ผุดขึ้นใจกลางเมือง และจำนวนโรงงานที่เปิดอยู่รายรอบ
6
แต่ดานังก็ยังเป็นเมืองที่ร่ำรวยธรรมชาติ บนภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี หน้าบ้านเป็นหาดทรายสีขาวยาวเฟื้อยตัดกับท้องทะเลสีฟ้าคราม
7
และในบ้านเมืองก็ยังมีแม่น้ำหาน แม่น้ำสายใหญ่ไหลเอื่อยๆผ่านใจกลางเมือง ให้เราได้หย่อนใจ พักสายตา
8
และนั่นจึงทำให้คนดานังมีนิสัยสนุกสนาน ยิ้มง่าย และชอบสังสรรค์ปาร์ตี้กับธรรมชาติ แวกว่ายแทรกตัวในน้ำทะเล สระว่ายน้ำที่พระเจ้าบันดาล หรือเดินเล่นริมแม่น้ำหานเย็นใจยามค่ำคืน
9
เมื่อฟ้ามืด พระอาทิตย์ตกดิน ดานังก็กลายร่างเป็นเมืองแห่งแสงสีที่ไร้โลกีย์ ทว่าเต็มไปด้วยความบันเทิงแบบบริสุทธิ์ หลายมุมเด็ดตกแต่งด้วยไฟสวยงามระยิบระยับ ตึกสูงเปิดไฟส่องแสงแข่งกัน โดยเฉพาะสะพานข้ามแม่น้ำหานทั้ง 3 แห่ง ก่อนจะจบลงที่ไฮไลท์ยามราตรี … สะพานมังกรพ่นไฟ พ่นน้ำที่จัดโชว์ในช่วงค่ำคืนของวันหยุด
10
นักท่องเที่ยวนิยมชมเมืองด้วยรถสามล้อ Cyclo ในราคา 10 เหรียญสหรัฐ ที่ท่องได้เกือบทั้งเมือง
11
ดานังเที่ยวได้เกือบทุกเดือน ยกเว้นเดือนฝนตก ซึ่งเดือนต้องห้ามคือตุลาคม พฤษศจิกายน ถึงต้นธันวาคม เพราะฝนที่นี่ตก 1-2 อาทิตย์ ไม่หยุดเลย
12
สนามบินนานาชาติดานังใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ทันสมัยและสะอาดพอตัว ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองแค่ 2-3 กิโลเมตร ขับรถเพียง 15-20 นาทีก็ถึง
และ
ถ้าใครอยากมารู้จักดานังด้วยตัวเอง ก็รีบจองตั๋วกับสายการบิน Bangkok Airways ซึ่งเปิดเที่ยวบินมาดานัง 3 วันต่ออาทิตย์ http://www.bangkokair.com บินแค่ชั่วโมงนิดๆเท่านั้น
พร้อมเลือกใช้บริการทัวร์พรมแดงกับ ICS Travel Group แลนด์และเอเจ้นระดับ 5 ดาว ที่ปูพรมต้อนรับด้วยไกด์ผู้รอบรู้และรถตู้นั่งสบายสุดๆ (https://icstravelgroup.com)
อย่าลืมว่า “ดานัง” ไม่ใช่ ดาลัด
The End
28 Sep 2016
0 Comments
ดานัง ไม่ใช่ ดาลัด – เวียดนาม
ก่อนไปเที่ยวดานัง ฉันพูดชื่อเมืองผิดเป็นดาลัดอยู่บ่อยครั้ง จนคนรอบข้างส่ายหน้ากันเป็นแถว ดังนั้นก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของทริปเวียดนามกลางที่เพิ่งไปเที่ยวกลับมา ฉันจึงต้องลบชื่อของดาลัดให้อันตราธานไปจากสมองก่อน และ วิธีการล้างเครื่องที่ดีที่สุด คือ เราต้องมาทำความรู้จัก “ดานัง” ให้ลึกซึ้งไปพร้อมๆกันค่ะ
1
เมืองดานังตั้งอยู่ตอนกลางของประเทศเวียดนาม ถ้ามองจากแผนที่รูปทรงม้าน้ำ ดานังก็จะอยู่ตรงหนังหน้าท้องของม้าน้ำตัวนี้ ส่วนดาลัดที่สับสนเป็นประจำนั้นอยู่ทางใต้ของประเทศหรือตรงเข่าของม้าน้ำค่ะ
2
ดานังเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศเวียดนาม อยู่ห่างจากฮานอย และโฮจิมินห์ซิตี้ประมาณ 700 – 800 กิโลเมตร นั่งเครื่องบินประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยฮานอยมีฐานะเป็นเมืองหลวงของประเทศ ส่วนโฮจิมินห์ซิตี้ก็เป็นเมืองทางเศรษฐกิจของเวียดนาม
3
ดานังเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศ ในอดีตเป็นชายฝั่งที่ฝรั่งเศสยกพลขึ้นบกเป็นเมืองแรก และประกาศยึดเวียดนามเป็นอาณานิคมในภายหลัง เช่นเดียวกับฐานทัพอเมริกันที่ใช้ดานังเป็นฐานที่ตั้งสำคัญในช่วงสงครามเวียดนาม
4
ดานังเป็นประตูสู่เวียดนามกลางที่ใกล้ที่สุด ตั้งประชิดกับ 2 เมืองมรดกโลก ฮอยอัน และ เว้ ดังนั้นมาทริปเดียวจึงได้เที่ยวครบทั้ง 3 เมือง
5
ดานังเป็นเมืองเศรฐกิจที่กำลังรุ่งเรืองสุดขีดของเวียดนาม ความเจริญเริ่มจะแซงหน้าเมืองใหญ่ของประเทศ เพราะรัฐบาลท้องถิ่นมีหัวพัฒนาดึงชาวต่างชาติมาร่วมทุนมหาศาล เห็นได้จากโรงแรมห้าดาวที่เรียงรายตามชายหาด คาสิโนดัง ตึกสูงใจที่ผุดขึ้นใจกลางเมือง และจำนวนโรงงานที่เปิดอยู่รายรอบ
6
แต่ดานังก็ยังเป็นเมืองที่ร่ำรวยธรรมชาติ บนภูเขาเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี หน้าบ้านเป็นหาดทรายสีขาวยาวเฟื้อยตัดกับท้องทะเลสีฟ้าคราม
7
และในบ้านเมืองก็ยังมีแม่น้ำหาน แม่น้ำสายใหญ่ไหลเอื่อยๆผ่านใจกลางเมือง ให้เราได้หย่อนใจ พักสายตา
8
และนั่นจึงทำให้คนดานังมีนิสัยสนุกสนาน ยิ้มง่าย และชอบสังสรรค์ปาร์ตี้กับธรรมชาติ แวกว่ายแทรกตัวในน้ำทะเล สระว่ายน้ำที่พระเจ้าบันดาล หรือเดินเล่นริมแม่น้ำหานเย็นใจยามค่ำคืน
9
เมื่อฟ้ามืด พระอาทิตย์ตกดิน ดานังก็กลายร่างเป็นเมืองแห่งแสงสีที่ไร้โลกีย์ ทว่าเต็มไปด้วยความบันเทิงแบบบริสุทธิ์ หลายมุมเด็ดตกแต่งด้วยไฟสวยงามระยิบระยับ ตึกสูงเปิดไฟส่องแสงแข่งกัน โดยเฉพาะสะพานข้ามแม่น้ำหานทั้ง 3 แห่ง ก่อนจะจบลงที่ไฮไลท์ยามราตรี … สะพานมังกรพ่นไฟ พ่นน้ำที่จัดโชว์ในช่วงค่ำคืนของวันหยุด
10
นักท่องเที่ยวนิยมชมเมืองด้วยรถสามล้อ Cyclo ในราคา 10 เหรียญสหรัฐ ที่ท่องได้เกือบทั้งเมือง
11
ดานังเที่ยวได้เกือบทุกเดือน ยกเว้นเดือนฝนตก ซึ่งเดือนต้องห้ามคือตุลาคม พฤษศจิกายน ถึงต้นธันวาคม เพราะฝนที่นี่ตก 1-2 อาทิตย์ ไม่หยุดเลย
12
สนามบินนานาชาติดานังใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ทันสมัยและสะอาดพอตัว ตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองแค่ 2-3 กิโลเมตร ขับรถเพียง 15-20 นาทีก็ถึง
และ
ถ้าใครอยากมารู้จักดานังด้วยตัวเอง ก็รีบจองตั๋วกับสายการบิน Bangkok Airways ซึ่งเปิดเที่ยวบินมาดานัง 3 วันต่ออาทิตย์ http://www.bangkokair.com บินแค่ชั่วโมงนิดๆเท่านั้น
พร้อมเลือกใช้บริการทัวร์พรมแดงกับ ICS Travel Group แลนด์และเอเจ้นระดับ 5 ดาว ที่ปูพรมต้อนรับด้วยไกด์ผู้รอบรู้และรถตู้นั่งสบายสุดๆ (https://icstravelgroup.com)
อย่าลืมว่า “ดานัง” ไม่ใช่ ดาลัด
The End
Related Posts: