“ทานตะวัน” หรือ “หนีตะวัน” ไร่มณีศร – เขาใหญ่

ไร่มณีศร ♥♥♥♥

ทริปเขาใหญ่ของครอบครัวปิดฉากลงที่ “ไร่มณีศร” ทุ่งดอกทานตะวันผืนมหึมากว่า 540 ไร่ ยาวจรดเนินเขาสุดลูกหูลูกตาแห่งนี้ … ดอกทานตะวันเป็นต้นไม้ปีเดียว หมายความว่าใน 1 ปีปลูกได้เพียง 1 ครั้ง และมักปลูกกันหลังฤดูฝนชนกับฤดูหนาว

เราขับรถไปที่ไร่มณีศรเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แต่ในวันนั้นเทพธิดาไคลที (Clytie) ยังไม่กลายร่างเป็นดอกทานตะวันทุกต้น จึงมีเพียง 50% เท่านั้นที่กลายเป็นดอกทานตะวันหันหน้าขอความรักจากเทพอพอลโลเทพแห่งพระอาทิตย์ในความเชื่อของชาวกรีก

ไร่มณีศรในวันนั้นยังไม่เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการ แต่เจ้าของไร่ก็แสนจะใจดี อนุญาติให้ฉันและหลานสาวเดินเล่นโดยไม่เสียค่าเข้า (20 บาท) เพื่อชมความงดงามเพียงครึ่ง แต่ก็ตรึงใจแล้วค่ะ

ก่อนไปเที่ยวที่ไร่นี้ ฉันหาข้อมูลของดอกทานตะวันเพื่อเล่าให้หลานสาวฟัง และจึงรู้ว่า แท้จริงแล้วดอกทานตะวันนั้นเป็นดอกที่ “หนีตะวัน” เสียมากกว่า เพราะเมื่อแสงอาทิตย์ส่องลงมาโดนดอกไม้ ฮอร์โมนที่ชื่อว่าออกซิน (Auxin) ของดอกไม้ก็จะหนีไปอยู่ในด้านที่มืด ไม่เจอแสง จึงทำให้ด้านที่มืดยึดตัวและรั้งให้หน้าดอกไม้หันเชิดเข้าสู่ดวงอาทิตย์ ดังนั้นฉันจึงคิดว่า “ดอกหนีตะวัน” น่าจะเป็นชื่อทางกายภาพของดอกทานตะวันได้ดีกว่า

จุดชมวิวของไร่ ที่ทำเป็นเพิงไม้ยกสูง บันไดลิงไต่ขึ้นไปชมความงามของทุ่งดอกหนีตะวัน เป็นจุดที่ฉันและหลานสาวชอบอกชอบใจมากค่ะ มุมสูงจากตรงนั้นทำให้เห็นทุ่งสีเขียวขจีขนาดใหญ่ที่ในวันนี้มีสีเหลืองแต่งแต้มอยู่ครึ่งหนึ่งของท้องทุ่ง

และตั้งแต่อาทิตย์นี้จนถึงต้นปีหน้า เทพธิดาไคลทีคงจะกลายร่างเป็นดอกทานตะวันจนหมดทั้งทุ่งแล้ว แต่เทพอพอลโลจะยอมรับรักไหม ฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าคนดูอย่างพวกเรานะ หลงรักเธอเข้าไปเต็มๆแล้ว … ใช่ไหมค่ะ

ที่ตั้ง หมู่บ้านคลองเสือ หมู่ที่ 15 ตำบลหมู่สี อำเภอปากช่อง 

Google map : https://goo.gl/maps/5P6EbLkDhXU2

ค่าเข้า 20 บาท

เปิด ปิด ประมาณ 9.00-17.00 น. แต่เวลาชมสวยที่สุดเป็นช่วง 10.00-12.00 น.