สตรีตฟู้ดน่ากิน ใน 3 ย่านเก่าแก่ – ฮ่องกง

แม้ประชากรร้านอาหาร “เหลาและหรู” ของฮ่องกงจะครอบครองอาณาเขตตามตึกสูงใหญ่ แต่สมรภูมิภาคพื้นดิน ที่ครองใจหลายคนก็ยังคงเป็นสตรีตฟู้ดหรือร้านอาหารข้างทางนั่นเอง ซึ่งชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เมื่อมิชลินไกด์ยอมประดับดาวแนะนำ Best Street Food ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ของโลก และวันนี้เราจะพาไปกินร้านข้างทางอร่อย ใน 3 ย่านเก่าแก่ที่ชื่อย่านอาจจะไม่คุ้นหู แต่เชื่อว่ารสชาติถูก ปากแน่นอน แถมการเดินทางก็ง่ายกว่าที่คิด เพราะห่างจากย่านท่องเที่ยวไม่กี่อึดใจเท่านั้นเองค่ะ

Sheung Wan (เซิงหว่าน)

For Kee Restaurant – สุดยอดข้าวหน้าหมูทอด

หมูทอดของ For Kee Restaurant มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เนื้อหมูหมักจนนุ่ม ทอดในน้ำมันร้อนจัด เสิร์ฟบนข้าวสวยเมล็ดงามที่เหนียวนุ่ม ราดด้วยซอสรสเค็ม จานนี้อร่อยแบบเชิดใส่น้ำปลาพริกไปเลยค่ะ คนฮ่องกงเองยังหลงใหลจานนี้และคิวที่ร้านจะยาวในช่วงเวลาเร่งด่วน

For Kee Restaurant เปิดมาหลายสิบปี หน้าร้านไม่มีป้ายชื่อภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะคุณลุงกับ คุณป้าผู้ดูแลร้านทำเมนูภาษาอังกฤษไว้ให้นักท่องเที่ยวด้วย นอกจากข้าวหน้าหมูทอดแล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆ รวมถึงอาหารเช้าแบบฮ่องกง เช่น ชานมฮ่องกง และเฟรนช์โทสต์อีกด้วยค่ะ

ที่ตั้ง 200 Hollywood Road, สถานี Sheung Wan, เวลาเปิด-ปิด จันทร์ – ศุกร์ 7.00-16.30 น. เสาร์ 7.00-15.30 น. ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์

Ma Sa Restaurant – ข้าวหน้าไข่ดาวชื่อก้อง

ไม่น่าเชื่อว่าข้าวหน้าไข่ดาวที่ทอดกินเองได้ง่ายๆ จะกลายเป็นเมนูดังของร้านนี้ ประวัติของร้านเป็นอย่างไร ไม่มีใครสนใจ เพราะทุกวันขาประจำของร้านจะมุ่งหน้าไปกินข้าวหน้าไข่ดาว 3 ฟอง หรือเมนู Triple Sunny Side Up Eggs กันอย่างไม่กลัวคอเลสเตอรอล เมนูนี้เริ่มขายเวลา 11.00 น. เตือนไว้ก่อนเลยว่าขายหมดเกลี้ยงภายใน 3-4 ชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าสั่งคู่กับหมูทอดด้วยแล้ว จานนี้มาไวไปไวที่สุด

ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ปริมาณไข่แดงที่ล้นทะลัก ซึ่งวิธีกินต้องคลุกกับข้าวให้เป็นสีเหลืองส้มทั่วทั้งจาน จากนั้นเหยาะด้วยเครื่องเขียงที่มีให้บนโต๊ะ รสชาติจะออกเค็มๆ เผ็ดๆ และครีมมี่เพราะไข่แดงยกกำลังสาม เบรกด้วยหมูทอดหรือสแปม สร้างสีสันให้กับข้าวหน้าไข่ดาวชื่อก้องได้เป็นอย่างดี

ที่ตั้ง G/F 23 Hillier Street, สถานี Sheung Wan,เวลาเปิด-ปิด 6.00-18.00 น. ปิดวันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

Sang Kee Congee – โจ๊กอร่อยประจำย่าน

ร้านนี้ขายโจ๊กมานานกว่า 40 ปี แต่ความอร่อยยังคงเหมือนเดิมจนกลายเป็นหนึ่งร้านในย่านนี้ที่มีคิวยาว ถึงแม้เมนูเด็ดคือโจ๊กปลาและเครื่องในหมู แต่ครั้งล่าสุดที่ไป เราค้นพบว่า Meat Ball หรือลูกชิ้นหมูก็อร่อย ไม่แพ้กัน เนื้อลูกชิ้นเด้งดึ้ง กัดคำโตๆ ฟินไปเลยค่ะ กลับมาที่เมนูโจ๊กที่เนื้อเนียนละเอียดนั้นก็รสชาติดี จากน้ำซุปกระดูกหมูที่ใช้เวลาเคี่ยวครึ่งวัน แค่เหยาะพริกไทย และไม่ต้องเติมเครื่องปรุงใดๆ ก็ซดหมดเกลี้ยงภายในพริบตา

ที่ตั้ง G/F, 7-9 Burd Street, สถานี Sheung Wan, เวลาเปิด-ปิด 6.30-21.00 น. ปิดวันอาทิตย์

Sham Shui Po (ซัมโสยโป๋ว)

Wai Kee Noodle Cafe – นิชชินตับหมูทรงเครื่อง

ร้านนี้เป็นจุดหมายของคนรักตับ เมนูเส้นหมี่นิชชินในน้ำซุปกระดูกหมูโปะด้วยตับระดับสยองคือชามเด็ด ที่ทุกคนรอคอย Wai Kee Noodle Cafe ตั้งอยู่ในย่านซัมโสยโป๋ว ย่านเก่าแก่อีกแห่งของฮ่องกง ซึ่งอยู่ถัด จากจิมซาโจ๋ย (Tsim Sha Tsui) และหว่องก๊อก (Mong Kok) ไปไม่กี่สถานีเท่านั้น ความอร่อยของชามนี้อยู่ที่ น้ำซุปสุดกลมกล่อมบวกเส้นนิชชินที่ลวกไม่ให้นิ่มจนเกินไป กินคู่กับเนื้อตับรสละมุนอร่อยที่สุดบนเกาะฮ่อกง ใครอยากตามรอยไปกินที่ร้านนี้ ต้องทำใจอยู่สองอย่าง อย่างแรกต้องนั่งแชร์โต๊ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของร้าน อาหารในฮ่องกง และอย่างที่สอง ร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ การสั่งอาหารจึงต้องชี้สั่งจากเมนูที่คนโต๊ะข้างๆ กิน หรือถ้าไม่กล้า ให้เปิดมือถือค้นหาชื่อร้าน เมนูนี้ก็จะปรากฏทันที บอกแล้วว่าชามนี้เด็ดจริง ใครๆ ก็แวะมากินกันทั้งนั้น

ที่ตั้ง G/F 62 & 67 Fuk Wing Street, สถานี Sham Shui Po, เวลาเปิด-ปิด จันทร์ – ศุกร์ 6.30 – 20.30 น. เสาร์ – อาทิตย์ 6.30-19.15 น.

Kung Wo Dou Bun Chong – เต้าหู้เนื้อนิ่ม ขนมหวานที่ต้องลิ้มลอง

ร้านนี้เป็นหนึ่งในสตรีตฟู้ดที่มิชลินไกด์แนะนำ Kung Wo Dou Bun Chong เปิดขายเต้าหู้มา 120 กว่าปีแล้ว เมนูขึ้นชื่อคือเต้าหู้ทอดราดน้ำจิ้ม รสชาติดี มีความกรอบไม่แพ้ของไทย แต่ถ้วยที่ตรึงใจใครหลายคนกลับเป็น Tofu Pudding เนื้อเต้าหู้เบาละมุน ยิ่งเติมน้ำตาลเพิ่มความหวานอ่อนๆ ยิ่งอร่อยจนลืมรอบเอวไปเลย

ที่ตั้ง G/F 118 Pei Ho Street, สถานี Sham Shui Po, เวลาเปิด-ปิด 7.00-21.00 น. ทุกวัน

Tin Hau (ตินเห่า)

Sister Wah – ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นประดับดาว

นอกจากก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นหรือ Beef Brisket ที่โด่งดังจนได้ดาวมิชลินแล้ว ก๋วยเตี๋ยวชนิดอื่นๆ ของร้านนี้ก็ เด็ดไม่แพ้กัน คนไทยคนไหนที่เลี่ยงเนื้อก็ยังไปกินที่ร้านนี้ได้เพราะ Dan Dan Noodles with Pork Ribs กินคู่กับหมูทอดก็อร่อยโอชาไม่น้อยหน้า Sister Wah เป็นร้านอาหารที่เดินทางง่ายกว่าที่คิด ชื่อตินเห่า (Tin Hau) อาจไม่คุ้นหู แต่ย่านนี้อยู่ถัดจากคอสเวย์เบย์เพียงแค่สถานีเดียวเท่านั้น และแค่ไม่กี่นาทีจากสถานี Tin Hau เราก็จะได้ลิ้มลองความอร่อย ยิ่งในช่วงอากาศเย็นๆ น้ำซุปร้อนๆ รสชาติกลมกล่อม ยิ่งช่วยเพิ่มความอุ่น ทั้งใจและท้องได้อย่างดีเยี่ยม

ที่ตั้ง G/F 13A Electric Road, สถานี Tin Hau, เวลาเปิด-ปิด 11.00-23.00 น. ทุกวัน

Auntie Sweet – ฝันหวานไปกับร้านขนมชื่อดัง

ฮ่องกงมีร้านขนมหวานอร่อยๆ อยู่หลายร้าน แต่ในย่านตินเห่า จะมีร้านใดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปกว่า Auntie Sweet…เราแวะไปที่ร้านนี้อีกครั้งก่อนจะเข้าพักที่ Tuve บูติกโฮเต็ลซึ่งเท่ที่สุดของเมือง วันนี้เราไม่สั่งเมนูเด็ดอย่าง Durian Bean Curd Jelly แต่สั่ง Sesame Bean Curd Paste with Sago หรือเต้าหู้งาดำกับไอศกรีมและสาคู ซึ่งเป็นอีกเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน รสชาติของถ้วยนี้ หวานไม่มาก หอมงาดำ และครีมมี่กำลังดีเมื่อคลุกเคล้ากับ ไอศกรีมรสงาดำ สมแล้วกับที่เป็นร้านฝันดีของคืนนี้

ที่ตั้ง G/F 13 Tsing Fung Street, สถานี Tin Hau, เวลาเปิด-ปิด จันทร์ – ศุกร์ 12.00 – 2.00 น. เสาร์ – อาทิตย์ 15.00 – 2.00 น.

ฮ่องกงเป็นขุมทรัพย์แห่งความอร่อย ซึ่งสตรีตฟู้ด หรือร้านอาหารข้างทางก็เป็นหัวใจของที่นี่ ไปรู้จักฮ่องกงใน 3 ย่าน และร้านอร่อยประจำย่าน โดยการบินไทยสายการบินแห่งชาติ จะพาเราบินตรงสู่ฮ่องกง ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง 30 นาทีเท่านั้น ด้วยจำนวน 5 ไฟลท์ต่อวัน www.thaiairways.com และ บริการอินเทอร์เน็ตเช็กอินก่อนการเดินทางก็ทำให้ทริปนี้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาเข้าแถว เพียงแค่ดร็อปกระเป๋าก็เดินตัวปลิวขึ้นเครื่องได้เลย…

ว่าแล้วก็ Have a Safe Trip และ Have Fun in Hong Kong นะคะ