มนต์เสน่ห์แห่ง Ghent

เมืองไซส์จิ๋วที่มีชื่อว่า Ghent/ Gent (เกนต์) นี้ ดูเผินๆไม่ค่อยมีที่เที่ยวมากนัก แต่เมื่อเดินลึกเข้าไป ฉันก็เจอกับอารมณ์ที่หลากหลาย บางมุมโรแมนติกดังปารีส บางย่านก็ลึกลับน่าค้นหา ตัดกับความสดใสริมแม่น้ำ Leie กับแนวบ้านหน้าจั่วที่กลายเป็นฉากหลังของโปสการ์ดแทบทุกใบ  

เมื่อย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของเมือง ฉันก็ไม่ประหลาดใจเลยว่าทำไม Ghent ถึงดูยิ่งใหญ่กว่าไซส์ของเมือง ที่นี่เคยรุ่งเรืองเทียบเท่ากับ Paris (ปารีส) และ Constantinople (กรุงคอนสแตนติโนเปิล) ถึงแม้สงครามจะพรากหลายอย่างจาก Ghent ไป แต่ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม Ghent ก็กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งกับการเป็นศูนย์กลางค้าขายและทอผ้าของยุโรป

ปัจจุบัน Ghent มีฐานะเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มตัว มีโรงแรม ร้านอาหาร และพิพิธภัณฑ์ดีๆให้นักท่องเที่ยวชม รวมถึงบัตรเที่ยวเมือง City Card (25 ยูโร) และเรือนำเที่ยวแม่น้ำ Leie ที่เป็นอีกจุดขาย (ข้อมูลเที่ยว Ghent https://visit.gent.be/en/home)

เช้าวันนี้เราขับรถจาก Brussels มาที่ Ghent ด้วยเวลาเพียงอึดใจเดียว (30-40 นาที) ตรอกเล็กซอยน้อยในใจกลางเมืองทำให้เวียนเฮดอยู่เหมือนกัน เราคงขับไม่ดูทิศดูทาง วันแรกก็ยังไม่ชำนาญทั้งกฏเกณฑ์และพวงมาลัยสลับข้างกับบ้านเรา จึงโดนใบสั่งร่อนมาทางอีเมล์หลังจากกลับมาอีกสองอาทิตย์ เสียค่าโง่ไปร้อยกว่ายูโร พร้อมคำประกาศิตจากสามีว่า “จะไม่ขับรถในยุโรปอีกแล้ว !!!”

Vrijdagmarkt

จตุรัสสวยของเมืองที่พบเข้าโดยบังเอิญค่ะ เราจอดรถที่ Vrijdagmarkt Parking ลานกลางแจ้งด้านหลัง เดินออกมาก็เจอกับจตุรัสแห่งนี้ที่มีรูปปั้นของ Jacob Van Artevelde ชายผู้เป็นฮีโร่ของเมืองตั้งอยู่

เขาเป็นตัวตั้งตัวตีที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอังกฤษเกี่ยวกับการนำเข้าขนสัตว์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมของ Ghent กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง หากสังเกตุดูจะเห็นว่า แขนของฮีโร่ผู้นี้ยกขึ้นและมือชี้ไปในทิศทางหนึ่ง ซึ่งก็คือที่ตั้งของประเทศอังกฤษ เป็นการย้ำเตือนอีกครั้ง แม้ชีวิตจะหาไม่ว่า “อย่ามาแหย่มนะ ” เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

รูปปั้นของเขาตั้งอยู่ที่จตุรัสนี้ตั้งแต่ปี 1863 โอบล้อมด้วยอาคารเก่าที่ดูขลังและสวยงาม ชีวิตรอบๆจตุรัสก็เป็นอีกความงดงามของเมืองค่ะ (Vrijdagmarkt, 9000 Gent/ 24 ชั่วโมง)

Patershol

อีกย่านสวยของ Ghent ที่คละเคล้าไปด้วยบ้านพัก ร้านอาหาร ร้านค้าและคาเฟ่ … Patershol เป็นย่านเก่าแก่ที่สุดของ Ghent ซึ่งดูสภาพหน้าบานของแต่ละบ้านก็พอจะสัมผัสได้ถึงกาลเวลาที่ผ่านมา มนต์เสน่ห์ของย่านนี้ถูกใจใครหลายคน รวมทั้ง Lonely Planet ก็ยังยกให้เป็นย่านน่าเดินของเมืองอย่างแท้จริง

น่าเสียดายที่ฉันไปเดินเล่นในตอนสาย ชีวิตก่อนเที่ยงดูเงียบเหงา บรรดาร้านอาหารในละแวกก็ปิดไฟมืดมิด ต้องใช้จินตนาการข้ามเวลาไปในช่วงฤดูร้อนที่พระอาทิตย์สว่างโร่ถึงกลางคืน Patershol สดใสและคงจะคึกคักน่าดู  (Koninklijke Dekenij Patershol)

 

St. Baafskathedraal/ St.Bravo’s

โบสถ์เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมือง เมืองใหญ่โบสถ์ก็จะใหญ่และวิจิตรตามฐานะ และที่ Ghent เมืองเก่าซึ่งเคยรุ่งเรืองจึงมีโบสถ์สำคัญ St.Bassfskathedral หรือ St.Bravo’s เป็นที่ตั้ง

ภายในโบสถ์ใหญ่โตโอ่โถง รอบอาคารประดับด้วยกระจกสีสวยงาม ด้านหลังมีเทอเรสหินให้เราเดินชมห้องต่างๆ นอกจากนั้นยังมีงานศิลปะหลายชิ้นที่ติดอยู่ตามผนังกำแพง ชิ้นเด่นสุดเป็นของ Rubens และ Van Eycks’1432 ผลงานล้ำค่าที่รอดพ้นจากสงคราม

ไฮไลท์สำคัญของโบสถ์ก็คือแท่นบูชา “Adoration of the Mystic Lamb” ที่โด่งดังมาก รูปภาพของ Virgin Mary, Christ the King และ Deesis ถูกวาดไว้อย่างสวยงาม หากจะเข้าชมแท่นบูชานี้ต้องเสียค่าเข้าชมค่ะ ตั๋วซื้อได้ภายในโบสถ์  คิวอาจจะยาวในบางวัน ใครสนใจลองสอบถามเจ้าหน้าที่ขายตั๋วได้ค่ะ (Sint-Baafsplein 9000 Gent/ 8.30-18.00 น. ทุกวัน/ www.sintbaafskathedraal.be/en/index.html)  

 

Belfry of Ghent

หอระฆังของ Ghent สูงเด่นกว่าสิ่งก่อสร้างใดๆ มองขึ้นไปบนฟ้าเมื่อใด สายตาก็จะปะทะกับหอระฆังนี้กับความสูงถึง 91 เมตร ทำให้กลายเป็น Belfry สูงที่สุดของเบลเยี่ยม และเป็น Unesco’s World Heritage List ค่ะ (Sint-Baafsplein, 9000 Gent)

Stadhuis Ghent/ Town Hall

ระหว่างที่ก้าวเท้ามุ่งหน้าไปยังหอระฆังของเมือง สายตาก็เจอกับอาคารใหญ่สถาปัตยกรรมสวยตะลึงอยู่ทางด้านขวามือ ตึกนี้สวยแปลกตาจนต้องหยิบกล้องถ่ายรูปมาเก็บภาพไว้ กลับมาถึงโรงแรมจึงรีบหาข้อมูลและถึงรู้ว่านี่คือ Stadhuis หรือศาลากลางของเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของเบลเยี่ยมค่ะ    

ศาลากลางนี้สร้างด้วยศิลปะแบบ Gothic และ Renaissance (สองด้านสร้างคนละสไตล์กัน) ทำให้โดดเด่นสะดุดตา กว่าตึกใดๆในละแวก ภายในยังมีการตกแต่งในสไตล์ที่ต่างกันอีกด้วย น่าเสียดายที่ฉันไม่มีเวลาพอในวันนี้จึงต้องพลาดไปอย่างน่าเสียดาย (Botermarkt 1, 9000 Gent)

 

สะพาน Grasburg

แม่น้ำ Leie ไหลผ่านสองประเทศฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม สายน้ำสำคัญนี้ที่พาดผ่าน Ghent และแบ่งเมืองออกเป็นสองฝั่งใจกลางเมืองมีสะพานข้ามแม่น้ำสวยงามหลายสะพาน และหนึ่งในสะพานที่ทุกคนต้องแวะมาถ่ายรูปก็คือ Grasburg Bridge เพราะจากกลางสะพาน คุณจะมองเห็น Graslei แนวอาคารบ้านเก่าซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเมืองค่ะ ที่ตีนสะพายยังมีเรือล่องแม่น้ำ (Canel Cruise) ในราคาประมาณ 6-7 ยูโรต่อคน ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาทีค่ะ (Hoek Kraanlei, Ghent 9000)

 

Graslei

อาคารเก่าริมแม่น้ำ Leie ที่กลายเป็นจุดดึงสายตาและไฮไลท์ของ Ghent ก็คือสองฝั่งคลอง (Graslei) … บ้านเก่าเหล่านี้ สร้างมาตั้งแต่ยุคโบราณ และได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปี 1913 เพื่อต้อนรับWorld Fair

เช้าวันนี้อากาศดีค่ะ ฉันลงไปเดินดูบ้านหน้าจั่วเหล่านี้แล้วก็นึกถึงบ้านตุ๊กตาในนิทาน พอเอามาตั้งเรียงๆกันก็ดูมีเอกลักษณ์ขึ้นมาทันที

หนึ่งในบ้านเหล่านี้ก็คือ Marriott Hotel ด้านนอกดูเล็กต่างจากด้านในและห้องพักที่แอบไปส่องในอินเตอร์เน็ตมาก็ดูใหญ่พอสมควรค่ะ

(Graslei, 9000 Gent)

Gravensteen

ปราสาทหินเก่าแก่ของ Ghent ที่กลับมาเก็บในรอบที่ 2 (ตุลาคม 2019) เป็นปราสาทหินกว่าพันปี เคยเป็นทั้งศูนย์กลางของเมืองและที่คุมขังนักโทษ แค่เห็นจากภายนอกก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของปราสาท กำแพงหนาแน่น แข็งแรงสมกับที่เป็นปราสาทของท่านเคานท์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในเบลเยี่ยมเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น 

Others

ไปยุโรปในช่วงฤดูหนาวต้องเจอกับสภาพอากาศที่แปรปรวน และวันนี้ฟ้าก็เปิดเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ฉันจึงเดินชม Ghent อย่างรีบเร่ง และพลาดหลายจุดของเมืองไป เช่น  Design Museum พิพิธภัณฑ์ออกแบบที่มีคอลเล็คชั่นของ Art Nouveau ให้ชม รวมถึง Sint-Niklaaskere (St.Nicholas’s Church) อีกโบสถ์สำคัญของเมือง และ Veldstraat ถนนช้อปปิ้งสายหลักของ Ghent ค่ะ

Gentse “Neuzeke”

ขนมประจำ Ghent ก็คือ  “Neuzeke” ค่ะ ขนมชนิดนี้จะขายอยู่ตามรถเข็นที่จตุรัสของเมือง ลักษณะเป็นโคนสีม่วง ดูแปลกดีแต่เพราะสอดไส้ราสเบอร์รี่ ผลไม้ที่กินแล้วแพ้ คันคะเยอ เลยขอผ่านค่ะ เอาภาพมาฝากกันเผื่อใครอยากลอง อร่อยไหม บอกต่อด้วยนะคะ

 

Simon Says

ฉันตัดสินใจมากินมื้อเที่ยงที่ร้านนี้เพราะอยากจะเดินสำรวจเมืองอีกสักนิด Simon Says อยู่ไม่ไกลจาก Patershol ร้านอยู่มุมถนนในตึกสีเหลืองมัสตาร์ด ศิลปะ Art Nouveau โดยฝีมือของศิลปินเบลเยี่ยม Geo Henderick

Simon Says เป็นคาเฟ่ขนาดเล็กแต่ก็มีอาหารขาย ชายหนุ่มสองคนในร้าน ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับนักท่องเที่ยวจากเอเชีย กาแฟดริปจากเครื่อง Faema E61 ของร้านเป็นถ้วยที่โด่งดัง แต่เรามากินมื้อเที่ยงจึงสั่งซุปมะเขือเทศ แซนด์วิชขนมปัง Wholewheat และ Coquet แทน รสชาติของซุปอร่อยเชียวค่ะ เข้มข้นและมีลูกมะเขือเทศหยอดลงไปด้วย ส่วนแซนด์วิชถึงแม้ขนมปังจะแข็งแต่ก็อร่อย อาหารที่นี่กินแล้วอิ่มท้อง แถมยังสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ

 (Sluizeken 8, 9000 Gent/ 10.00-18.00 น. อังคารอาทิตย์ ปิดจันทร์/ ราคาเฉลี่ยคนละ 15-25 ยูโร/    http://simon-says.be)