นักเขียนแต่ละคนมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกัน บ้างเป็นพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก บ้างเป็นบล๊อกเกอร์แล้วมาเขียนหนังสือ บ้างเป็นเจ้าสัวแล้วมาแนะนำการทำงาน หรือบ้างเป็นคนมีชื่อเสียงแล้วมาเล่าประสบการณ์ของตัวเอง …
แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งหมดนั้นเลยค่ะ 555
ฉันเป็นคนธรรมดาคนนึง ที่ไม่เคยชอบเขียนหนังสือแต่เป็นคนชอบอ่านไกด์บุ๊ก จุดเริ่มต้นของฉันจึงเริ่มจากวันนั้น … วันที่หยิบหูโทรศัพท์ ยกหาอมรินทร์และขอสายกับบรรณาธิการหนังสือท่องเที่ยว
ฉันบอกกันเธอว่า “ฉันอยากเขียนไกด์บุ๊กของฮ่องกงค่ะ”
เธอคงตั้งตัวไม่ติด และงงๆ เพราะฉันไม่เคยมีชื่อขึ้นทำเนียบ google ไม่มีใครรู้จัก และฉันไม่มีแม้แต่บทความเป็นของตัวเองสักชิ้นเดียว … แต่เธอก็ให้โอกาสกลับมาอย่างงงๆเช่นกัน คงเพราะฉันโน้มน้าวเก่ง 555 และดูมั่นอกมั่นใจว่ามีข้อมูลดีเสียเหลือเกิน
หลังจากส่งต้นฉบับ … ฉันเฝ้ารอที่จะเห็นหนังสือของตัวเองวางแผง
วันแล้ววันเล่า … จากวันเป็นเดือนและจากเดือนเป็นปี!!! จนเดือนพฤษภาคม ปี 2553 หนังสือเล่มแรกในชีวิตของฉันก็วางแผง … พร้อมกับความตื่นเต้นของฉันที่หมดลงด้วย
หนึ่งอาทิตย์หลังจากหนังสือออก ฉันไม่เคยเดินไปที่ร้านหนังสือเลย ไม่เคยสนใจว่าจะขายได้ไหม เพราะฉันบรรลุเป้าหมายของฉันแล้ว …
จนคุณสามีอดรนทนไม่ไหว แอบเดินเข้าไปในร้านนายอินทร์ และวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่า หนังสือติดอันดับหนึ่งขายดีทั่วประเทศนะจูน!!!
ใช่ค่ะ “เซียนฮ่องกง” ขึ้นอันดับหนึ่งอยู่หลายสัปดาห์ และได้พิมพ์อีกหลายหน เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาร์ยที่ไกด์บุ๊กจะขายดีกว่านิยายและหนังสือแนะแนวต่างๆ
ฉันเวียนไปที่ร้านหนังสือทุกวันเป็นเวลาสามเดือนเต็ม ด้วยความสุขใจที่คนอ่านชอบข้อมูลของฉัน
ผ่านมา 6 ปี … ฉันยังออกไกด์บุ๊คปีละเล่ม แต่ฉันก็ยังเป็นคนธรรมดา ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ส่อง มีรายได้เพียงพอให้เที่ยวได้เรื่อยๆ และได้ทำงานที่รัก
สูตรสำเร็จในการเป็นนักเขียนของฉัน จึงมีเพียงอย่างเดียว คือ ความมุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ (ฉันติดต่อไปหลายสำนักพิมพ์แต่มีอมรินทร์คนเดียวตกหลุมฉัน) … ไม่ผัดผ่อน และมีวินัยกับตัวเอง
ส่วนจะประสบความสำเร็จไหม? มันอยู่ที่เป้าหมายของแต่ละคนค่ะ บางคนหวังเงินทอง บางคนหวังชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก บางคนหวังกินฟรี เที่ยวฟรี … ข้อนี้คุณคงต้องตอบตัวเองนะคะ
แต่ฉันหวังแค่ได้ทำงานที่รัก มีผลงานที่เป็นประโยชน์กับทุกคน เหมือนคติประจำใจ “การเดินทางเป็นความสุขของฉัน แต่การแบ่งปันเป็นความสุขทวีคูณ” … แค่นี้ฉันก็สุขใจแล้วค่ะ
19 Aug 2015
0 Comments
จุดเริ่มต้นของนักเขียน ….
นักเขียนแต่ละคนมีจุดเริ่มต้นที่ต่างกัน บ้างเป็นพรสวรรค์มาตั้งแต่เด็ก บ้างเป็นบล๊อกเกอร์แล้วมาเขียนหนังสือ บ้างเป็นเจ้าสัวแล้วมาแนะนำการทำงาน หรือบ้างเป็นคนมีชื่อเสียงแล้วมาเล่าประสบการณ์ของตัวเอง …
แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งหมดนั้นเลยค่ะ 555
ฉันเป็นคนธรรมดาคนนึง ที่ไม่เคยชอบเขียนหนังสือแต่เป็นคนชอบอ่านไกด์บุ๊ก จุดเริ่มต้นของฉันจึงเริ่มจากวันนั้น … วันที่หยิบหูโทรศัพท์ ยกหาอมรินทร์และขอสายกับบรรณาธิการหนังสือท่องเที่ยว
ฉันบอกกันเธอว่า “ฉันอยากเขียนไกด์บุ๊กของฮ่องกงค่ะ”
เธอคงตั้งตัวไม่ติด และงงๆ เพราะฉันไม่เคยมีชื่อขึ้นทำเนียบ google ไม่มีใครรู้จัก และฉันไม่มีแม้แต่บทความเป็นของตัวเองสักชิ้นเดียว … แต่เธอก็ให้โอกาสกลับมาอย่างงงๆเช่นกัน คงเพราะฉันโน้มน้าวเก่ง 555 และดูมั่นอกมั่นใจว่ามีข้อมูลดีเสียเหลือเกิน
หลังจากส่งต้นฉบับ … ฉันเฝ้ารอที่จะเห็นหนังสือของตัวเองวางแผง
วันแล้ววันเล่า … จากวันเป็นเดือนและจากเดือนเป็นปี!!! จนเดือนพฤษภาคม ปี 2553 หนังสือเล่มแรกในชีวิตของฉันก็วางแผง … พร้อมกับความตื่นเต้นของฉันที่หมดลงด้วย
หนึ่งอาทิตย์หลังจากหนังสือออก ฉันไม่เคยเดินไปที่ร้านหนังสือเลย ไม่เคยสนใจว่าจะขายได้ไหม เพราะฉันบรรลุเป้าหมายของฉันแล้ว …
จนคุณสามีอดรนทนไม่ไหว แอบเดินเข้าไปในร้านนายอินทร์ และวิ่งหน้าตาตื่นมาบอกว่า หนังสือติดอันดับหนึ่งขายดีทั่วประเทศนะจูน!!!
ใช่ค่ะ “เซียนฮ่องกง” ขึ้นอันดับหนึ่งอยู่หลายสัปดาห์ และได้พิมพ์อีกหลายหน เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาร์ยที่ไกด์บุ๊กจะขายดีกว่านิยายและหนังสือแนะแนวต่างๆ
ฉันเวียนไปที่ร้านหนังสือทุกวันเป็นเวลาสามเดือนเต็ม ด้วยความสุขใจที่คนอ่านชอบข้อมูลของฉัน
ผ่านมา 6 ปี … ฉันยังออกไกด์บุ๊คปีละเล่ม แต่ฉันก็ยังเป็นคนธรรมดา ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ส่อง มีรายได้เพียงพอให้เที่ยวได้เรื่อยๆ และได้ทำงานที่รัก
สูตรสำเร็จในการเป็นนักเขียนของฉัน จึงมีเพียงอย่างเดียว คือ ความมุ่งมั่น และไม่ยอมแพ้ (ฉันติดต่อไปหลายสำนักพิมพ์แต่มีอมรินทร์คนเดียวตกหลุมฉัน) … ไม่ผัดผ่อน และมีวินัยกับตัวเอง
ส่วนจะประสบความสำเร็จไหม? มันอยู่ที่เป้าหมายของแต่ละคนค่ะ บางคนหวังเงินทอง บางคนหวังชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก บางคนหวังกินฟรี เที่ยวฟรี … ข้อนี้คุณคงต้องตอบตัวเองนะคะ
แต่ฉันหวังแค่ได้ทำงานที่รัก มีผลงานที่เป็นประโยชน์กับทุกคน เหมือนคติประจำใจ “การเดินทางเป็นความสุขของฉัน แต่การแบ่งปันเป็นความสุขทวีคูณ” … แค่นี้ฉันก็สุขใจแล้วค่ะ
Related Posts: