สามอาทิตย์นี้ ฉันท่องอังกฤษกับน้องๆ โป่งและมิ้ง เพื่อนำข้อมูลไปเขียนหนังสือสำหรับปีหน้าค่ะ เราเริงร่าอยู่บน ไฮเวย์กันอยู่หลายวัน ผ่านเหตุการณ์ไม่คาดคิดบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีดราม่าอะไรมากมาย เพราะการขับรถเที่ยวอังกฤษ ถ้าเตรียมตัวดีๆ มันช่างง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีกค่ะ
แต่ก่อนจะร่ายยาว 11 กฏเหล็ก ฉันขอขยายความสักนิดว่า … ประเทศอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร (United Kingdom หรือ Great Britain) ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศอังกฤษ สก๊อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์ เหนือค่ะ
ทิปขับรถครั้งนี้เป็นบทสรุปที่ได้จากประสบการณ์ขับรถในเกาะอังกฤษ ซึ่งน่าจะปรับใช้กับประเทศอื่นๆ ใน สหราชอาณาจักรได้ … ถ้าพร้อมแล้ว เรามานับหนึ่งถึงสิบเอ็ดไปพร้อมๆกันเลยนะคะ!!!
บริษัทรถเช่าที่จะหมั้นหมายด้วย
บริษัทรถเช่าเป็นด่านแรกที่ต้องคัดเลือกดีๆ ต้องพิถีพิถันดังแฟนที่จะแต่งงานด้วย และจากประสบการณ์ ของพวกเราทั้งสามคน Europe Car เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วค่ะ
Europe Car เป็นบริษัทเช่ารถที่เราพร้อมใจลงความเห็นว่าซื่อสัตย์ที่สุด จองรถแบบไหน มักจะได้รถแบบนั้น ต่างจากบางบริษัทอื่นที่จองรถแวน ได้รถมินิ TT … จองรถใหญ่ ได้รถเล็ก แถมยังต้องเสียเงินอัพเกรด รถอีกด้วยค่ะ
สาขาของ Europe Car ที่พวกเราใช้บริการ ตั้งอยู่ตรงสถานี Marble Arch ใกล้ๆกับห้างสรรพสินค้า Selfridges ซึ่งโลเคชั่นสะดวกสบายจริงๆ
ระยะเวลาการจองรถ และประเภทของรถ
ควรจองรถก่อนเดินทางสัก 1-2 เดือน เพื่อจะได้ค่าเช่าในราคาที่ถูกกว่า หลักเหตุผลนี้เหมือนราคาตั๋วเครื่องบิน ค่ะ ยิ่งใกล้วันเดินทางยิ่งแพง และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะ ถ้าจองก่อน บริษัทเช่ารถก็จะมีรถให้เลือกเยอะกว่า บอกเลย ว่า รถเกียร์ออโต้จองใกล้ๆอาจจะหายากนะคะ เพราะรถมีจำนวนจำกัด และคนจองกันเยอะ (ป.ล. ค่าเช่ารถเกียร์ ออโต้จะสูงกว่าเกียร์กระปุกค่ะ เช่นเกียร์ออโต้ 80 ปอนด์ต่อวัน เกียร์กระปุก 50 ปอนด์ต่อวัน) และถ้าใครอยากประหยัดน้ำมัน ก็เลือกเครื่องดีเซลค่ะ ประหยัดจริงๆ เราขับกันกว่า 700-800 กิโลเมตร ใช้น้ำมันยัง ไม่หมดถังเลยค่ะ จำได้ว่าจ่ายค่าน้ำมันไปแค่ 50-60 ปอนด์ หรือ 3,000-4,000 บาทเท่านั้น
ตัวช่วย Google Maps Engine และ Google Map
ทุกการเดินทางต้องมีการเตรียมการณ์ที่ดี ยิ่งมาเขียนหนังสือนี่ พลาดแทบไม่ได้เลยค่ะ ลุ้นยิ่งกว่า จะเข้าสอบ เสียอีก เพราะถ้าพลาดไป เก็บรายละเอียดไม่ครบ หนังสือก็ไม่สมบูรณ์อย่างที่ตั้งใจ ดังนั้นในการขับรถเที่ยวครั้งนี้ เราจึงเริ่มกันด้วยการพล็อตเชื่อมโยงเมืองต่างๆด้วย Google Maps Engine ก่อน (ฟรีเว็บจาก Google) เพื่อดูว่าเมืองไหนตั้งอยู่ทิศใด และอยู่ใกล้กันบ้าง ก่อนที่จะลงรายละเอียดเส้นทาง คร่าวๆ และคำนวน ระยะเวลาการเดินทางด้วย Google Map อีกครั้ง หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งสองขั้นตอนนี้ เราก็จะ ได้ทริปคร่าวๆมาอยู่ในกำมือค่ะ
ขาดเธอแล้วขาดใจ GPS
GPS เปรียบได้ดังอากาศของทริปนี้ ขาดเธอแล้วขาดใจตายแน่นอน ดังนั้นรถที่เช่าควร ติดตั้งเครื่อง GPS ซึ่งราคาประมาณ 10-12 ปอนด์ต่อวัน แต่ถ้าใครคิดจะขับรถเที่ยวเกิน 5 วัน และหมายตาจะกลับมาซิ่งอีกครั้ง ไม่ว่าจะที่นี่หรือที่ยุโรป ก็แนะนำให้ซื้อเครื่อง GPS เป็นของตัวเองไปเลยค่ะ ราคาเครื่อง GPS รวมค่าแผนที่ ของอังกฤษ และยุโรปของยี่ห้อ TomTom อยู่ที่ 79 ปอนด์เท่านั้น ราคานี้รวม lifetime update หรืออัพเดทข้อมูลฟรี ตลอดชีพแล้วด้วยนะคะ
ถ้าใครคิดจะใช้ Google Map ก็ทำได้ แต่สัญญานมือถือในบางเมืองก็ดับสนิท สัญญาณหายตายไปเฉยๆ จึงเสี่ยงกับการหลงทางพอสมควรค่ะ
TomTom หาซื้อได้ที่ร้าน PC World หรือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป http://www.tomtom.com/en_gb/ คุณโป่งบอกกับฉันว่า … ถ้าเป็นอังกฤษและยุโรปต้องเลือก TomTom แต่ถ้าเป็นอเมริกาก็ต้อง Garmin ค่ะ
ห้ามทำเป็นลืม “ประกันภัยรถยนต์”
ประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกกฏเหล็กที่ห้ามลืมทำเลยค่ะ โบราณสอนไว้ว่า “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” นี่เป็นเรื่องจริงที่สุด ทริปนี้รถเรายางแตกที่ Oxford ค่ะ จานของล้อบิ่นด้วย เพราะแบนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ แต่ก็โชคดีที่มีประกันแบบ Full Coverage ซึ่งคิดราคายี่สิบกว่าปอนด์ต่อวัน ทำให้เราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย และที่ สำคัญ … ขับแบบสบายใจดีกว่าต้องมาขับแบบกล้าๆกลัวๆค่ะ ดังนั้นแนะนำให้ซื้อประกันแบบ Full Coverage ไปเลยชัวร์กว่าค่ะ
รหัสไปรษณีย์ที่อังกฤษแม่นยำอย่างกับตาทิพย์
Postal Code หรือรหัสไปรษณีย์ของที่อังกฤษ เป๊ะมากกว่าบ้านเลขที่และถนนอีกนะคะ คียร์รหัสเข้าเครื่อง GPS ทีไร ข้อมูลบ้านเลขที่ และถนนขึ้นมาให้ฉับไวทันใจ ดังนั้นถ้าจะขับรถในอังกฤษ ให้เตรียมที่อยู่พร้อมรหัสไปรษณีย์ หรือ Postal Code ไปด้วยทุกครั้ง เชื่อใจได้ว่าถึงที่หมายแน่นอนค่ะ ตัวอย่างรหัสไปรษณีย์ของอังกฤษ SL7 3LT หรือ SW1 P74 ต้องเว้นวรรคตรงกลาง ตอนที่กรอกข้อมูลด้วยค่ะ
Visitor Center หรือ Tourist Information
ไม่ว่าแต่ละเมืองจะเรียกชื่ออะไรก็ตาม เจ้าตัว i ที่ย่อมาจาก Information ก็เป็นศูนย์ที่ให้ความช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวได้จริง แต่ต้องมั่นใจว่าฟรีไหม!!! เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความรู้เตี่ยมเปี่ยม ถามอะไรตอบได้หมด แต่การบริการบางอย่างต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่นแผนที่เมืองราคา 1-2 ปอนด์ การจองโรงแรม หรือค้นหาโรงแรม ราคา 3 ปอนด์ (เจอที่ Oxford ค่ะ) แต่ส่วนใหญ่ แผนที่เมืองก็แจกฟรีกันนะคะ หรือถ้าไม่ฟรี เราก็เดินไปหยิบ แผ่นพับที่วางไว้เต็มห้องได้ บางแผ่นพับมีแผนที่เมืองอยู่แล้วจึงไม่ต้องควักเงินซื้อเพิ่ม
ประหยัดเงินและเวลาด้วยการซื้อตั๋วล่วงหน้า
ตั๋วเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ถ้าซื้อล่วงหน้า ซื้อออนไลน์ หรือซื้อที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ราคา จะถูกกว่าที่ซื้อด้านหน้างานค่ะ ยกตัวอย่างเช่นเราซื้อตั๋วรวมเที่ยวบ้านเชคสเปรียร์ 3 หลังที่ศูนย์นักท่องเที่ยว ราคาที่ซื้อถูกกว่าตรงบ้านเชคเสปียร์ถึง 20% หรือเราซื้อตั๋วชม Blenheim Palace ที่ศูนย์นักท่องเที่ยวของ Bourton on the Water ก็ถูกกว่าซื้อที่ Blenhiem Palace 2 ปอนด์เลยค่ะ
สัญญาณชีวิต สัญญาณไวไฟ
สัญญานจากค่ายมือถือแต่ละระบบในอังกฤษแรงส์ชัดไม่เท่ากันนะคะ ปัจจุบันค่าย EE ที่รวม Orange กับ T Mobile เป็นค่ายใหญ่ที่สุด ราคาประมาณ 24 ปอนด์สำหรับ Unlimited Data หนึ่งเดือน หรือจะเป็น Lebara ที่เป็นซิมเติมเงิน เหมาะกับคนที่มาอยู่เพียงไม่กี่วัน หรือจะเป็น Three ที่สัญญาณดี แรงส์ชัดในเมือง แต่ชนบท เฉาไปบ้าง ดังนั้นในการเดินทางออกนอกเมือง เราควรมีสำรองของสองผู้ให้บริการ เช่นของฉันเป็น Three ของเธอเป็น EE เพื่อป้องกันสัญญาณชีวิตขาดหายระหว่างท่องเมืองกัน
ป.ล. ซิมโทรศัพท์ซื้อได้ที่ Carphone Warehouse แต่ถ้าเป็นของ Three ต้องซื้อที่ร้านเท่านั้น และแพ็คเก็จ Unlimited Data หนึ่งเดือนหาซื้อยากเหมือนกันค่ะ แต่มีขายที่ Oxford Street ส่วนของ Lebara ซิมหาซื้อง่าย เติมเงินก็ง่ายค่ะ ตามร้านสะดวกซื้อก็เติมเงินได้
ดาวอะไรก็ไม่สำคัญเท่าดาวที่ได้จาก AA
จาก Road Trip ท่องอังกฤษครั้งนี้ทำให้เราเชื่อมั่นกับ AA องค์กรที่จัดระดับโรงแรมที่พักในอังกฤษได้อย่าง น่าเชื่อถือ โรงแรมไหนที่ได้ AA 4 ดาวขึ้นไป เป็นโรงแรมที่พักสบายจริงๆค่ะ ยกตัวอย่างเช่นเราไปพักโรงแรมบูติกที่ Cantebury ราคาเพียง 89 ปอนด์ แต่ได้ AA ถึง 4 ดาว … ตอนจองก็ยังแปลกใจกับราคาและจำนวนดาว ที่ขัดแย้งกัน แต่พอเข้าพักจริง เราติดใจกับความสะดวกสบายของโรงแรมนี้มากเลยค่ะ ทั้งที่ตั้ง การบริการ และความสะอาดของห้องเยี่ยมไปหมดทุกอย่าง ดังนั้นดาวของ AA จึงไม่ได้ขึ้นกับราคา แต่ขึ้นกับคุณภาพของ โรงแรมจริงๆ ดูตัวอย่างรีวิวของ AA ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ www.theaa.com/hotels/abode-canterbury-377530
Service หรือ Rest Area
จุดพักรถมีให้บริการทุก 20-30 ไมล์ บางครั้งอาจเรียกว่า Extra และบางที่ก็มีโรงแรม เช่น Ibis ในราคาคืนละ 42 ปอนด์ ทุกแห่งจะมีร้านอาหารจานด่วน เช่น Burger King, M&S หรือ Sainsbury ที่เปิด 24 ชั่วโมง รวมไปถึง ห้องน้ำสะอาดเอี่ยม และปั๊มป์น้ำมันอีกด้วยค่ะ
ครบกฏเหล็กทั้ง 11 ประการแล้วค่ะ คราวนี้ก็มาดูว่าอังกฤษมีเมืองอะไรน่าขับรถเที่ยวรอบๆลอนดอนกันบ้าง “5 เมืองลับแลของนักท่องเที่ยวไทย” และ ถ้าคิดอะไรออกเพิ่มเติมจากนี้ จะเข้ามาเติมข้อมูลให้เรื่อยๆนะคะ สุดท้ายนี้หวังว่า … ใครที่วางแผนขับรถลัดเลาะเกาะอังกฤษจะเที่ยวได้สนุกราบรื่นสวัสดีกันถ้วนหน้าคร้า
28 Oct 2015
0 Comments
11 กฏเหล็กขับรถลัดเลาะ “เกาะอังกฤษ” ให้ราบรื่นสวัสดี
สามอาทิตย์นี้ ฉันท่องอังกฤษกับน้องๆ โป่งและมิ้ง เพื่อนำข้อมูลไปเขียนหนังสือสำหรับปีหน้าค่ะ เราเริงร่าอยู่บน ไฮเวย์กันอยู่หลายวัน ผ่านเหตุการณ์ไม่คาดคิดบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีดราม่าอะไรมากมาย เพราะการขับรถเที่ยวอังกฤษ ถ้าเตรียมตัวดีๆ มันช่างง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีกค่ะ
แต่ก่อนจะร่ายยาว 11 กฏเหล็ก ฉันขอขยายความสักนิดว่า … ประเทศอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร (United Kingdom หรือ Great Britain) ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศอังกฤษ สก๊อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์ เหนือค่ะ
ทิปขับรถครั้งนี้เป็นบทสรุปที่ได้จากประสบการณ์ขับรถในเกาะอังกฤษ ซึ่งน่าจะปรับใช้กับประเทศอื่นๆ ใน สหราชอาณาจักรได้ … ถ้าพร้อมแล้ว เรามานับหนึ่งถึงสิบเอ็ดไปพร้อมๆกันเลยนะคะ!!!
บริษัทรถเช่าที่จะหมั้นหมายด้วย
บริษัทรถเช่าเป็นด่านแรกที่ต้องคัดเลือกดีๆ ต้องพิถีพิถันดังแฟนที่จะแต่งงานด้วย และจากประสบการณ์ ของพวกเราทั้งสามคน Europe Car เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วค่ะ
Europe Car เป็นบริษัทเช่ารถที่เราพร้อมใจลงความเห็นว่าซื่อสัตย์ที่สุด จองรถแบบไหน มักจะได้รถแบบนั้น ต่างจากบางบริษัทอื่นที่จองรถแวน ได้รถมินิ TT … จองรถใหญ่ ได้รถเล็ก แถมยังต้องเสียเงินอัพเกรด รถอีกด้วยค่ะ
สาขาของ Europe Car ที่พวกเราใช้บริการ ตั้งอยู่ตรงสถานี Marble Arch ใกล้ๆกับห้างสรรพสินค้า Selfridges ซึ่งโลเคชั่นสะดวกสบายจริงๆ
ระยะเวลาการจองรถ และประเภทของรถ
ควรจองรถก่อนเดินทางสัก 1-2 เดือน เพื่อจะได้ค่าเช่าในราคาที่ถูกกว่า หลักเหตุผลนี้เหมือนราคาตั๋วเครื่องบิน ค่ะ ยิ่งใกล้วันเดินทางยิ่งแพง และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะ ถ้าจองก่อน บริษัทเช่ารถก็จะมีรถให้เลือกเยอะกว่า บอกเลย ว่า รถเกียร์ออโต้จองใกล้ๆอาจจะหายากนะคะ เพราะรถมีจำนวนจำกัด และคนจองกันเยอะ (ป.ล. ค่าเช่ารถเกียร์ ออโต้จะสูงกว่าเกียร์กระปุกค่ะ เช่นเกียร์ออโต้ 80 ปอนด์ต่อวัน เกียร์กระปุก 50 ปอนด์ต่อวัน) และถ้าใครอยากประหยัดน้ำมัน ก็เลือกเครื่องดีเซลค่ะ ประหยัดจริงๆ เราขับกันกว่า 700-800 กิโลเมตร ใช้น้ำมันยัง ไม่หมดถังเลยค่ะ จำได้ว่าจ่ายค่าน้ำมันไปแค่ 50-60 ปอนด์ หรือ 3,000-4,000 บาทเท่านั้น
ตัวช่วย Google Maps Engine และ Google Map
ทุกการเดินทางต้องมีการเตรียมการณ์ที่ดี ยิ่งมาเขียนหนังสือนี่ พลาดแทบไม่ได้เลยค่ะ ลุ้นยิ่งกว่า จะเข้าสอบ เสียอีก เพราะถ้าพลาดไป เก็บรายละเอียดไม่ครบ หนังสือก็ไม่สมบูรณ์อย่างที่ตั้งใจ ดังนั้นในการขับรถเที่ยวครั้งนี้ เราจึงเริ่มกันด้วยการพล็อตเชื่อมโยงเมืองต่างๆด้วย Google Maps Engine ก่อน (ฟรีเว็บจาก Google) เพื่อดูว่าเมืองไหนตั้งอยู่ทิศใด และอยู่ใกล้กันบ้าง ก่อนที่จะลงรายละเอียดเส้นทาง คร่าวๆ และคำนวน ระยะเวลาการเดินทางด้วย Google Map อีกครั้ง หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งสองขั้นตอนนี้ เราก็จะ ได้ทริปคร่าวๆมาอยู่ในกำมือค่ะ
ขาดเธอแล้วขาดใจ GPS
GPS เปรียบได้ดังอากาศของทริปนี้ ขาดเธอแล้วขาดใจตายแน่นอน ดังนั้นรถที่เช่าควร ติดตั้งเครื่อง GPS ซึ่งราคาประมาณ 10-12 ปอนด์ต่อวัน แต่ถ้าใครคิดจะขับรถเที่ยวเกิน 5 วัน และหมายตาจะกลับมาซิ่งอีกครั้ง ไม่ว่าจะที่นี่หรือที่ยุโรป ก็แนะนำให้ซื้อเครื่อง GPS เป็นของตัวเองไปเลยค่ะ ราคาเครื่อง GPS รวมค่าแผนที่ ของอังกฤษ และยุโรปของยี่ห้อ TomTom อยู่ที่ 79 ปอนด์เท่านั้น ราคานี้รวม lifetime update หรืออัพเดทข้อมูลฟรี ตลอดชีพแล้วด้วยนะคะ
ถ้าใครคิดจะใช้ Google Map ก็ทำได้ แต่สัญญานมือถือในบางเมืองก็ดับสนิท สัญญาณหายตายไปเฉยๆ จึงเสี่ยงกับการหลงทางพอสมควรค่ะ
TomTom หาซื้อได้ที่ร้าน PC World หรือร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป http://www.tomtom.com/en_gb/ คุณโป่งบอกกับฉันว่า … ถ้าเป็นอังกฤษและยุโรปต้องเลือก TomTom แต่ถ้าเป็นอเมริกาก็ต้อง Garmin ค่ะ
ห้ามทำเป็นลืม “ประกันภัยรถยนต์”
ประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกกฏเหล็กที่ห้ามลืมทำเลยค่ะ โบราณสอนไว้ว่า “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” นี่เป็นเรื่องจริงที่สุด ทริปนี้รถเรายางแตกที่ Oxford ค่ะ จานของล้อบิ่นด้วย เพราะแบนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ แต่ก็โชคดีที่มีประกันแบบ Full Coverage ซึ่งคิดราคายี่สิบกว่าปอนด์ต่อวัน ทำให้เราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย และที่ สำคัญ … ขับแบบสบายใจดีกว่าต้องมาขับแบบกล้าๆกลัวๆค่ะ ดังนั้นแนะนำให้ซื้อประกันแบบ Full Coverage ไปเลยชัวร์กว่าค่ะ
รหัสไปรษณีย์ที่อังกฤษแม่นยำอย่างกับตาทิพย์
Postal Code หรือรหัสไปรษณีย์ของที่อังกฤษ เป๊ะมากกว่าบ้านเลขที่และถนนอีกนะคะ คียร์รหัสเข้าเครื่อง GPS ทีไร ข้อมูลบ้านเลขที่ และถนนขึ้นมาให้ฉับไวทันใจ ดังนั้นถ้าจะขับรถในอังกฤษ ให้เตรียมที่อยู่พร้อมรหัสไปรษณีย์ หรือ Postal Code ไปด้วยทุกครั้ง เชื่อใจได้ว่าถึงที่หมายแน่นอนค่ะ ตัวอย่างรหัสไปรษณีย์ของอังกฤษ SL7 3LT หรือ SW1 P74 ต้องเว้นวรรคตรงกลาง ตอนที่กรอกข้อมูลด้วยค่ะ
Visitor Center หรือ Tourist Information
ไม่ว่าแต่ละเมืองจะเรียกชื่ออะไรก็ตาม เจ้าตัว i ที่ย่อมาจาก Information ก็เป็นศูนย์ที่ให้ความช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวได้จริง แต่ต้องมั่นใจว่าฟรีไหม!!! เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความรู้เตี่ยมเปี่ยม ถามอะไรตอบได้หมด แต่การบริการบางอย่างต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่นแผนที่เมืองราคา 1-2 ปอนด์ การจองโรงแรม หรือค้นหาโรงแรม ราคา 3 ปอนด์ (เจอที่ Oxford ค่ะ) แต่ส่วนใหญ่ แผนที่เมืองก็แจกฟรีกันนะคะ หรือถ้าไม่ฟรี เราก็เดินไปหยิบ แผ่นพับที่วางไว้เต็มห้องได้ บางแผ่นพับมีแผนที่เมืองอยู่แล้วจึงไม่ต้องควักเงินซื้อเพิ่ม
ประหยัดเงินและเวลาด้วยการซื้อตั๋วล่วงหน้า
ตั๋วเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ถ้าซื้อล่วงหน้า ซื้อออนไลน์ หรือซื้อที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ราคา จะถูกกว่าที่ซื้อด้านหน้างานค่ะ ยกตัวอย่างเช่นเราซื้อตั๋วรวมเที่ยวบ้านเชคสเปรียร์ 3 หลังที่ศูนย์นักท่องเที่ยว ราคาที่ซื้อถูกกว่าตรงบ้านเชคเสปียร์ถึง 20% หรือเราซื้อตั๋วชม Blenheim Palace ที่ศูนย์นักท่องเที่ยวของ Bourton on the Water ก็ถูกกว่าซื้อที่ Blenhiem Palace 2 ปอนด์เลยค่ะ
สัญญาณชีวิต สัญญาณไวไฟ
สัญญานจากค่ายมือถือแต่ละระบบในอังกฤษแรงส์ชัดไม่เท่ากันนะคะ ปัจจุบันค่าย EE ที่รวม Orange กับ T Mobile เป็นค่ายใหญ่ที่สุด ราคาประมาณ 24 ปอนด์สำหรับ Unlimited Data หนึ่งเดือน หรือจะเป็น Lebara ที่เป็นซิมเติมเงิน เหมาะกับคนที่มาอยู่เพียงไม่กี่วัน หรือจะเป็น Three ที่สัญญาณดี แรงส์ชัดในเมือง แต่ชนบท เฉาไปบ้าง ดังนั้นในการเดินทางออกนอกเมือง เราควรมีสำรองของสองผู้ให้บริการ เช่นของฉันเป็น Three ของเธอเป็น EE เพื่อป้องกันสัญญาณชีวิตขาดหายระหว่างท่องเมืองกัน
ป.ล. ซิมโทรศัพท์ซื้อได้ที่ Carphone Warehouse แต่ถ้าเป็นของ Three ต้องซื้อที่ร้านเท่านั้น และแพ็คเก็จ Unlimited Data หนึ่งเดือนหาซื้อยากเหมือนกันค่ะ แต่มีขายที่ Oxford Street ส่วนของ Lebara ซิมหาซื้อง่าย เติมเงินก็ง่ายค่ะ ตามร้านสะดวกซื้อก็เติมเงินได้
ดาวอะไรก็ไม่สำคัญเท่าดาวที่ได้จาก AA
จาก Road Trip ท่องอังกฤษครั้งนี้ทำให้เราเชื่อมั่นกับ AA องค์กรที่จัดระดับโรงแรมที่พักในอังกฤษได้อย่าง น่าเชื่อถือ โรงแรมไหนที่ได้ AA 4 ดาวขึ้นไป เป็นโรงแรมที่พักสบายจริงๆค่ะ ยกตัวอย่างเช่นเราไปพักโรงแรมบูติกที่ Cantebury ราคาเพียง 89 ปอนด์ แต่ได้ AA ถึง 4 ดาว … ตอนจองก็ยังแปลกใจกับราคาและจำนวนดาว ที่ขัดแย้งกัน แต่พอเข้าพักจริง เราติดใจกับความสะดวกสบายของโรงแรมนี้มากเลยค่ะ ทั้งที่ตั้ง การบริการ และความสะอาดของห้องเยี่ยมไปหมดทุกอย่าง ดังนั้นดาวของ AA จึงไม่ได้ขึ้นกับราคา แต่ขึ้นกับคุณภาพของ โรงแรมจริงๆ ดูตัวอย่างรีวิวของ AA ได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ www.theaa.com/hotels/abode-canterbury-377530
Service หรือ Rest Area
จุดพักรถมีให้บริการทุก 20-30 ไมล์ บางครั้งอาจเรียกว่า Extra และบางที่ก็มีโรงแรม เช่น Ibis ในราคาคืนละ 42 ปอนด์ ทุกแห่งจะมีร้านอาหารจานด่วน เช่น Burger King, M&S หรือ Sainsbury ที่เปิด 24 ชั่วโมง รวมไปถึง ห้องน้ำสะอาดเอี่ยม และปั๊มป์น้ำมันอีกด้วยค่ะ
ครบกฏเหล็กทั้ง 11 ประการแล้วค่ะ คราวนี้ก็มาดูว่าอังกฤษมีเมืองอะไรน่าขับรถเที่ยวรอบๆลอนดอนกันบ้าง “5 เมืองลับแลของนักท่องเที่ยวไทย” และ ถ้าคิดอะไรออกเพิ่มเติมจากนี้ จะเข้ามาเติมข้อมูลให้เรื่อยๆนะคะ สุดท้ายนี้หวังว่า … ใครที่วางแผนขับรถลัดเลาะเกาะอังกฤษจะเที่ยวได้สนุกราบรื่นสวัสดีกันถ้วนหน้าคร้า
Related Posts: