
ความทรงจำในวัยเด็ก … “นารา” เป็นเมืองที่มีกวาง และขี้กวาง และนั่นเกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วค่ะ
2 ปีที่แล้ว ฉันกลับไป “นารา” อีกครั้ง คราวนี้มีตัวเองเป็นไกด์ และนารา ไม่ได้มีแต่กวางอีกต่อไปแล้ว …
“นารา” เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น
โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คน … ชาวเมืองจึงร่วมใจกันสร้าง “พระพุทธรูปไดบุสสึ” หรือพระไวโรจนะพุทธะ เพื่อปกป้องชาวเมืองให้พ้นภัยอันตราย และนั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของพระพุทธรูปสัมฤิทธิ์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับวัดไม้ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก Todai-ji Temple หรือวัดโทไดนั่นเองค่ะ

กระแสผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาสักการะพระใหญ่กันไม่ขาดสาย ทำให้ฉันรู้สึกว่า … วัดนี้คล้ายกับวัดใหญ่ชัยมงคล ที่มีทั้งพระนอนองค์ใหญ่ และตั้งอยู่ในเมืองหลวงแห่งแรกของไทย อยุธยานั่นเอง …

จากโอซาก้า ฉันนั่งรถไฟไปนาราเพียง 35 นาทีเท่านั้น ลงที่สถานีนาราซึ่งอยู่ใจกลางเมือง
ฉันเดินตามป้ายและกระแสผู้คนโดยที่ไม่ต้องพึ่งแผนที่ใดๆ ไปที่วัดโทได สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนารา


กวางซีก้าที่ชาวเมืองเชื่อว่าเป็นผู้สงสารน์จากพระพุทธเจ้า ยังคงออกมาต้อนรับเหมือนเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ฝูงกวางเหล่านี้มีมากกว่า 1,000 ตัว และอาศัยอยู่ในบริเวณวัดมาหลายศตวรรษ


คุณพ่อ คุณแม่สนุกสนานกับการให้อาหารกวาง
“ชิกะเซมเบ้” (Shika Senbie) หรือคุ๊กกี้กวางถูกวางขายตามร้านขายของข้างทาง และเมื่อคุณเริ่มให้ 1 ตัว ก็เตรียมรับมือกับอีกทั้งฝูงที่จะกรูกันเข้ามาในชั่วพริบตาค่ะ



ระหว่างทางเดินไปวัดโทได สองข้างทางมีซุ้มขายอาหารน่ากินอยู่หลายร้านค่ะ
มันเผาร้อนๆ แพนเค้กญี่ปุ่น หรือวอฟเฟิลน่ากิน ซึ่งก่อนจะไปถึงที่ประตูด้านหน้าของวัดเราก็อิ่มแปร้กันทุกคน



ราคาตั๋วเข้าชมพระไดบุสสึ อยู่ที่คนละ 500 เยน หรือประมาณ 165 บาท

หลังจากซื้อตั๋ว ฉันก็พาคุณพ่อ และคุณแม่เดินตามทางเดินไปเรื่อยๆ จนภาพของอาคารไม้หลังใหญ่ แจ่มชัดขึ้นที่ละนิดๆ …
ขนาดที่ใหญ่มหึมา มโหฬารกว่าภาพที่ถ่ายมา ทำให้ฉันตะลึงอยู่พักใหญ่เลยค่ะ!!! ความศรัทธามักสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติได้เสมอ ฉันเชื่อเช่นนั้น
Daibutsuden หรือหอไดบุสึ เป็นที่ประทับของพระใหญ่ พระไดบุสสึ เป็นหอสำคัญของวัดโทได
หอไม้แห่งนี้เคยเป็นอาคารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งขนาดของหอในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ และมีขนาดเพียงแค่ 2 ใน 3 ของหอเก่าเท่านั้น
หอไดบุสึสูงถึง 49 เมตร หรือประมาณตึก 16 ชั้น ยาวถึง 57 เมตร

พระไดบุสสึ ประทับเป็นพระประธานองค์ใหญ่อยู่กลางหอ พระพุทธรูปสัมฤิทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกองค์นี้ มีความสูงเท่ากับตึก 3 ชั้น พระพักตร์สูง 5.33 เมตร พระเนตรกว้าง 1 เมตร พระนาสิกยาว 1 เมตร พระกรรณยาว 2.54 เมตร และมีน้ำหนักถึง 500 ตัน!!! และนี่เป็นผลงานจากความศรัทธาของชาวนาราเมื่อหลายร้อยปีก่อน!!!

พระไดบุสสึอยู่ในปางประทานพร ยกพระหัตถ์ขวาหันฝ่ามือออก เปรียบเสมือนการให้อภัย และความกล้าหาญ ไม่กลัว ส่วนพระหัตถ์ ซ้ายวางหงายอยู่บนน่อง เพื่อปกป้องและคุ้มครองชาวเมืองนารา

ภายในหอไดบุสสึยังมีเส้าไม้ใหญ่อีก 18 ต้น ซึ่งมีอยู่ 1 ต้นที่มีรูกว้างขนาด 50 เซนติเมตร ให้ลอดผ่าน
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าใครลอดผ่านรูนี้ได้ จะตรัสรู้ และโชคดี ซึ่งก็มีแต่เด็กๆเท่านั้นที่ลำตัวลอดผ่านได้สบายค่ะ … เจ้าหนูชูสองนิ้ว Victory เลย ^^


ที่ประตูทางเข้าของหอไดบุสสึยังมีเทพพิทักษ์อีกสององค์
โคโมกู (Komoku-ten) เทพผู้เห็นทุกอย่าง และ ทามงเท็น (Tamon-ten) เทพผู้ได้ยินทุกอย่าง เป็นสองเทพนำโชคของวัดนี้

และที่สำคัญ … หอไดบุสสึยังมีพระ Binzuru องค์ไม้คลุมผ้าสีแดง ซึ่งเชื่อว่ามีพลังรักษาโรคร้ายให้หายได้
ใครเจ็บป่วยตรงไหน ให้จับตรงองค์ของพระและมาลูบตรงร่างกายเรา ก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง


เราเดินสักการะ และชื่นชมความยิ่งใหญ่ของวัดโทไดกันสักพัก
ก่อนจะบ่ายหน้ากลับโอซาก้า ฉันแวะซื้อคุ๊กกี้กวางเป็นของที่ระลึกให้หลานๆ แต่คราวนี้เป็นคุ๊กกี้ของคนนะคะ ^^

การเดินทางจากโอซาก้าไปนารา
JR Osaka – Nara ค่าโดยสาร 470 เยน ใช้เวลาเดินทาง 35-50 นาที หรือ
Kintetsu Osaka Namba – Nara ค่าโดยสาร 560 เยน ใช้เวลาเดินทาง 35 – 50 นาที
ค่าตั๋วเข้าชมพระใหญ่
ผู้ใหญ่ 500 เยน
4 Apr 2016
0 Comments
นารา …. พระใหญ่ไดบุสสึ
ความทรงจำในวัยเด็ก … “นารา” เป็นเมืองที่มีกวาง และขี้กวาง และนั่นเกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วค่ะ
2 ปีที่แล้ว ฉันกลับไป “นารา” อีกครั้ง คราวนี้มีตัวเองเป็นไกด์ และนารา ไม่ได้มีแต่กวางอีกต่อไปแล้ว …
“นารา” เป็นเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่น
โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คน … ชาวเมืองจึงร่วมใจกันสร้าง “พระพุทธรูปไดบุสสึ” หรือพระไวโรจนะพุทธะ เพื่อปกป้องชาวเมืองให้พ้นภัยอันตราย และนั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของพระพุทธรูปสัมฤิทธิ์ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เช่นเดียวกับวัดไม้ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก Todai-ji Temple หรือวัดโทไดนั่นเองค่ะ
กระแสผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาสักการะพระใหญ่กันไม่ขาดสาย ทำให้ฉันรู้สึกว่า … วัดนี้คล้ายกับวัดใหญ่ชัยมงคล ที่มีทั้งพระนอนองค์ใหญ่ และตั้งอยู่ในเมืองหลวงแห่งแรกของไทย อยุธยานั่นเอง …
จากโอซาก้า ฉันนั่งรถไฟไปนาราเพียง 35 นาทีเท่านั้น ลงที่สถานีนาราซึ่งอยู่ใจกลางเมือง
ฉันเดินตามป้ายและกระแสผู้คนโดยที่ไม่ต้องพึ่งแผนที่ใดๆ ไปที่วัดโทได สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของนารา
กวางซีก้าที่ชาวเมืองเชื่อว่าเป็นผู้สงสารน์จากพระพุทธเจ้า ยังคงออกมาต้อนรับเหมือนเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ฝูงกวางเหล่านี้มีมากกว่า 1,000 ตัว และอาศัยอยู่ในบริเวณวัดมาหลายศตวรรษ
คุณพ่อ คุณแม่สนุกสนานกับการให้อาหารกวาง
“ชิกะเซมเบ้” (Shika Senbie) หรือคุ๊กกี้กวางถูกวางขายตามร้านขายของข้างทาง และเมื่อคุณเริ่มให้ 1 ตัว ก็เตรียมรับมือกับอีกทั้งฝูงที่จะกรูกันเข้ามาในชั่วพริบตาค่ะ
ระหว่างทางเดินไปวัดโทได สองข้างทางมีซุ้มขายอาหารน่ากินอยู่หลายร้านค่ะ
มันเผาร้อนๆ แพนเค้กญี่ปุ่น หรือวอฟเฟิลน่ากิน ซึ่งก่อนจะไปถึงที่ประตูด้านหน้าของวัดเราก็อิ่มแปร้กันทุกคน
ราคาตั๋วเข้าชมพระไดบุสสึ อยู่ที่คนละ 500 เยน หรือประมาณ 165 บาท
หลังจากซื้อตั๋ว ฉันก็พาคุณพ่อ และคุณแม่เดินตามทางเดินไปเรื่อยๆ จนภาพของอาคารไม้หลังใหญ่ แจ่มชัดขึ้นที่ละนิดๆ …
ขนาดที่ใหญ่มหึมา มโหฬารกว่าภาพที่ถ่ายมา ทำให้ฉันตะลึงอยู่พักใหญ่เลยค่ะ!!! ความศรัทธามักสร้างอะไรที่ยิ่งใหญ่เหนือธรรมชาติได้เสมอ ฉันเชื่อเช่นนั้น
Daibutsuden หรือหอไดบุสึ เป็นที่ประทับของพระใหญ่ พระไดบุสสึ เป็นหอสำคัญของวัดโทได
หอไม้แห่งนี้เคยเป็นอาคารไม้ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งขนาดของหอในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ และมีขนาดเพียงแค่ 2 ใน 3 ของหอเก่าเท่านั้น
หอไดบุสึสูงถึง 49 เมตร หรือประมาณตึก 16 ชั้น ยาวถึง 57 เมตร
พระไดบุสสึ ประทับเป็นพระประธานองค์ใหญ่อยู่กลางหอ พระพุทธรูปสัมฤิทธิ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกองค์นี้ มีความสูงเท่ากับตึก 3 ชั้น พระพักตร์สูง 5.33 เมตร พระเนตรกว้าง 1 เมตร พระนาสิกยาว 1 เมตร พระกรรณยาว 2.54 เมตร และมีน้ำหนักถึง 500 ตัน!!! และนี่เป็นผลงานจากความศรัทธาของชาวนาราเมื่อหลายร้อยปีก่อน!!!
พระไดบุสสึอยู่ในปางประทานพร ยกพระหัตถ์ขวาหันฝ่ามือออก เปรียบเสมือนการให้อภัย และความกล้าหาญ ไม่กลัว ส่วนพระหัตถ์ ซ้ายวางหงายอยู่บนน่อง เพื่อปกป้องและคุ้มครองชาวเมืองนารา
ภายในหอไดบุสสึยังมีเส้าไม้ใหญ่อีก 18 ต้น ซึ่งมีอยู่ 1 ต้นที่มีรูกว้างขนาด 50 เซนติเมตร ให้ลอดผ่าน
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าถ้าใครลอดผ่านรูนี้ได้ จะตรัสรู้ และโชคดี ซึ่งก็มีแต่เด็กๆเท่านั้นที่ลำตัวลอดผ่านได้สบายค่ะ … เจ้าหนูชูสองนิ้ว Victory เลย ^^
ที่ประตูทางเข้าของหอไดบุสสึยังมีเทพพิทักษ์อีกสององค์
โคโมกู (Komoku-ten) เทพผู้เห็นทุกอย่าง และ ทามงเท็น (Tamon-ten) เทพผู้ได้ยินทุกอย่าง เป็นสองเทพนำโชคของวัดนี้
และที่สำคัญ … หอไดบุสสึยังมีพระ Binzuru องค์ไม้คลุมผ้าสีแดง ซึ่งเชื่อว่ามีพลังรักษาโรคร้ายให้หายได้
ใครเจ็บป่วยตรงไหน ให้จับตรงองค์ของพระและมาลูบตรงร่างกายเรา ก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง
เราเดินสักการะ และชื่นชมความยิ่งใหญ่ของวัดโทไดกันสักพัก
ก่อนจะบ่ายหน้ากลับโอซาก้า ฉันแวะซื้อคุ๊กกี้กวางเป็นของที่ระลึกให้หลานๆ แต่คราวนี้เป็นคุ๊กกี้ของคนนะคะ ^^
การเดินทางจากโอซาก้าไปนารา
JR Osaka – Nara ค่าโดยสาร 470 เยน ใช้เวลาเดินทาง 35-50 นาที หรือ
Kintetsu Osaka Namba – Nara ค่าโดยสาร 560 เยน ใช้เวลาเดินทาง 35 – 50 นาที
ค่าตั๋วเข้าชมพระใหญ่
ผู้ใหญ่ 500 เยน
Related Posts: