ดานังยังเป็นเมืองใหม่สำหรับคนไทยหลายคน ความรู้และความเข้าใจในเมืองนี้ยังมีกระจิดนัก หากเทียบกับเมืองหลวง ฮานอย และเมืองเศรษฐกิจ โฮจิมินห์ซิตี้ แต่เมื่อสายการบินบางกอกแอร์เวย์ปลดล็อก เปิดประตูเครื่องบินสู่ดานังตรง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ชื่อของ “ดานัง” จึงตระหง่านขึ้นมาจับความสนใจของผู้คนทั่วไป และฉันสารภาพเลยว่า “ดานัง” ไม่ใช่ เมืองเล็กกรุบกรอบที่จะเดินผ่านได้ง่ายๆ หากดานังยังมีที่เที่ยวน่าตะลอนชมหลายแห่งที่ เที่ยวแรก ของคุณไม่ควรพลาดเลยจริงๆค่ะ
Museum of Charm Sculpture
พิพิธภัณฑ์รูปปั้นงานศิลปะของอาณาจักรจามปาแห่งนี้ ตั้งอยู่ตรงวงเวียนใหญ่ ใกล้กับแม่น้ำหาน แม่น้ำสำคัญของดานัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสะพานมังกรทอง (Dragon Bridge) อีกไฮไลท์ที่ดึงดูดชาวเวียดนามจากทั่วประเทศ เข้ามาที่ดานัง
Linga & Yoni สัญลักษณ์เพศชายและหญิง แสดงถึงความสมบูรณ์
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขนาดกระทัดรัด ภายในแบ่งเป็นห้องหับที่เปิดโปร่ง ปล่อยให้สายลมเย็นเอื่อยเทเข้ามาเป็นระยะๆ งานศิลปะส่วนใหญ่ทำจากหินทราย แกะสลักขึ้นตามความเชื่อของชาวจามปาในอดีต ซึ่งใกล้เคียงกับศาสนาฮินดู โดยมีพระศิวะ พระพิษณุ และ Linga and Yoni ซึ่งก็คือสัญลักษณ์เพศของชายและหญิง เป็นความเชื่อหลัก
งานศิลปะที่นี่มีจำนวนหลายพันชิ้น จึงกลายเป็นศูนย์รวมอดีตของอาณาจักรจามปาขนาดใหญ่ที่สุดของโลก … ความรู้สึกของฉันในขณะเดินชม ก็ตื่นตะลึงไม่ต่างจากการชมสิ่งปลูกสร้างอื่นในยุคโบราณ จินตนาการที่วิ่งสวนสนาม ในสมอง ยังคงทำให้ฉันฉงนและสงสัยได้ตลอดเวลาว่าอะไรกันที่ดลใจให้คนโบราณสร้างความยิ่งใหญ่ได้เพียงนี้ … หากไม่ใช่ศรัทธาและความเชื่อที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์เพียงอย่างเดียวในยุคสมัยนั้น
Lady Buddha
อาการอิ่มเอิบใจหลังได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นความรู้สึกที่ทำให้เราสุขใจยิ่งนัก และถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สักการะนั้น เป็นที่นับถือของผู้คนจำนวนมากแล้ว พลังแห่งความสุขก็จะถีบตัวสูงขึ้นตามพลังศรัทธา ซึ่งเจ้าแม่กวนอิมพระองค์นี้ ที่ชาวดานังเคารพนับถือกันมากนั้น เป็นอีกความศรัทธาที่ชาวพุทธอย่างเราควรจะไปสักการะสักครั้งหนึ่ง
Lady Buddha หรือเจ้าแม่กวนอิมพระองค์นี้ ตั้งตระหง่านอยู่ที่แหลมซอนทรา (Son Tra Peninsula) อีกจุดชมวิว ที่เห็นดานังในมุมพญาเหยี่ยว ชาวดานังสร้างขึ้นเพื่อให้ท่านปกปักษ์รักษาดานังจากภัยธรรมชาติ และพายุไต้ฝุ่น ที่เคยเข้ามาทำลายเมืองในหลายปีก่อนหน้า ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า หลังจากสร้างเสร็จ ดานังก็ไม่เคยประสบกับภัยธรรมชาติ อีกเลยเป็นเวลาเกือบสิบปี และด้วยความสูงประมาณตึก 30 ชั้น ประกอบกับความงามของหินอ่อนสีขาวโพลน รัศมีความศักดิ์สิทธิ์ของท่านจึงแผ่กระจายไปทั่วสารถิศ (วัดลิงอึ๊งบ๊ายบุต วัดเจ้าแม่กวนอิม)
So City พาไปชม Museum of Charm Sculpture และ Lady Buddha กันอย่างใกล้ชิด –>
China Beach
ฉันปักใจเชื่อมาตลอดว่า น้ำทะเลฝั่งทะเลจีนใต้รวมถึงหาดทรายในเวิ้งน้ำด้านนี้ มีความสวยงามน้อยกว่าฝั่งอันดามัน แถบภูเก็ต และสิมิลัน … แต่เมื่อล้อรถตู้ของเราค่อยๆปีนขึ้นแหลมซอนทราที่ตั้งขององค์เจ้าแม่กวนอิม ภาพของโค้ง หาดทรายพระจันทร์เสี้ยว สีขาวนวลตรงหน้า ที่ยาวสุดลูกหูลูกตาตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าเข้มของทะเลจีนใต้ ทำให้ความคิดเดิมๆเปลี่ยนไปในพริบตา … อืม ทะเลเวียดนามสวยหาตัวจับยากเหมือนกันนะ
China Beach ในอดีตเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ (R&R หรือ Rest & Recreation) ของทหารอเมริกัน … โค้งหาดที่ ยาวเหยียดหลายกิโลเมตรนี่ ถูกแบ่งออกเป็นหาดต่างๆในเวิ้งน้ำเดียวกัน ตรงกลางของหาดยาว เป็นที่ตั้งของ My Khy Beach ซึ่งในวันนี้มีชาวเวียดนามหลายร้อยคน วิ่งลงไปเล่นน้ำทะเลกันสนุกสนาน กิจกรรมทางน้ำก็มีทั้งบานานาโบ็ต และเรือเร็ว … รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะกระหึ่มไปทั่วหาดเลยค่ะ
ฉันแอบอิจฉาชีวิตของชาวดานังอยู่ในใจ … เมืองอะไรเนี่ย มีที่หย่อนใจทั้งในและหน้าบ้าน กลางเมืองมีแม่น้ำหาน หน้าบ้านก็มีทะเลสวย เศร้าใจอะไรก็มาปล่อยลงที่ทะเล หรือทุกข์ใจจากไหนก็ลอยออกไปที่แม่น้ำ … นึกแล้วก็ภาวนาว่า ขอให้ดานังรักษาความบริสุทธิ์เช่นนี้ไว้ แม้ความเจริญรุ่งเรืองจะคืบคลานเข้ามาก็ตามที
Han River & Dragon Bridge
แม่น้ำหานสายเอื่อยเส้นนี้ไม่ได้ทำให้ระดับความอิจฉาของฉันพุ่งสูงถึงระดับสิบ แต่เจ้าทางเดินเลียบริมแม่น้ำนี่สิ ที่ทั้งสะอาดและใหญ่โต ทำให้คนกรุงอย่างฉันอยากมีอยากได้มาประดับแม่น้ำเจ้าพระยาของเราบ้าง
แม่น้ำหานมีความกว้างใกล้เคียงกับแม่น้ำเจ้าพระยา สีสันดูสะอาดกว่า กลิ่นตุๆมีบ้างตรงใจกลางเมือง ที่ชาวบ้าน ปล่อยของเสียลงในน้ำ … ต้นน้ำอยู่ในเขตกวางหนามส่วนปลายน้ำอยู่ที่ทะเลจีนใต้ ตอนกลางคืนที่มืดสนิท แม่น้ำสายนี้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเริงร่าด้วยแสงไฟของสะพานข้ามแม่น้ำหานทั้ง 3 สาย โดยเฉพาะสะพานมังกรทอง สะพานที่ยาว 666 เมตร สร้างตามสัตว์มงคลของชาวจีน ซึ่งจะเปล่งแสงและรัศมีแห่งความสุข พร้อมกับพ่นไฟและน้ำ ในทุกคืนของวันศุกร์และเสาร์ตอนเวลาสามทุ่ม … ใครที่อยากไปชมการแสดงของเจ้ามังกรทองตัวนี้ ต้องเตรียมใจ รับมือกับกระแสผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาเหมือนชมคอนเสริต์ฟรีของจัสติน บีเบอร์ ซึ่งถ้าคุณมั่นใจในความแกร่งของตัวเอง ก็ลุยเข้าไปชมได้เลยค่ะ … Good Luck to you
Ca Chep Hoa Rong
เจ้าสัตว์ตัวเป็นปลาหัวเป็นมังกรนี้ น่าจะมีตัวตนอยู่ในนิยายปรัมปราของเวียดนามมานานแล้ว เพราะเมื่อค้นหาชื่อ Ca Chep Hoa Rong ซึ่งขอเรียกสั้นๆว่า คาร์ฟดราก้อน ก็จะมีภาพเขียนอยู่มากมาย และที่ริมทางเดินเลียบแม่น้ำหาน ตรงตีนสะพานมังกรทองนี้ ฉันก็ได้พบกับสัตว์ในตำนานตัวเป็นๆ มีสายน้ำแห่งชีวิตพุ่งออกมาจากปาก ของคาร์ฟดราก้อน อนุเสาวรีย์ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของดานัง
มิสทั่ม ไกด์เวียดนามบอกกับเราว่า รูปปั้นนี้สร้างลอกเลียนแบบเมอร์ไลอ้อนของสิงคโปร์ มีความหมายให้ชาวเวียดนาม หมั่นศึกษาหาความรู้มาประดับตน เพื่อที่เมื่อเติบใหญ่ เรียนสูงขึ้นก็จะกลายร่างเป็นมังกรมาช่วยเหลือประเทศชาติได้ … ฉันหันไปมองคาร์ฟดราก้อนอีกครั้ง พร้อมกับอมยิ้มนิดๆ และโพสภาพของเจ้าลงในแฟนเพจเซียนสิงคโปร์ ให้ Fanclub สิงคโปร์ได้เห็นน้องของเมอร์ไลอ้อนพร้อมกันในทันใด
So City พาไปเดินเล่นริมชายทะเล และแม่น้ำหานของดานัง –>
Marble Mountain
Marble Mountain หรือภูเขาหินอ่อนของดานัง น่าจะเกิดจากปลายยอดของภูเขา ที่เมื่อวันเวลาผ่านไปเปลือกโลก ขยับเขยื้อน น้ำทะเลเหือดหาย จึงกลายเป็นยอดสูงเหนือพื้นดินอยู่ 5 ลูก กลายเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่ชาวบ้านเอาไปผูกกับตำนานนางฟ้านางสวรรค์ ที่ลงมาพบรักและคลอดลูกเป็นไข่ โดยเปลือกไข่ที่แตกก็ กลายเป็นภูเขาทั้ง 5 แทนธาตุสำคัญของชาวจีนอย่างในปัจจุบัน
Marble Mountain อยู่ห่างจากใจกลางดานังไป 15-20 นาที ตั้งอยู่บนถนนที่เป็นทางผ่านไปยังฮอยอันเมืองมกดกโลก ภูเขาลูกที่สูงที่สุดเป็นธาตุน้ำ ข้างบนมีเจดีย์เจ็ดชั้น วัด และถ้ำ Huyen Khong ซึ่งมีรูปปั้นทำจากหินอ่อนให้สักการะ ภายในถ้ำ อากาศข้างในเย็นสบายเหมือนติดแอร์เลยค่ะ
ฉันแวะมาเที่ยวภูเขาหินอ่อนในตอนสายๆ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังฮอยอัน อากาศวันนั้นร้อนจัด แต่ลิฟท์ความเร็วสูง ก็ช่วยผ่อนแรงให้ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันไดตากแดดจรตัวเกรียมกรอบ
วิวด้านบนสวยงามเชียวค่ะ ด้านหนึ่งเป็นภูเขาอีกลูกที่ถูกโอบล้อมรอบด้วยบ้านพักของชาวดานัง ส่วนอีกด้านก็เป็น วิวของน้ำทะเลสีฟ้าสวยของทะเลจีนใต้ … น่าเสียดายที่เราไม่ได้มาตอนเย็นๆ ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศคงดีกว่านี้แน่ ไม่ร้อนและยังได้ภาพแสงสุดท้ายของวันที่อาบภูเขาทั้งห้าอีกด้วย … ฉันเชื่อแบบนั้น
Danang Bay
แม้เราจะจอดรถถ่ายรูปกับ Danang Bay (อ่าวดานัง) เพียง 10 นาที แต่ฉันกลับประทับใจที่นี่ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ ของอ่าว ที่เป็นท่าเรือน้ำลึก แถมยังเป็นที่ยกพลขึ้นบกของทหารฝรั่งเศสจนทำให้เวียดนามกลายมาเป็นอาณานิคม ในที่สุด
กลางแดดเปรี้ยงเรือประมงคอนกรีตลำนี้หันหน้าออกสู่ทะเลอย่างมุ่งมั่น มิสทั่มบอกว่า นี่เป็นอนุเสาวรีย์ให้กับชาว ประมงผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นในอดีต
ในเวิ้งน้ำด้านหน้า เรือประมงยังลอยลำอย่างทุกๆวัน เรือกระจาดทรงกลมก็ยังมีอยู่ให้เห็น แม้จะมีพายุใดๆพัดเข้ามา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตชาวประมงในทะเลนี้ได้ … อยู่กับฟ้าอย่ากลัวฝน เป็นชาวประมงก็อย่ากลัวคลื่น ฉันคิด
So City พาขึ้นภูเขาหินอ่อน และล่องดานังเบย์ –>
Han Van Mountain
ภูเขา Han Van (ไฮเวิน) เป็นยอดเขาที่ทุกคนซึ่งมุ่งหน้าไปเว้จะต้องผ่าน มีความหมายว่าภูเขาแห่งเมฆหมอก และเพื่อให้เราเห็นเวียดนามทั้งสองด้าน ขาไปเราจึงเลือกเส้นขับรถลัดเลาะบนภูเขา ซึ่งใช้เวลามากกว่าขับรถ ลอดอุโมงค์ แต่รางวัลที่ได้เป็นวิวสวยติดตาของอ่าวดานังค่ะ
ขากลับจากเว้ เราเลือกเส้นทางลัด ขับรถเข้าอุโมงค์ไฮเวิน ซึ่งประหยัดเวลาการเดินทางจากเว้สู่ดานังไปได้ถึง 20-30 นาที
สะพานเข้าอุโมงค์ไฮเวิน
อุโมงค์ไฮเวินมีความยาว 6.3 กิโลเมตร ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อสร้างโดยเอกชนชาวญี่ปุ่น โดยผู้ร่วมทุน งบประมาณเป็นรัฐบาลฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นหนึ่งในอุโมงค์สำคัญของเวียดนามที่ชาวดานังภูมิใจกันหนักหนา
Ba Na Hills
Credit : TourinDanang.com
ทริปนี้เราจับปลาสองมือแล้ว ก็คงไม่มีอีกมือไปจับบานาฮิลล์ ดิสนีย์แลนด์ของเวียดนามได้ สองวันที่ท่องเว้ และฮอยอัน ทำให้เราต้องยอมปล่อยบานาฮิลล์ไป แต่เพราะที่นี่เป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องนำมารวบรวมใน 9 ที่เที่ยว สำหรับเที่ยวแรกในดานัง
บานาฮิลล์ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ห่างจากดานังประมาณ 40 กิโลเมตร พื้นที่บนเนินเขานี้ถูกปรับโฉมให้กลายเป็น สวนสนุกระดับตำนานของเวียดนาม โดยมีกระเช้าลอยฟ้ายาวที่สุดของโลกมาช่วยเสริมความน่าเที่ยว นอกจากโรงแรม เครื่องเล่น และวัดค่ะ … บานาฮิลล์น่าจะเป็นทริปที่สนุกของเด็กๆได้ ดังนั้นครอบครัวใดที่มีลูกเล็กไป ลองตัดสินใจไป เที่ยวกันนะคะ
The End
ขอบคุณ Bangkok Airways – Asia’s Boutique Airline และ ICS Travel Group
6 Oct 2016
0 Comments
9 เที่ยวแรกที่ดานัง – เวียดนาม
ดานังยังเป็นเมืองใหม่สำหรับคนไทยหลายคน ความรู้และความเข้าใจในเมืองนี้ยังมีกระจิดนัก หากเทียบกับเมืองหลวง ฮานอย และเมืองเศรษฐกิจ โฮจิมินห์ซิตี้ แต่เมื่อสายการบินบางกอกแอร์เวย์ปลดล็อก เปิดประตูเครื่องบินสู่ดานังตรง เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ชื่อของ “ดานัง” จึงตระหง่านขึ้นมาจับความสนใจของผู้คนทั่วไป และฉันสารภาพเลยว่า “ดานัง” ไม่ใช่ เมืองเล็กกรุบกรอบที่จะเดินผ่านได้ง่ายๆ หากดานังยังมีที่เที่ยวน่าตะลอนชมหลายแห่งที่ เที่ยวแรก ของคุณไม่ควรพลาดเลยจริงๆค่ะ
Museum of Charm Sculpture
พิพิธภัณฑ์รูปปั้นงานศิลปะของอาณาจักรจามปาแห่งนี้ ตั้งอยู่ตรงวงเวียนใหญ่ ใกล้กับแม่น้ำหาน แม่น้ำสำคัญของดานัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของสะพานมังกรทอง (Dragon Bridge) อีกไฮไลท์ที่ดึงดูดชาวเวียดนามจากทั่วประเทศ เข้ามาที่ดานัง
Linga & Yoni สัญลักษณ์เพศชายและหญิง แสดงถึงความสมบูรณ์
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีขนาดกระทัดรัด ภายในแบ่งเป็นห้องหับที่เปิดโปร่ง ปล่อยให้สายลมเย็นเอื่อยเทเข้ามาเป็นระยะๆ งานศิลปะส่วนใหญ่ทำจากหินทราย แกะสลักขึ้นตามความเชื่อของชาวจามปาในอดีต ซึ่งใกล้เคียงกับศาสนาฮินดู โดยมีพระศิวะ พระพิษณุ และ Linga and Yoni ซึ่งก็คือสัญลักษณ์เพศของชายและหญิง เป็นความเชื่อหลัก
งานศิลปะที่นี่มีจำนวนหลายพันชิ้น จึงกลายเป็นศูนย์รวมอดีตของอาณาจักรจามปาขนาดใหญ่ที่สุดของโลก … ความรู้สึกของฉันในขณะเดินชม ก็ตื่นตะลึงไม่ต่างจากการชมสิ่งปลูกสร้างอื่นในยุคโบราณ จินตนาการที่วิ่งสวนสนาม ในสมอง ยังคงทำให้ฉันฉงนและสงสัยได้ตลอดเวลาว่าอะไรกันที่ดลใจให้คนโบราณสร้างความยิ่งใหญ่ได้เพียงนี้ … หากไม่ใช่ศรัทธาและความเชื่อที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย์เพียงอย่างเดียวในยุคสมัยนั้น
Lady Buddha
อาการอิ่มเอิบใจหลังได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นความรู้สึกที่ทำให้เราสุขใจยิ่งนัก และถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สักการะนั้น เป็นที่นับถือของผู้คนจำนวนมากแล้ว พลังแห่งความสุขก็จะถีบตัวสูงขึ้นตามพลังศรัทธา ซึ่งเจ้าแม่กวนอิมพระองค์นี้ ที่ชาวดานังเคารพนับถือกันมากนั้น เป็นอีกความศรัทธาที่ชาวพุทธอย่างเราควรจะไปสักการะสักครั้งหนึ่ง
Lady Buddha หรือเจ้าแม่กวนอิมพระองค์นี้ ตั้งตระหง่านอยู่ที่แหลมซอนทรา (Son Tra Peninsula) อีกจุดชมวิว ที่เห็นดานังในมุมพญาเหยี่ยว ชาวดานังสร้างขึ้นเพื่อให้ท่านปกปักษ์รักษาดานังจากภัยธรรมชาติ และพายุไต้ฝุ่น ที่เคยเข้ามาทำลายเมืองในหลายปีก่อนหน้า ซึ่งเชื่อหรือไม่ว่า หลังจากสร้างเสร็จ ดานังก็ไม่เคยประสบกับภัยธรรมชาติ อีกเลยเป็นเวลาเกือบสิบปี และด้วยความสูงประมาณตึก 30 ชั้น ประกอบกับความงามของหินอ่อนสีขาวโพลน รัศมีความศักดิ์สิทธิ์ของท่านจึงแผ่กระจายไปทั่วสารถิศ (วัดลิงอึ๊งบ๊ายบุต วัดเจ้าแม่กวนอิม)
So City พาไปชม Museum of Charm Sculpture และ Lady Buddha กันอย่างใกล้ชิด –>
China Beach
ฉันปักใจเชื่อมาตลอดว่า น้ำทะเลฝั่งทะเลจีนใต้รวมถึงหาดทรายในเวิ้งน้ำด้านนี้ มีความสวยงามน้อยกว่าฝั่งอันดามัน แถบภูเก็ต และสิมิลัน … แต่เมื่อล้อรถตู้ของเราค่อยๆปีนขึ้นแหลมซอนทราที่ตั้งขององค์เจ้าแม่กวนอิม ภาพของโค้ง หาดทรายพระจันทร์เสี้ยว สีขาวนวลตรงหน้า ที่ยาวสุดลูกหูลูกตาตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าเข้มของทะเลจีนใต้ ทำให้ความคิดเดิมๆเปลี่ยนไปในพริบตา … อืม ทะเลเวียดนามสวยหาตัวจับยากเหมือนกันนะ
China Beach ในอดีตเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ (R&R หรือ Rest & Recreation) ของทหารอเมริกัน … โค้งหาดที่ ยาวเหยียดหลายกิโลเมตรนี่ ถูกแบ่งออกเป็นหาดต่างๆในเวิ้งน้ำเดียวกัน ตรงกลางของหาดยาว เป็นที่ตั้งของ My Khy Beach ซึ่งในวันนี้มีชาวเวียดนามหลายร้อยคน วิ่งลงไปเล่นน้ำทะเลกันสนุกสนาน กิจกรรมทางน้ำก็มีทั้งบานานาโบ็ต และเรือเร็ว … รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะกระหึ่มไปทั่วหาดเลยค่ะ
ฉันแอบอิจฉาชีวิตของชาวดานังอยู่ในใจ … เมืองอะไรเนี่ย มีที่หย่อนใจทั้งในและหน้าบ้าน กลางเมืองมีแม่น้ำหาน หน้าบ้านก็มีทะเลสวย เศร้าใจอะไรก็มาปล่อยลงที่ทะเล หรือทุกข์ใจจากไหนก็ลอยออกไปที่แม่น้ำ … นึกแล้วก็ภาวนาว่า ขอให้ดานังรักษาความบริสุทธิ์เช่นนี้ไว้ แม้ความเจริญรุ่งเรืองจะคืบคลานเข้ามาก็ตามที
Han River & Dragon Bridge
แม่น้ำหานสายเอื่อยเส้นนี้ไม่ได้ทำให้ระดับความอิจฉาของฉันพุ่งสูงถึงระดับสิบ แต่เจ้าทางเดินเลียบริมแม่น้ำนี่สิ ที่ทั้งสะอาดและใหญ่โต ทำให้คนกรุงอย่างฉันอยากมีอยากได้มาประดับแม่น้ำเจ้าพระยาของเราบ้าง
แม่น้ำหานมีความกว้างใกล้เคียงกับแม่น้ำเจ้าพระยา สีสันดูสะอาดกว่า กลิ่นตุๆมีบ้างตรงใจกลางเมือง ที่ชาวบ้าน ปล่อยของเสียลงในน้ำ … ต้นน้ำอยู่ในเขตกวางหนามส่วนปลายน้ำอยู่ที่ทะเลจีนใต้ ตอนกลางคืนที่มืดสนิท แม่น้ำสายนี้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเริงร่าด้วยแสงไฟของสะพานข้ามแม่น้ำหานทั้ง 3 สาย โดยเฉพาะสะพานมังกรทอง สะพานที่ยาว 666 เมตร สร้างตามสัตว์มงคลของชาวจีน ซึ่งจะเปล่งแสงและรัศมีแห่งความสุข พร้อมกับพ่นไฟและน้ำ ในทุกคืนของวันศุกร์และเสาร์ตอนเวลาสามทุ่ม … ใครที่อยากไปชมการแสดงของเจ้ามังกรทองตัวนี้ ต้องเตรียมใจ รับมือกับกระแสผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาเหมือนชมคอนเสริต์ฟรีของจัสติน บีเบอร์ ซึ่งถ้าคุณมั่นใจในความแกร่งของตัวเอง ก็ลุยเข้าไปชมได้เลยค่ะ … Good Luck to you
Ca Chep Hoa Rong
เจ้าสัตว์ตัวเป็นปลาหัวเป็นมังกรนี้ น่าจะมีตัวตนอยู่ในนิยายปรัมปราของเวียดนามมานานแล้ว เพราะเมื่อค้นหาชื่อ Ca Chep Hoa Rong ซึ่งขอเรียกสั้นๆว่า คาร์ฟดราก้อน ก็จะมีภาพเขียนอยู่มากมาย และที่ริมทางเดินเลียบแม่น้ำหาน ตรงตีนสะพานมังกรทองนี้ ฉันก็ได้พบกับสัตว์ในตำนานตัวเป็นๆ มีสายน้ำแห่งชีวิตพุ่งออกมาจากปาก ของคาร์ฟดราก้อน อนุเสาวรีย์ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของดานัง
มิสทั่ม ไกด์เวียดนามบอกกับเราว่า รูปปั้นนี้สร้างลอกเลียนแบบเมอร์ไลอ้อนของสิงคโปร์ มีความหมายให้ชาวเวียดนาม หมั่นศึกษาหาความรู้มาประดับตน เพื่อที่เมื่อเติบใหญ่ เรียนสูงขึ้นก็จะกลายร่างเป็นมังกรมาช่วยเหลือประเทศชาติได้ … ฉันหันไปมองคาร์ฟดราก้อนอีกครั้ง พร้อมกับอมยิ้มนิดๆ และโพสภาพของเจ้าลงในแฟนเพจเซียนสิงคโปร์ ให้ Fanclub สิงคโปร์ได้เห็นน้องของเมอร์ไลอ้อนพร้อมกันในทันใด
So City พาไปเดินเล่นริมชายทะเล และแม่น้ำหานของดานัง –>
Marble Mountain
Marble Mountain หรือภูเขาหินอ่อนของดานัง น่าจะเกิดจากปลายยอดของภูเขา ที่เมื่อวันเวลาผ่านไปเปลือกโลก ขยับเขยื้อน น้ำทะเลเหือดหาย จึงกลายเป็นยอดสูงเหนือพื้นดินอยู่ 5 ลูก กลายเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่ชาวบ้านเอาไปผูกกับตำนานนางฟ้านางสวรรค์ ที่ลงมาพบรักและคลอดลูกเป็นไข่ โดยเปลือกไข่ที่แตกก็ กลายเป็นภูเขาทั้ง 5 แทนธาตุสำคัญของชาวจีนอย่างในปัจจุบัน
Marble Mountain อยู่ห่างจากใจกลางดานังไป 15-20 นาที ตั้งอยู่บนถนนที่เป็นทางผ่านไปยังฮอยอันเมืองมกดกโลก ภูเขาลูกที่สูงที่สุดเป็นธาตุน้ำ ข้างบนมีเจดีย์เจ็ดชั้น วัด และถ้ำ Huyen Khong ซึ่งมีรูปปั้นทำจากหินอ่อนให้สักการะ ภายในถ้ำ อากาศข้างในเย็นสบายเหมือนติดแอร์เลยค่ะ
ฉันแวะมาเที่ยวภูเขาหินอ่อนในตอนสายๆ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังฮอยอัน อากาศวันนั้นร้อนจัด แต่ลิฟท์ความเร็วสูง ก็ช่วยผ่อนแรงให้ไม่ต้องเดินขึ้นลงบันไดตากแดดจรตัวเกรียมกรอบ
วิวด้านบนสวยงามเชียวค่ะ ด้านหนึ่งเป็นภูเขาอีกลูกที่ถูกโอบล้อมรอบด้วยบ้านพักของชาวดานัง ส่วนอีกด้านก็เป็น วิวของน้ำทะเลสีฟ้าสวยของทะเลจีนใต้ … น่าเสียดายที่เราไม่ได้มาตอนเย็นๆ ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศคงดีกว่านี้แน่ ไม่ร้อนและยังได้ภาพแสงสุดท้ายของวันที่อาบภูเขาทั้งห้าอีกด้วย … ฉันเชื่อแบบนั้น
Danang Bay
แม้เราจะจอดรถถ่ายรูปกับ Danang Bay (อ่าวดานัง) เพียง 10 นาที แต่ฉันกลับประทับใจที่นี่ โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ ของอ่าว ที่เป็นท่าเรือน้ำลึก แถมยังเป็นที่ยกพลขึ้นบกของทหารฝรั่งเศสจนทำให้เวียดนามกลายมาเป็นอาณานิคม ในที่สุด
กลางแดดเปรี้ยงเรือประมงคอนกรีตลำนี้หันหน้าออกสู่ทะเลอย่างมุ่งมั่น มิสทั่มบอกว่า นี่เป็นอนุเสาวรีย์ให้กับชาว ประมงผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่นในอดีต
ในเวิ้งน้ำด้านหน้า เรือประมงยังลอยลำอย่างทุกๆวัน เรือกระจาดทรงกลมก็ยังมีอยู่ให้เห็น แม้จะมีพายุใดๆพัดเข้ามา ก็ไม่สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตชาวประมงในทะเลนี้ได้ … อยู่กับฟ้าอย่ากลัวฝน เป็นชาวประมงก็อย่ากลัวคลื่น ฉันคิด
So City พาขึ้นภูเขาหินอ่อน และล่องดานังเบย์ –>
Han Van Mountain
ภูเขา Han Van (ไฮเวิน) เป็นยอดเขาที่ทุกคนซึ่งมุ่งหน้าไปเว้จะต้องผ่าน มีความหมายว่าภูเขาแห่งเมฆหมอก และเพื่อให้เราเห็นเวียดนามทั้งสองด้าน ขาไปเราจึงเลือกเส้นขับรถลัดเลาะบนภูเขา ซึ่งใช้เวลามากกว่าขับรถ ลอดอุโมงค์ แต่รางวัลที่ได้เป็นวิวสวยติดตาของอ่าวดานังค่ะ
ขากลับจากเว้ เราเลือกเส้นทางลัด ขับรถเข้าอุโมงค์ไฮเวิน ซึ่งประหยัดเวลาการเดินทางจากเว้สู่ดานังไปได้ถึง 20-30 นาที
สะพานเข้าอุโมงค์ไฮเวิน
อุโมงค์ไฮเวินมีความยาว 6.3 กิโลเมตร ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อสร้างโดยเอกชนชาวญี่ปุ่น โดยผู้ร่วมทุน งบประมาณเป็นรัฐบาลฝรั่งเศส ปัจจุบันเป็นหนึ่งในอุโมงค์สำคัญของเวียดนามที่ชาวดานังภูมิใจกันหนักหนา
Ba Na Hills
Credit : TourinDanang.com
ทริปนี้เราจับปลาสองมือแล้ว ก็คงไม่มีอีกมือไปจับบานาฮิลล์ ดิสนีย์แลนด์ของเวียดนามได้ สองวันที่ท่องเว้ และฮอยอัน ทำให้เราต้องยอมปล่อยบานาฮิลล์ไป แต่เพราะที่นี่เป็นอีกที่เที่ยวยอดนิยมขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องนำมารวบรวมใน 9 ที่เที่ยว สำหรับเที่ยวแรกในดานัง
บานาฮิลล์ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ห่างจากดานังประมาณ 40 กิโลเมตร พื้นที่บนเนินเขานี้ถูกปรับโฉมให้กลายเป็น สวนสนุกระดับตำนานของเวียดนาม โดยมีกระเช้าลอยฟ้ายาวที่สุดของโลกมาช่วยเสริมความน่าเที่ยว นอกจากโรงแรม เครื่องเล่น และวัดค่ะ … บานาฮิลล์น่าจะเป็นทริปที่สนุกของเด็กๆได้ ดังนั้นครอบครัวใดที่มีลูกเล็กไป ลองตัดสินใจไป เที่ยวกันนะคะ
The End
ขอบคุณ Bangkok Airways – Asia’s Boutique Airline และ ICS Travel Group
Related Posts: