5 Apr 2018

Lake Kawaguchiko II Oshino Hakkai II Chureito Pagoda II Mizno Hotel

Fuji-san สวยขึ้นสองเท่าในวันที่มีคู่แฝด …

Fuji-san คือชื่อที่ชาวญี่ปุ่นเรียกขานภูเขาไฟสูงที่สุดของประเทศลูกนี้

Fuji-san เป็นภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นและการระเบิดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 311 ปีที่แล้ว

Fuji-san สูง 3,776 เมตร สองเท่าของดอยสุเทพ จุดสูงสุดแดนสยาม

ในปี 2556 Fuji-san ถูกยกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกและเป็น UNESCO World Heritage แห่งที่ 17 ของประเทศญี่ปุ่น

รอบๆภูเขาไฟฟูจิมีทะเลสาบสำคัญอยู่ 5 แห่ง รู้จักกันในนาม Fuji Five Lakes ซึ่งเป็นจุดชมวิวภูเขาไฟที่สวยงาม และวันนี้เราจะไปเที่ยวหนึ่งในห้าทะเลสาบ Lake Kawaguchiko (ทะเลสาบคาวากูจิโกะ) กันค่ะ

Lake Kawaguchiko

Lake Kawaguchiko มีลักษณะเป็นเมืองขนาดย่อม สิ่งอำนวยความสะดวกสบายพร้อมสรรพ ไม่ต่างอะไรจากเมืองเล็กๆในญี่ปุ่นที่สำคัญยังมีสถานีรถไฟตรงจากโตเกียวมาถึงกลางเมือง การเดินทางจึงสะดวกสบายมาก

กิจกรรมติดดาวมีอยู่หลายอย่าง เช่น ล่องเรือชมทะเลสาบ ถีบจักรยานน้ำ นั่งรถ Retro Bus ชมเมือง เยี่ยมชม Kawaguchiko Music Forest (พิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรี) นั่งกระเช้า Ropeway ขึ้นชมวิวสูงที่ Mount Tenjo หรือ ถ้าชอบความหวาดเสียว ก็ยังมีสวนสนุก Fuji-Q Highland อีกด้วย

แต่ทริปลุง+ป้ารอบนี้ เราจะแวะแค่ 2 แห่งเท่านั้นค่ะ เอาเวลาที่เหลือไปฟุ่มเฟือยกับการชม Fuji-san ที่โรงแรม แช่ออนเซ็นร้อนๆ และจ๊อกกิ้งริมทะเลสาบในยามพระอาทิตย์ตกดิน

Oshino Hakkai I หมู่บ้านน้ำใส

หมู่บ้านน้ำใสอยู่ห่างจาก Lake Kawaguchiko ประมาณ 15 กิโลเมตร เราขับรถกันช้าๆไม่รีบเร่ง เพียง 20 นาทีก็ถึงค่ะ ตรงทางเข้าของหมู่บ้านมีลานจอดรถอยู่ด้านซ้ายและขวาสะดวกสบายมาก

หมู่บ้านน้ำใสคือบ่อน้ำผุดตามธรรมชาติจากหิมะที่ละลายลงมาจากภูเขา ผ่านยังชั้นใต้ดินกรองเสียจนสะอาด ก่อนจะผุดเป็นบ่อน้ำทั้ง 8 ที่น้ำใสกิ๊กอย่างแท้จริง จะเรียกว่า Crystal Clear ก็ไม่ผิด ชาวบ้านในอดีตจึงให้ความ นับถือและยกย่องให้เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ใครได้จิบจะมีอายุยืนยาวและปราศจากโรคภัย

บางส่วนของหมู่บ้านเปิดให้เข้าชมฟรีผู้คนจึงมาชมมากมายแม้จะเป็นวันธรรมดา เพื่อนร่วมชาติ (ไทย) ก็มีอยู่ไม่น้อย ได้ยินเสียงแล้วก็หันไปอมยิ้มให้กัน เป็นการทักทายกันในต่างแดน …

บ่อแรกชื่อ Wakuike Pond เป็นบ่อน้ำหลัก น้ำใสเห็นไปยังก้นบ่อจริงๆค่ะ กิ่งไม้ใบหญ้าที่พริ้วไหวก็เห็นชัดตามจังหวัะน้ำ เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆบ่อเงาสะท้อนก็เด่นกระจ่างเหมือนส่องกระจกอีกบาน ข้อมูลที่ติดอยู่ข้างๆบอกว่าน้ำในบ่อนี้องค์การ NASA เคยนำขึ้นกระสวยอวกาศไปทดลองผลิตหิมะยังนอกโลกอีกด้วยค่ะ (แต่ไม่ได้เฉลยว่าผลิตได้หรือไม่)

ใกล้ๆกับ Wakuike Pond มีรางน้ำไหล ให้ลองแช่มือลงไป 30 วินาที เพื่อสัมผัสความเย็นและสดของน้ำศักดิ์สิทธิ์

บรรยากาศของหมู่บ้านน้ำใสครึ้กครื้นมากโดยเฉพาะบ่อน้ำใหญ่ตรงกลางหมู่บ้านมีทั้งร้านขายของและร้านอาหารอยู่บริเวณเดียวกัน เกาะกลางของบ่อใหญ่มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆและจิบน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อสุภาพและโชคดี ผู้คนจึงแน่นพอสมควร ถ้าวันหยุดหรือช่วงเทศกาลคงแน่นเอี๊ยดเชียวค่ะ

นอกจากบริเวณที่เข้าชมฟรี หมู่บ้านน้ำใสยังมี Hannoki Bayashi Shiryokan (พิพิธภัณฑ์ฮันโนกิบายาชิชิเรียวกัง) ที่ต้องเสียค่าเข้าชม ในพิพิธภัณฑ์คนน้อย เดินชมสบายค่ะ มีบ้านไม้หลังคากัสโซเปิดให้ชมวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นในอดีต และบ่อน้ำใสอีก 2 บ่อ พร้อมกับวิวภูเขาไฟฟูจิที่เด่นชัดอยู่เบื้องหลัง

ก่อนออกจากบริเวณของพิพิธภัณฑ์อย่าลืมเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 บนจุดขายตั๋วเพื่อถ่ายรูปหมู่บ้านน้ำใสในมุมสูงเป็นที่ระลึกด้วยค่ะ

มาถึงเรื่องปากท้องและอาหารการกินกันบ้าง หมู่บ้านน้ำใสมีอาหารขายไม่ให้กระเพาะหิวตั้งแต่ทางเข้ากันเลย เช่น มันหวานเผา เนื้อย่าง และโมจิชาเขียวไส้ถั่วแดงอร่อยที่สุดในโลก (อย่างที่ป้ายโฆษณาภาษาไทยเขียนไว้ ^^)

แต่เที่ยงนี้เราขอนั่งซดโซบะร้อนๆที่ร้านอาหารข้าง Wakuike Pond ชมยอดภูเขาไฟฟูจิผ่านช่องประตูและหน้าต่างที่ช่วยปรุงรสให้โซบะรสชาติธรรมดาชามนี้อร่อยขึ้นมากโขเลยค่ะ (คนละ 1,200-2,000 เยน)

ที่ตั้ง Shibokusa, Oshino, Minamitsuru District, Yamanashi Prefecture 401-0511, Japan

เปิด ปิด 09.00-17.00 น.

ค่าเข้า ฟรี Hannoki Bayashi Shiryokan (พิพิธภัณฑ์ฮันโนกิบายาชิชิเรียวกัง) 300 เยน

www.vill.oshino.yamanashi.jp/8lake.html

Chureito Pagoda & Arakura Sengen I เจดีย์ชูเรโต๊ะ & ศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน

จากหมู่บ้านน้ำใส เราขับรถอีกเพียง 10 กิโลเมตร ย้อนกลับเข้ามาในเมืองก็จะถึงเจดีย์แดงชื่อดังของทะเลสาบ

ข้อมูลในเน็ตบอกว่า ถ้าใครขับรถมาจะเอารถขึ้นไปจอดที่ชั้นบนได้เลย ประหยัดพลังงานไม่ต้องขึ้นบันได 400 ขั้น แต่วันนี้ ณ เวลานี้ ข้อมูลนี้ผิดแล้วค่ะ (ดาวรู้สึกเหมือนถูกหลอก) เพราะปัจจุบันรถของ disabilities หรือบุคคลที่มีความยากลำบากในการเดินเท่านั้นจึงจะขึ้นได้ … ดาวจึงทำหน้าสลดและก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นอย่างช้าๆ

Chureito Pagoda (เจดีย์ชูเรโตะ) อยู่ในบริเวณของ Arakura Sengen Shrine (ศาลเจ้าอาราคุระเซนเกน) มีชื่อ เสียงโด่งดังจากภาพเจดีย์สีแดง 5 ชั้นที่มีเบื้องหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ ด้วยความสวยและลงตัวของภาพ ทำให้มุมนี้ กลายเป็นมุมถ่ายรูปยอดนิยมจนหลายๆคนอาจจลืมว่าเจดีย์ชูเรโตะถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีประชากร 960 คนของ เมืองฟูจิโยชิดะ (Fujiyoshida) ที่เสียชีวิตในสงครามต่างๆ เช่นสงคราม Sino-Japanese สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 เจดีย์นี้สร้างด้วยเงินของเมืองฟูจิโยชิดะและบางส่วนจากประชากรจำนวน 3 ล้านเยน สร้างเสร็จในปี 1962 …

วิวภูเขาไฟฟูจิระหว่างเดินขึ้นบันได เหนื่อยนักก็หันไปมองจะได้หายเหนื่อยค่ะ

ความสูงชันของบันไดกว่า 400 ขั้น

ระวังลิงและงูด้วยนะคะ ^^

เจดีย์ชูเรโตะ

บรรยากาศด้านบนของเจดีย์

ที่ตั้ง 3353-1, Arakura, Fujiyoshida City, Yamanashi Prefecture 401-0511, Japan

ค่าเข้า ฟรี

ค่าที่จอดรถ ฟรี

Mizno Hotel I มิซโน โฮเทล

ทริปนี้ฉันต้องเลือกโรงแรมที่มีลานจอดรถเป็นหลักและส่วนตัวชอบโรงแรมตกแต่งสไตล์ตะวันตกมากกว่า เรียวคังที่เข้าพักทีไร นึกถึงผีจูออนหลอนทุกครั้งเลยค่ะ

Mizno Hotel เปิดมาห้าสิบกว่าปีและเพิ่งปรับปรุงใหม่เมื่อปลายปีที่แล้ว การเปิดครั้งนี้ปรับตัวเองให้เป็นบูติกมากขึ้น ห้องพักตกแต่งทันสมัย Author Bar มุมดริงส์เก๋ๆ และ Sky Bar แต่ปิดตัวในช่วงนั้น

Mizno Hotel มีห้องพักอยู่ 2-3 ประเภท ฉันเลือกห้องชั้นบนเพื่อให้เห็นวิวภูเขาไฟและทะเลสาบชัดเจน ห้องพักมีขนาดกะทัดรัด แต่ก็พอมีทีตรงเฉลียงให้ได้ยืดแข้งยืดขา นั่งผ่อนคลายกับวิวสวยงามตรงหน้าในวันอากาศดีๆ

ห้องน้ำที่นี่มีกระจกบานเล็กๆให้ชมวิวฟูจิตอนอาบน้ำด้วยค่ะ

วิว Fuji-san จากเฉลียงห้องพักในเช้าวันใหม่

อาหารเย็นและเช้าถูกรวมอยู่ในค่าห้องเรียบร้อย ดินเนอร์เซ็ตใหญ่สไตล์ไคเซกิอร่อยเลยเชียวค่ะ กินไม่หมด คุณป้าพนักงานจะทำหน้าเสียใจจนต้องพยายามเก็บให้เรียบทุกอย่างที่เสิร์ฟ

อาหารเช้ามีให้เลือกสองแบบ สไตล์ญี่ปุ่นและตะวันตก

Author Bar

บริเวณโรงแรมยังมีจุดชมวิว และมุมนั่งชมภูเขาไฟฟูจิในแต่ละชั้นด้วย

บทสรุปของโรงแรมนี้ ฉันให้คะแนน 3.5/5 ค่ะ โรงแรมสะอาด บูติก การบริการดีแต่ยังไม่ทั่วถึงนัก วิวสวยแต่ไม่เห็นภาพ Fuji-san ทั้งลูก ส่วนออนเซ็นสามี บอกว่าพอใช้ได้ค่ะ ขนาดเล็กไปหน่อยแต่ก็คนไม่เยอะ แถมยังมีทั้งออนเซ็นในร่มและกลางแจ้งแยกชายและหญิง