“ไอศกรีมวาซาบิ ยาโยอิเกิดที่นี่ เทือกเขาเจแปนแอลป์ แอ่วปราสาทอีกาดำ” Matsumoto

“ไอศกรีมวาซาบิ             ยาโยอิเกิดที่นี่

เทือกเขาเจแปนแอลป์     แอ่วปราสาทอีกาดำ”

จากทะเลสาบ Kawaguchiko เราขับรถมุ่งหน้าสู่ทิศตะวันตก

ไปสู่เมืองหน้าด่านของเทือกเขาแอลป์ “Matsumoto” ค่ะ

ฉันใช้เวลาท่อง Matsumoto อยู่ 4 ชั่วโมง ไม่ได้เก็บทุกแลนด์มาร์ค

แต่เลือกหยุดเฉพาะแหล่งท่องเที่ยว ที่อยากเห็นเท่านั้น

Matsumoto Castle I ปราสาทอีกา

กว่า 400 ปีที่ปราสาทอีกาอยู่คู่เมือง Matsumoto ปราสาทนี้ได้ชื่อมาจากสีดำเข้มที่ถูกทาลงบนไม้เพื่อให้ดูน่าเกรงขามและข้าศึกเกรงกลัวในอดีต

ฉันรู้สึกชอบปราสาทอีกามากกว่าหลายปราสาทของญี่ปุ่น เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะปราสาทนี้มีปริมาณนักท่องเที่ยวไม่เยอะนัก เดินสบายไม่แออัด และปราสาทอีกามีภาพ reflection สะท้อนในคูคลองชัดแจ๋ว ยิ่งด้านหลังเป็นแนวเทือกเขาเจแปนแอลป์ที่มีหิมะปกคลุมอยู่บนยอดยิ่งทำให้ภาพของปราสาทงดงามดังภาพวาดเลยค่ะ

สะพานแดงข้ามคูไปยังปราสาทอีกา

บรรยากาศรอบๆปราสาท นักท่องเที่ยวน้อย เดินสบายกว่าหลายปราสาทดังของเมืองใหญ่ๆ

เราใช้เวลาที่ปราสาทกันไม่นานนัก แค่เดิมชมข้างนอก ถ่ายรูปเล่นกับหงส์ ไม่ได้ขึ้นไปบนปราสาทค่ะ

ที่ตั้ง 4-1 Marunochi, Matsumoto, Nagano Prefecture 390-0873, Japan

เปิด ปิด 8.30-17.00 น. ทุกวัน

โทรศัพท์ 02632-2902

ค่าเข้า 600 เยน

มีลานจอดรถอยู่ข้างๆปราสาท

 

Matsumoto City Museum of Art I พิพิธภัณฑ์ศิลปะยุคใหม่ประจำเมือง

ฉันรู้จัก Yayoi Kusama ครั้งแรกตอนที่เธอร่วมงานออกแบบกระเป๋าของ Louis Vuitton การพบกันครั้งนั้นผ่าน window ของแบรนด์หรู ทำให้ฉันแทบนอนไม่หลับ อยากจะเป็นเจ้าของกระเป๋าใบนั้นจนต้องวิ่งไปต่อคิวซื้อ Louis Vuitton รุ่น Speedy ดีไซน์ Yayoi ในวันถัดไป

การพบกันครั้งที่ 2 ควรจะเกิดขึ้นที่สิงคโปร์เมื่อปีก่อน ยามเมื่อรัฐบาลสิงคโปร์หอบชิ้นงานของเธอไปจัดแสดงที่ National Gallery แต่ฉันกลับต้องปิ๊กบ้านประเทศไทย นัดหมายครั้งนั้นจึงต้องเลื่อนมาเป็นที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่บ้านเกิดของเธอในประเทศญี่ปุ่นแทน

Matsumoto City Museum of Art เปิดในปี 2002 ก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดแสดงงานศิลปะของศิลปินญี่ปุ่นและในปีนี้มีนิทรรศการสำคัญ All About My Love ของ Yayoi Kusama ศิลปินดังระดับโลกที่ถือกำเนิดในเมืองนี้

ผลงานของ Yayoi Kusama มีให้ชมตั้งแต่ลานกว้างหน้าพิพิธภัณฑ์ไปจนถึงห้องนิทรรศการด้านใน ชิ้นงานด้านนอกเปิดให้เช้าชมฟรีรวมถึงผลงานดอกไม้ยักษ์คล้ายดอกทิวลิปชิ้นนี้ที่แต่งแต้มด้วย dot dot เอกลักษณ์ของเธอ เป็น permanent installation ประจำที่พิพิธภัณฑ์ ดังนั้นใครมาก็แวะมาถ่ายรูปได้ ไม่เสียค่าเข้าค่ะ

เก้าอี้สีแดง dot dot กับครื่องขายน้ำโคล่ารุ่นยาโยอิ

ฟักทองสีเหลืองเอกลักษณ์ของเธอพร้อมกับลายเซ็นต์ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

รูปปั้นของเธอและสุนัขสีฟ้าต้อนรับลูกค้าก่อนเข้าชมงานนิทรรศการที่ชั้น 2 และ 3

ภายในนิทรรศการ เราจะได้เห็นพัฒนาการของเธอทั้งชีวิต ประวัติและแรงผลักดันในตัวตั้งแต่ยุคเริ่มต้น ไปจนถึงวันที่เธอเติบใหญ่ ความเจ็บปวดของจิตใจที่ทำให้เธอออกเดินทางจากบ้านเกิดไปยังนิวยอรค์ ก่อนจะพัฒนางานศิลปะและตกผลึกจนมาเป็น Yayoi Kusama อย่างในปัจจุบัน

นิทรรศการที่ชั้น 2 และ 3 ส่วนใหญ่จะห้ามถ่ายภาพค่ะ ห้องที่ชอบก็มีอยู่หลายห้อง เช่น I am here but nothing จัดแสดงเป็นห้องพักของเธอที่มี dot dot เรืองแสงอยู่ทั่วทั้งห้อง ทั้งบนเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะกินข้าว ทีวี และห้อง แต่งตัว สะท้อนให้เห็นความคิดของเธอที่มองภาพทุกอย่างเป็น dot dot มีตัวตนอยู่แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า หรือจะเป็น Mirror Corridor ทางเดินสั้นๆที่สองข้างเป็นกระจกและมีปะการังสีแดงด๊อตดำเลื้อยอยู่ และ All the internal love I have for pumpkins ห้องสุดท้ายที่เป็นห้องกระจก มีลูกฟักทองสีเหลืองสะท้อนอยู่นับร้อยในห้อง ห้องนี้ชมได้ 20 วินาทีเท่านั้น

เราใช้เวลากันประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง รวมซื้อของที่ระลึกจาก Museum Shop ก่อนจะกลับออกมาด้วยความอิ่มใจ ค่าตั๋วเพียง 1,200 เยน แต่ได้รู้จัก Yayoi Kusama มากกว่าที่คิดและชมผลงานของเธออีกหลายร้อยชิ้น เป็นนิทรรศการที่คุ้มค่ามาก คนไม่เยอะและคิวไม่มีเลยค่ะ ใครชอบงานของเธอรีบแวะไปชมกันเพราะ All About My Love มีจนถึงวันที่ 22 กรกฏาคม 2018 นี้เอง

ที่ตั้ง 4-2-22 Chuo, Matsumoto, Nagano Prefecture 390-811, Japan

เปิด ปิด 9.00-17.00 น. วันอังคาร-วันอาทิตย์ ปิดวันจันทร์

ค่าเข้า 1,200 เยนต่อคน สำหรับ All About My Love (วันนี้ – 22 กรกฏาคม 2018)

โทรศัพท์ 0263-39-7400

www.matsumoto-artmuse.jp

 

Daio Wasabi Farm I ไร่วาซาบิใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น

คนไทยติดน้ำปลาฉันใด คนญี่ปุ่นก็ติดวาซาบิฉันนั้น และฉ้านก็ติดใจรสเผ็ดซ่าของวาซาบิตั้งแต่ใบไปจนถึงราก ยังไม่นับรวมผลิตภัณฑ์ที่แปลงร่างจากวาซาบิเกือบทุกชนิดค่ะ ดังนั้นหลังจากชมงานศิลปะของ Yoyoi Kusama เสร็จ เราก็ขับรถเพียง 20 นาที มายังชานเมือง Matsumoto เพื่อเยี่ยมชม Daio Wasabi Farm

ไร่วาซาบิแห่งนี้เปิดให้เข้าชมฟรี ที่จอดรถก็ฟรีเช่นกัน หลังจากดูแผนที่ที่ติดไว้ด้านหน้าแล้วก็เห็นภาพชัดแจ้งเลย ว่าทำไมที่นี่ถึงผลิตวาซาบิเลี้ยงคนญี่ปุ่นได้ถึง 10% ของประเทศ

ไร่วาซาบิยาวสุดลูกหูลูกตาและไม่ได้มีแค่ผืนเดียวเท่านั้น ยังกระจายตัวไปทั่วเนินเขาเลยค่ะ

ภายในไร่มีร้านอาหารอยู่ 3 ร้าน แต่เพราะเราไปกันบ่ายแก่ๆ จึงมีเพียง Soba Restaurant เท่านั้นที่ยังเปิดอยู่ รสชาติอาหารใช้ได้เลยค่ะ อร่อยไม่ผิดหวัง

Soba Restaurant

ทุกจานมีวาซาบิแต้มเข้ามาด้วยเช่นต้นวาซาบิที่พอกินสดๆกลับไม่ฉุนและเผ็ดซ่ามากนัก

หลังจากท้องอิ่มเราก็ไปเดินเล่นในไร่วาซาบิ ขึ้นไปยังศาลเจ้า Daio บนเนินเขา ข้ามสะพานกลางไร่วาซาบิ ดูพนักงานเก็บต้นวาซาบิ ดมกลิ่นก่อนจะหยิบใส่ตระกร้าด้านข้าง

การปลูกวาซาบิต้องปลูกในน้ำธรรมชาติซึ่งน้ำของไร่มาจากเทือกเขาที่สะอาดและบริสุทธิ์

บ้านกังหันน้ำที่เคยเป็นฉากในหนังญี่ปุ่น เป็นมุมที่สวยมากค่ะ เห็นแล้วต้องรีบยกกล้องขึ้นเก็บภาพเลย

ก่อนกลับเราแวะไปชิม Wasabi Ice Cream ที่บู๊ธข้างๆร้านขายของที่ระลึก รสชาติของไอศกรีมวาซาบิ ไม่เผ็ดอย่างที่คิดค่ะ อารมณ์ประมาณ soft cream หวานมันส์ แต่จะมีเพียงกลิ่นเท่านั้นที่เป็นวาซาบิ เนื้อไอศกรีมจะเนียนแต่ก็มีเม็ดสีเขียวเข้มของวาซาบิในเนื้อให้พอว่ามาจากวัตถุดิบใด

ร้านขายของเป็นจุดที่ต้องแวะอย่างยิ่งเลยค่ะ ยิ่งใครชอบวาซาบินี่ห้ามพลาดเลยเชียว ขนมอร่อยมากโดยเฉพาะถั่วลันเตาอบกรอบเคลือบด้วยน้ำตาลและวาซาบิในมือ สามีชอบจนหอบกลับมาฝากเพื่อนๆหลายถุง

ครีมวาซาบิก็เป็นสินค้าขายดีอันดับ 1 ซื้อมาแล้วแต่ยังไม่ได้ชิมเลยค่ะ ^^

เราใช้เวลากันชั่วโมงนิดๆ ส่วนใหญ่เสียไปกับการกินอาหารกลางวัน ส่วนเวลาที่ใช้เดินสำรวจเพียง 30 นาที เท่านั้น เพราะไร่นี้ให้ข้อมูลเป็นภาษาญี่ปุ่นเสียส่วนใหญ่ค่ะ แต่ถึงจะไม่เข้าใจทุกอย่างแต่ก็เป็นไร่ที่น่ามามาก ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมือง Matsumoto ใครที่ขับรถมาเดินทางง่ายค่ะ

ที่ตั้ง 399-8303 Azumino Hotaka 3640, Nagano Prefecture, Japan

เปิด ปิด 9.00-17.20 น. ทุกวัน

โทรศัพท์ 0263-82-2118

ค่าอาหารเฉลี่ยคนละ 1,200-1,500 เยน