Walking through old Dutch spirit in Galle – Sri Lanka

กอลล์ (Galle) เมืองสุดท้ายของทริป เมืองชายทะเลทางทิศใต้ของเกาะศรีลังกา ที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าใครมาเที่ยวกอลล์ ก็จะคิดไม่ถึงเลยว่า เรากำลังเดินอยู่ในศรีลังกา …

ประวัติศาสตร์ของกอลล์ … ย้อนกลับไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เมื่อโปรตุเกสมาตั้งเมืองท่าขึ้นที่นี่ และอีกศตวรรษถัดมากอลล์ก็อยู่ภายใต้อาณานิคมของอีกสองชาติ คือ ดัชท์ และอังกฤษ

ระยะเวลามากกว่าร้อยปี ที่สามชาติเข้ามาอาศัยในเมืองท่าเล็กๆแห่งนี้ ก็ได้สร้างให้กอลล์กลายเป็นเมืองฝรั่งในบ้านของชาวศรีลังกา อาคารสไตล์ยุโรป โบสถ์เก่า และกลิ่นอายเหล่านี้ก็ยังคงหลงเหลือให้เห็นในตัวเมืองเก่า และนั่นจึงทำให้ UNESCO ยกตำแหน่งเมืองมรดกโลกให้กับเมืองเก่า (Old Town) และบริเวณป้อมปราการของกอลล์ในปี 1988   

จากอูดาวาลาเว่มากอลล์ ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างทางเราแวะชิมมะพร้าวไฟ หรือ King Coconut มะพร้าวสีส้มที่ถือเป็นผลไม้ประจำชาติของชาวศรีลังกา รสชาติของน้ำมะพร้าวไฟจะหวานน้อย และหอมจางๆ ไม่หอมฉุยเท่ามะพร้าวน้ำหอมของไทย ถ้าได้แช่เย็นสักหน่อยคงจะสดชื่นกว่านี้ ส่วนวิธีกินก็ดื่มจากลูกเลยค่ะ บางที่เอาเปลือกที่ปอก มาเป็นช้อนตักเนื้อมะพร้าวกิน ลูกนี้ราคาประมาณ 10-15 บาท นี่ราคาคนต่างชาตินะ ถ้าคนท้องถิ่นน่าจะถูกกว่านี้

และเมื่อรถขับมาถึงริมฝั่งทะเลใกล้ๆกับกอลล์ เราก็แวะชมการตกปลาบนไม้ หรือ Stilt Fishing ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวประมงที่ศรีลังกา ในตอนเช้าตรู่ชาวประมงเหล่านี้จะออกไปหาปลาเลี้ยงชีพ สายๆก็จะกลายมาเป็นนักแสดงสมจริง ปีนขึ้นไม้ทำท่าตกปลาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ทุกคนล้วนอัธยาศัยน่ารัก ยิ้มแย้มที่เห็นแต่ฟันสีขาว และยังชักชวนให้ลุงลองขึ้นไปตกปลา เปลี่ยนบทบาทดูบ้าง ค่าขึ้นก็ประมาณ 1,000 รูปี ก่อนกลับยังมีน้ำสะอาดมาล้างเท้าให้อีก ทรายจะได้ไม่ติดเท้า ถือเป็นจุดท่องเที่ยวครบวงจร ที่หาชมได้ใกล้ๆกับกอลล์ค่ะ

หนึ่งคืนในกอลล์ เราพักที่ The Merchant (http://themerchantgallefort.com) บูติกโฮเทลน่ารักใจกลางเมืองเก่า โรงแรมนี้ตกแต่งแบบ tropical บรรยากาศเมืองร้อนริมชายทะเล ใส่งานหวาย งานไม้ และงานจักรสานทำให้รู้สึกอบอุ่น แม้ห้องหับจะเล็กหน่อย เพราะสร้างในอาคารไม้เก่า แต่ก็อยู่สบายไม่อึดอัด เพราะมีระเบียงเล็กๆให้ชมวิวเมือง อาหารเช้าเป็น a la carte มีน้ำมะพร้าวไฟผสมมะนาวเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง โลเคชั่นยังสะดวกสบาย จะเดินไปไหนก็ใกล้ ทะเลก็อยู่ห่างไม่กี่ก้าว … รวมๆแล้วถือว่าเราเลือกโรงแรมได้ถูกต้องและถูกใจ ใครที่มากอลล์ แนะนำว่าควรพักในเมืองเก่ามากกว่าโรงแรมริมทะเล เพราะเสน่ห์ของกอลล์อยู่ที่ตรงนี้ค่ะ


หนึ่งวันเต็มๆในกอลล์ เราสนุกสนานกับการสำรวจเมือง และยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งคิดเหมือนคนอื่นๆว่า เมืองนี้ต่างจากที่อื่นในศรีลังกาจริง และจากนี้จะแนะนำกิจกรรม และร้านอาหารในกอลล์ ก่อนจะมุ่งหน้ากลับสู่โคลอมโบด้วยถนนไฮเวย์ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น  

เดินเล่นที่แนวป้อมปราการ ชมพระอาทิตย์ตกดิน และดูวิถีชีวิตของชาวศรีลังกา

สี่โมงครึ่งเป็นฤกษ์งามในการเดินชมแนวป้อมปราการเก่าเกือบสองร้อยปีของกอลล์ ตอนนี้แดดเริ่มอ่อน ลมพัดเย็นสบาย เราขึ้นไปชมวิวทะเลสีมรกตที่แนวป้อมปราการ และเดินเรียบแนวป้อมปราการไปเรื่อยๆ ผ่านสนามหญ้า และปืนใหญ่ ไปจนสุดที่ประภาคารสูง หรือ Galle Lighthouse ประภาคารที่เก่าแก่ที่สุดของศรีลังกา และสิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ ตั้งอยู่มาแล้วเกือบสองร้อยปี จากจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงแนวดินในยุคของโปรตุเกส จนมาถึงป้อมปราการหินแกรนิตในยุคของดัชท์และอังกฤษ

ชาวศรีลังกาพาครอบครัวมาเล่นน้ำทะเลในช่วงเย็น

สำรวจเมืองเก่า ชมอาคารอนุรักษ์ แกลลอรี่สวย และช้อปปิ้งงานดีไซน์ฝีมือชาวศรีลังกา

เมืองเก่าของกอลล์มีขนาดกะทัดรัด เดินลัดเลาะไปอึดใจเดียวก็จะวนกลับมาที่เดิม ระหว่างทางที่เดินจะผ่านตึกเก่า โบสถ์ขนาดใหญ่ สิ่งก่อสร้างที่หลงเหลือจากยุคอาณานิคม นอกจากนั้นยังมีโฮสเทลวินเทจ ร้านขายของที่ระลึกที่รวบรวมงานฝีมือของชาวศรีลังกา และแกลลอรี่ภาพเขียน โปสเตอร์ ที่มีตั้งแต่งานอาร์ตสีน้ำมัน ไปจนถึงงานพิมพ์เท่ๆ ทุกอย่างนี้หลอมรวมให้กอลล์มีกลิ่นอายของฝรั่งชาติยุโรป เลยทำให้กอลล์ต่างจากเมืองอื่นๆของศรีลังกาค่ะ

สุเหร่ามีรา (Meera Mosque) มัสยิดเก่าแก่หลายร้อยปี 

Barefoot ร้านหัตกรรมชื่อดังที่มีผ้าทอสีสันสดใสฝีมือชาวศรีลังกาและของแต่งบ้านน่ารัก

บรรยากาศเมืองเก่าของกอลล์ 


หลบแดดมานวดผ่อนคลายที่ Spa Ceylon

แดดที่ศรีลังการ้อนแรงและแผดเผา เราขอเสนอกิจกรรมหลบแดดด้วยการนวดผ่อนคลาย ที่มีอยู่หลายร้านในกอลล์ แต่เราแนะนำให้ลอง Spa Ceylon ร้านขายสินค้าสปาใหญ่ที่สุดของประเทศที่มีร้านนวดไว้บริการลูกค้า โดยใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพของ Spa Ceylon ร้านนี้อยู่ถัดจากโรงแรมเพียงถนนเดียว ราคานวดเท้า + นวดศรีษะแบบอินเดีย หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ประมาณ 8-9 ร้อยบาทค่ะ

 

คาวหวานครบสามมื้อ

กอลล์มีร้านอาหารให้เลือกเยอะมาก เที่ยงวันแรกเราไปกินกันที่ Galle Fort Hotel โรงแรมสวยที่ได้รับการยกย่องจากหลายสำนัก มื้อนี้เรากินอาหารท้องถิ่นที่มีกลิ่นอายของอาหารแขก กินเสร็จก็เดินชมโรงแรมสวย ด้วยความเสียดายว่าอดนอนที่นี่เพราะห้องเต็ม ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อยสองอาทิตย์

ดินเนอร์เย็นนี้ เราตั้งใจไปกินที่ The Bangalow แต่เต็มค่ะ อีกร้านก็เต็มเช่นกัน ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนมากินที่ Pedlar’s Inn Café กับเมนูง่ายๆ พาสต้า และสเต็กปลา ร้านนี้อยู่ริมถนนหลักของกอลล์ เราเลยได้ชมเมือง และถ่ายรูปกับรถเก่าวินเทจที่ตั้งตกแต่งไว้ที่หน้าร้าน

ของหวานปิดท้ายเราแนะนำเจลาโต้ของ Isle of Gelato ที่มีลูกค้าเข้าออกเกือบทั้งวัน ร้านนี้อยู่ติดกับโรงแรมของเราเลย เดินมากิน 2 ครั้งเพราะถูกใจความหนืด รสชาติ และความสดชื่นที่ได้รับ

ก่อนอำลากอลล์ในวันถัดมา เราไปกินอาหารเที่ยงกันที่ The Tuna & The Crab ที่ตั้งอยู่ในอาคารเก่าริมป้อมปราการ ร้านดังนี้เป็นเครือเดียวกับ Ministry of Crab โด่งดัง Okonomiyaki Mud Crab ที่แรกของศรีลังกา และ Crab Pasta รสชาติอาหารของร้านนี้ให้คะแนนกลางค่ะ ไม่จัด แต่อาหารทะเลสด ราคาคิดเป็นเงินดอลล่าห์ จานละ 20-30 ดอลล่าห์