Dusit Thani Bangkok – โรงแรมหนึ่งเดียวกับวิวสวยอลังการที่สุดของกรุงเทพ

หลังจากปิดปรับปรุงไปนานกว่า 5 ปี “ดุสิตธานี” กรุงเทพ ก็กลับมาเปิดให้บริการแบบ Soft Opening อีกครั้งเมื่อเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา

การกลับมาครั้งนี้ … ดุสิตธานีตัดสินใจลดจำนวนห้องพักลง จากเดิม 500 กว่าห้อง เหลือเพียง 257 ห้อง และเติมความสูงของอาคารสีทองอร่ามกลางเมืองด้วยตัวเลขถึงชั้น 39

นั่นหมายความว่า … ทุกอย่างของดุสิตธานีจะมีขนาดใหญ่โตและโอ่โถงขึ้นใช่ไหม? มาค่ะ มาตามไปดูกัน

เราเช็คอินที่ล็อบบี้ชั่วคราวตรงชั้นล่างก่อนเที่ยง และห้องพักก็เสร็จสรรพเรียบร้อยพอดี (ป.ล. ล็อบบี้ถาวรจะอยู่ที่ชั้นบน เป็น Sky Lobby แต่ช่วงนี้กำลังตกแต่งอยู่ น่าจะใกล้เสร็จแล้วค่ะ)

บริเวณล็อบบี้ชั่วคราวดูนิ่งๆ ริมหน้าต่างบานใหญ่ตั้งเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งคาดว่าจะชั่วคราวเช่นกัน ใกล้ๆมีชุดเก้าอี้นั่งให้ลูกค้าพักผ่อน หรือจิบน้ำชายามบ่ายที่เสริฟ์พร้อมกับชมน้ำตกริมหน้าต่าง

การตกแต่งของโถงล็อบบี้เป็นแบบผสมผสาน หรือไทยประยุกต์ อีกทั้งยังแทรกกลิ่นอายของดุสิตธานีในอดีตเข้ามาในหลายดีไซน์อีกด้วย

ภาพเขียนลายเส้นของโรงแรมดุสิตธานีในอดีต

งานชฏาศิลปะตกแต่งละเอียดและสวยงามตรงโถงลิฟท์ทางขึ้นห้องพัก

โถงทางเดินไปสู่ห้องพัก จะสังเกตุเห็นว่าตึกหันหน้าออกด้านเดียว หรือ single corridor ซึ่งเป็นด้านของสวนลุมพินี นั่นหมายความว่าทุกห้องพักจะได้เห็นวิวสวยของกรุงเทพ ไม่มีด้าน City View หรือ Garden View อย่างโรงแรมทั่วไป และ ประตูเข้าห้องพักจะเหมือนประตูไม้ของบ้านทรงไทย สวยค่ะ

ห้องพักของเราเป็นห้อง Premiere Corner Room อยู่ชั้นที่ 27 ห้อง Corner Room นี้จะมีอยู่สองมุม คือ มุมขวา และมุมซ้ายของโรงแรม เราเลือกห้อง Corner Room ด้านขวา เพราะห้องด้านนี้จะเป็นเตียงคิงส์ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นเตียงคู่

หลังเปิดประตูเข้ามา … คู่สายตาจะถูกดึงดูดด้วยวิวเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพ ที่มีตึกสูงเรียงตัวเป็นแนวยาว ตัดกับต้นไม้ใหญ่สีเขียวขจีของสวนลุมพินี

ทุกห้องพักของดุสิธานีกรุงเทพจะเสริฟ์วิวนี้ ผ่านหน้าต่างบานยาว พร้อมกับโซฟานั่งเล่น ปล่อยให้เราดื่มด่ำกับวิวหนึ่งเดียวของกรุงเทพนี้ได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน

ถ่ายวิวสวนลุมให้เห็นกันชัดๆอีกครั้ง จากหน้าต่างห้องค่ะ

เรามาฉลองวันครบรอบแต่งงาน 17 ปี และลุงก็เซอร์ไพร์ด้วยดอกกุหลาบช่อโต … ปกติก็ไม่ได้สวีทโรแมนติกอะไร แต่พออายุมากขึ้น ก็เริ่มเห็นความสำคัญของการสร้างความทรงจำดีๆร่วมกันค่ะ

ช่วงบ่าย … เราลงไปออกกำลังกายกันที่ฟิตเนส ลู่วิ่งหันหน้าเข้าหาสวนลุมพินี วิวงามขนาดนี้วิ่งได้นานเลยค่ะ ส่วนลุงไปเข้าคอรส์โยคะ ได้ยืดเส้นสายก็เดินกลับออกมาอย่างมีความสุข

ส่วนสระว่ายน้ำของดุสิธานี เป็นอิฟินิตี้พูลหินอ่อนสีขาว เผยให้เห็นวิวของสวนลุม และความวุ่นวายของถนนพระรามสี่

ลานอาบแดดจะแอบตัวอยู่ด้านข้าง ให้ความสงบตัดกับความวุ่นวายของเบื้องล่าง จุดตัดเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้าสีลม และรถไฟใต้ดิน ชุมทางสำคัญอีกแห่งของกรุงเทพ

คืนนี้ … เราปิดไฟในห้อง และปล่อยให้แสงไฟข้างนอกส่องความสว่างเข้ามาด้านใน กล้องจับภาพได้เลือนลาง แต่ก็น่าจะพอเห็นได้ว่า ยามค่ำคืนห้องนี้ก็จะให้อารมณ์ของ City Life ได้เช่นกัน

รีวิวสุดท้าย ก็จะเป็นอาหารเช้าที่ห้องพาวิลเลียน ห้องนี้ตกแต่งอย่างสวยงามตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงพื้น ฝ้าและไฟ ซุ้มอาหารวางไว้รอบห้อง ครัวอาหารร้อน ครัวไทย ครัวฝรั่ง และยังมีเครื่องดื่มยามเช้า น้ำผลไม้และ Prosecco เสริฟ์ในห้องที่เป็นบาร์อีกด้วย

เชียร์กันสองคนลุงและป้าให้กับวันครบรอบแต่งงาน 17 ปีของเราค่ะ

บทสรุป … เราประทับใจกับวิวสวยอลังการที่มองได้ไม่เบื่อ รายละเอียดของการตกแต่งก็ดีงาม มีการแปลความหมายของความเป็นไทยให้เข้ามาอยู่ในหลายรายละเอียด คนไทยดูแล้ว รู้ได้ทันทีว่านี่คือของไทย แต่ทำออกมาได้ร่วมสมัยทั้งฝ้าเพดาน หัวเตียง ประตูห้อง และอื่นๆอีกมากมาย

การบริการ อาจจะยังมีช้าอยู่บ้าง และก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่เปิด ซึ่งถ้า Grand Opening เมื่อไหร่ คงจะลงตัวไร้ที่ติ … ปรบมือให้อีกครั้งกับโรงแรมสัญชาติไทยที่ยกระดับได้เทียบเคียงระดับโลก ดุสิตธานี กรุงเทพ

 

ที่อยู่ 98 ถ. พระรามที่ 4 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

โทรศัพท์ 02 200 9000

ราคาเฉลี่ย คืนละ 15,000 บาท สำหรับห้องมุม (Corner Room)

www.dusit.com/dusitthani-bangkok