อลังการนครวัด อ่อนช้อยที่บันทายศรี น่าเกรงขามที่นครธม … เสน่ห์เมืองโบราณ อบอวลด้วยกลิ่นอายเฟรนช์โคโลเนี่ยล “เสียมเรียบ” บ้านพี่เมืองน้อง ที่พักใจใกล้ๆเมืองกรุง
ทริปเสียมเรียบนี้ เป็นทริป “ฉุกละหุก” ค่ะ นึกอยากไป ก็จองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง ไม่วางแผน ไม่จองรถไปรับที่สนามบิน และไม่มีโพยใดๆทั้งสิ้น … ต่างจากนิสัยคุณนายละเอียดของฉันเป็นอย่างยิ่ง
Day 1
เช้าตรู่ของเดือนกุมภาพันธ์ที่มวลอากาศเย็นยังปกคลุมอยู่นิดๆ … เราบินมาเสียมเรียบด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์
อาหารกล่องที่บรรจุเพียงแซนด์วิชและน้ำส้มถูกเสริฟ์หลังจากเครื่องทะยานขึ้นฟ้าได้ไม่นาน และยังไม่ทันที่อาหารจะย่อย
กัปตันก็ประกาศนำเครื่องลง แจ้งให้รัดเข็มขัด พับขาเก้าอี้ และเปิดม่านหน้าต่าง !!!
นับเป็นการเดินทางไปต่างประเทศที่ใกล้จนน่าตกใจ ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ยังไกลเสียกว่า …
สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ จังหวัดท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชา ดูอัธยาศัยดี … ต้อนรับเราด้วยโครงสร้างแบบบ้านทรงไทย หลังคาจั่วชั้นเดียว มีสวนเขียวชอุ่มภายในอาคารสนามบินให้ชมระรื่นตา
เราใช้เวลาตรวจหนังสือเดินทาง และรับกระเป๋าเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก็ออกมายืนจองรถแท็กซี่จากเคาน์เตอร์ในสนามบินขาเข้า
จุดหมายต่อไปของเมืองเป็น Le Meridien Angkor Hotel ค่าแท็กซี่คิด 10 เหรียญ หรือ 300 บาทค่ะ
ป.ล. ดอลล่าห์สหรัฐ เป็นเงินสกุลหลักที่ใช้จับจ่ายภายในเมืองเสียมเรียบ เงินบาทของไทยก็ใช้ได้ แต่อัตราแลกเปลี่ยนไม่ดีเท่าดอลล่าห์สหรัฐ
บ่าย …. หลังจากเช็คอินเข้าโรงแรม เก็บข้าวเก็บของ เราก็เริ่มทำความรู้จักเสียมเรียบกันที่ Angkor National Museum (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกอร์)
ห้องวิดิทรรศ์ของพิพิธภัณฑ์เป็นห้องแรกที่บอกเล่าเรื่องราวอันรุ่งเรืองในอดีตของเมืองเสียมเรียบ โดยมีห้อง 1,000 Buddha Images เป็นห้องไฮไลท์
พระพุทธรูปประดิษฐานเรียงราย ในบรรยากาศเงียบสนิท วังเวงและน่าเกรงขาม
Angkor National Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก แต่มีความพยายามยิ่งใหญ่ ตั้งใจรวบรวมวัตถุโบราณของบ้านเมือง ให้ลุกขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้กับคนรุ่นหลัง
ถือเป็น “บทนำหน้าแรก” ที่ควรอ่านก่อนการเยี่ยมชมเมืองเสียมเรียบแห่งนี้ค่ะ
สกายแล็ป หรือรถมอเตอร์ไซด์ลากแบบนี้ เป็นวิถีการชมเมืองเสียมเรียบที่สะดวกสบายและเข้าถึงอารมณ์มากที่สุด
ลมเย็นๆของฤดูหนาวพัดปะทะใบหน้ายามขับเคลื่อน คลุกเคล้ากับฝุ่นดินทรายตามถนนหนทาง
แว่นกันแดด หมวก และผ้าคลุมจึงเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการชมเมืองด้วยเจ้ารถลากคันนี้
ป.ล. ราคาต่อเที่ยวประมาณ 3-10 ดอลล่าห์ นั่งได้สูงสุด 4 คน แต่แนะนำแค่ 2 เท่านั้น จะได้นั่งกันสบายๆ
และถ้าชอบใจคนขับคนไหน นัดแนะให้กลับมารับได้ ภายในเวลากี่โมง
อ้อ … อย่าเผลอให้เงินค่าจ้างก่อนนะคะ เพราะเดี๋ยวพ่อคุณจะหายไปไม่กลับมาอีกเลย^^
เย็น… Old Town หรือตลาดใหญ่ใจกลางเมือง เป็นศูนย์รวมร้านอาหาร และร้านค้าที่นักท่องเที่ยวมักแวะเวียนมาเดินเล่น
อากาศพลบค่ำเย็นสบาย ร้านอาหารเปิดขายภายในตึกแถวและอาคารเก่า มีทั้งอาหารฝรั่ง อิตาเลียน และพื้นเมืองให้เลือกทาน
เมนูพื้นบ้านใกล้เคียงกับอาหารไทยมาก รสชาติอร่อยและสะอาด บรรยากาศประหนึ่งถนนข้าวสารของเราค่ะ
Day 2
เช้า …. วันนี้เป็นวันที่รอคอย เราจะออกสำรวจกลุ่มปราสาทที่งดงามทั้งหลาย
เราจองทัวร์ จองรถและไกด์ท้องถิ่นที่พูดได้ 3 ภาษา (ไทย เขมร และอังกฤษ) ผ่านเคาน์เตอร์ Conceirge ของโรงแรมตั้งแต่เมื่อวานเย็น
ราคารวมทั้งหมด 65-80 ดอลล่าห์ต่อวัน ประกอบไปด้วย ค่ารถ Toyota Camry 15 ดอลล่าห์ ค่าไกด์ 30 ดอลล่าห์ และค่าเข้าชมปราสาทประมาณ 20 ดอลล่าห์ต่อคน
ปราสาทแรกที่เข้าชม เป็นปราสาทหินทรายที่ลวดลายแกะสลักละเอียดและอ่อนช้อยที่สุด …. “ปราสาทบันทายศรี”
ไกด์ชาวเขมรกล่าวถึงบันทายศรีอย่างภาคภูมิใจว่า “หากพีรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างที่แข็งแกร่งที่สุด บันทายศรีของกัมพูชาก็คงเป็นปราสาทหินที่อ่อนช้อยที่สุดของโลกเช่นกัน”
แม้เวลาจะผ่านมาร่วมพันปี แต่ความชัดเจนของลวดลายไม่ได้เลือนหายไปเลยสักนิด
ปราสาทบันทายศรี อยู่ห่างจากเมืองเสียมเรียบประมาณ 30 นาที มักเป็นปราสาทแรกที่แวะชมก่อนเดินทางไปปราสาทอื่นๆค่ะ
“ปราสาทบันทายศรี”
ถัดมาเป็นปราสาทตาพรม หรือที่รู้จักกันในนาม “Jungle Temple” ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างให้กับพระมารดา
จุดเด่นของปราสาท อยู่ที่รากไม้ใหญ่ ที่เลื้อยปกคลุมตัวปราสาท จนกลายเป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าลึกลับและค้นหา
“ปราสาทตาพรม”
เรามีเวลาเดินชมปราสาทแต่ละแห่งประมาณ 30-45 นาทีค่ะ ไกด์เขมรจะพาดูเฉพาะส่วนที่สำคัญ ช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก เพราะวันนี้เรายังมีอีก 2-3 ปราสาทใหญ่ที่คอยอยู่
นครธม .… เป็นจุดหมายต่อมา
พระนครหลวงแห่งนี้ มีความหมายว่า “Great City หรือเมืองที่ยิ่งใหญ่”
นครธม …. ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือประมาณ 800 ปีที่แล้ว
นครธมนี้เป็นลักษณะของเมือง ที่ประกอบด้วย กลุ่มปราสาทมากมาย และลานกลางแจ้ง
ถึงแม้ปัจจุบันจะมีบางส่วนที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปบ้าง แต่ความยิ่งใหญ่ ก็ยังคงปรากฏให้เห็น … และ
ไฮไลท์สำคัญที่นครธม ก็คือ “ปราสาทบายน” ปราสาทหน้าพระโพธิสัตว์กว่า 2,000 หน้า ที่มหึมาและน่าเกรงขาม
“ปราสาทบายน”
และลานช้างสัตว์ที่สำคัญในอดีต ที่ปัจจุบันเหลือเพียงหินรูปช้างเป็นสัญลักษณ์เหลือทิ้งไว้
เส้นทางเดินเที่ยวในนครธมนั้นค่อนข้างสมบุกสมบัน ให้จินตนาการว่าต้องเดินชมเมืองเก่าอยุธยาไปเรื่อยๆ
รองเท้าที่ใส่จึงต้องสบาย อีกทั้งแสงแดดที่แรงจ้า แผดเผาทุกอณูผิว จึงควรพกร่ม แว่นตากันแดด และครีม SPF สูงๆ มาด้วยค่ะ
และในที่สุด เราก็มาถึง “นครวัด” นครแห่งศรัทธา
ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว เชื่อกันว่านครวัดถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บพระศพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เพราะหน้าปราสาทหันไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นทิศของคนตาย
จุดถ่ายรูปสำคัญ ก่อนเข้าชมนครวัด…แอ่งน้ำและภาพสะท้อนของปราสาทหินแห่งนี้
สะพานหินที่ทอดยาวกว่า 200 เมตร ทางเข้าหลักของนครวัด … บ่มอารมณ์ของเราให้ตื่นเต้นขึ้นทุกขณะจิต
ณ ปลายสุดถนน เป็นที่ตั้งของปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ หนึ่งในสถานที่ที่หลายคนอยากมาเห็นสักครั้งในชีวิต
ความยิ่งใหญ่ และอลังการของนครวัด เผยให้เห็นที่ละนิดๆ ในขณะที่เราก้าวเดินตามแผ่นหินขนาดใหญ่
ภาพแกะสลักของนางฟ้า “อัปสร” ตามกำแพงของปราสาท เป็นอีกจุดเด่นที่หลายคนเดินละเมียดชม
จากจำนวนนางอัปสรทั้งหนึ่งพันรูปนั้น นางผู้นี้กลับถูกถ่ายรูปมากที่สุด เพราะนางรับแขก ยิ้มโชว์แนวฟันได้ประทับใจยิ่ง^^
และอีกภาพแกะสลักที่โด่งดังไม่แพ้กัน เป็นภาพการกวนเกษียณสมุทรของเหล่าเทวดาและยักษ์ในตำนานค่ะ
Day 3
เช้าวันนี้เรายังคงอ่อนล้าจากทัวร์ชมปราสาทของเมื่อวาน ทริป 4 ปราสาทไม่ได้ทำให้เราเมื่อยนัก แต่แสงแดดที่แผดเผาอย่างไม่บันยะบันยังนี่สิ ดูดพลังไปทั้งร่างเลยค่ะ
เราตัดสินเที่ยวชิลๆไม่เร่งรีบ แวะไปทานอาหารเช้าสไตล์บิสโตรฝรั่งเศสที่ FCC Hotels & Restaurant ซึ่งบอกเลยว่า อาหารฟิวชั่นเขมร อร่อยถูกปากมากๆค่ะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
เสียมเรียบ (Siem Reap) หรือ เสียมราฐ เป็นจังหวัดที่สำคัญของประเทศกัมพูชา ห่างจากกรุงพนมเปญ 314 ก.ม. เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศ และมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมนครวัดประมาณ 1,600,000 คนในแต่ละปี
เสียมเรียบ แปลว่า สยามราบ หรือ สยามแพ้ เข้าใจว่า เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นในภายหลังเพราะหลังจากที่พันตรีแปลก พิบูลสงคราม ได้บุกข้ามชายเดนขับไล่ประเทศฝรั่งเศสออกจากดินแดนฝั่งขวาของแม่นำโขง พระตะบอง เปลี่ยนชื่อเป็นเสียมราฐ หรือ สยามชนะ
ข้อมูลการเดินทาง
- สายการบิน Bangkok Airway หรือ Air Asia ใช้เวลาประมาณ 40 นาที
- มีค่าภาษีสนามบินขาออก 25 ดอลล่าห์
- ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับคนไทย พำนักอยู่ได้ไม่เกิน 21-30 วัน
- ดอลล่าห์สหรัฐเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้ในเสียมเรียบ ควรแลกแบงค์ย่อย 1,5 และ 10 ดอลล่าห์
- รายจ่ายค่าอาหารต่อวันประมาณ 20-30 ดอลล่าห์
- ค่านวด สปา อยู่ที่ 30-50 ดอลล่าห์
— The End —
3 Dec 2013
0 Comments
ฉากรัก … เสียมเรียบ – Cambodia
อลังการนครวัด อ่อนช้อยที่บันทายศรี น่าเกรงขามที่นครธม … เสน่ห์เมืองโบราณ อบอวลด้วยกลิ่นอายเฟรนช์โคโลเนี่ยล “เสียมเรียบ” บ้านพี่เมืองน้อง ที่พักใจใกล้ๆเมืองกรุง
ทริปเสียมเรียบนี้ เป็นทริป “ฉุกละหุก” ค่ะ นึกอยากไป ก็จองตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง ไม่วางแผน ไม่จองรถไปรับที่สนามบิน และไม่มีโพยใดๆทั้งสิ้น … ต่างจากนิสัยคุณนายละเอียดของฉันเป็นอย่างยิ่ง
Day 1
เช้าตรู่ของเดือนกุมภาพันธ์ที่มวลอากาศเย็นยังปกคลุมอยู่นิดๆ … เราบินมาเสียมเรียบด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์
อาหารกล่องที่บรรจุเพียงแซนด์วิชและน้ำส้มถูกเสริฟ์หลังจากเครื่องทะยานขึ้นฟ้าได้ไม่นาน และยังไม่ทันที่อาหารจะย่อย
กัปตันก็ประกาศนำเครื่องลง แจ้งให้รัดเข็มขัด พับขาเก้าอี้ และเปิดม่านหน้าต่าง !!!
นับเป็นการเดินทางไปต่างประเทศที่ใกล้จนน่าตกใจ ภูเก็ต หรือเชียงใหม่ยังไกลเสียกว่า …
สนามบินนานาชาติเสียมเรียบ จังหวัดท่องเที่ยวของประเทศกัมพูชา ดูอัธยาศัยดี … ต้อนรับเราด้วยโครงสร้างแบบบ้านทรงไทย หลังคาจั่วชั้นเดียว มีสวนเขียวชอุ่มภายในอาคารสนามบินให้ชมระรื่นตา
เราใช้เวลาตรวจหนังสือเดินทาง และรับกระเป๋าเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ก็ออกมายืนจองรถแท็กซี่จากเคาน์เตอร์ในสนามบินขาเข้า
จุดหมายต่อไปของเมืองเป็น Le Meridien Angkor Hotel ค่าแท็กซี่คิด 10 เหรียญ หรือ 300 บาทค่ะ
ป.ล. ดอลล่าห์สหรัฐ เป็นเงินสกุลหลักที่ใช้จับจ่ายภายในเมืองเสียมเรียบ เงินบาทของไทยก็ใช้ได้ แต่อัตราแลกเปลี่ยนไม่ดีเท่าดอลล่าห์สหรัฐ
บ่าย …. หลังจากเช็คอินเข้าโรงแรม เก็บข้าวเก็บของ เราก็เริ่มทำความรู้จักเสียมเรียบกันที่ Angkor National Museum (พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกอร์)
ห้องวิดิทรรศ์ของพิพิธภัณฑ์เป็นห้องแรกที่บอกเล่าเรื่องราวอันรุ่งเรืองในอดีตของเมืองเสียมเรียบ โดยมีห้อง 1,000 Buddha Images เป็นห้องไฮไลท์
พระพุทธรูปประดิษฐานเรียงราย ในบรรยากาศเงียบสนิท วังเวงและน่าเกรงขาม
Angkor National Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก แต่มีความพยายามยิ่งใหญ่ ตั้งใจรวบรวมวัตถุโบราณของบ้านเมือง ให้ลุกขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราวในอดีตให้กับคนรุ่นหลัง
ถือเป็น “บทนำหน้าแรก” ที่ควรอ่านก่อนการเยี่ยมชมเมืองเสียมเรียบแห่งนี้ค่ะ
สกายแล็ป หรือรถมอเตอร์ไซด์ลากแบบนี้ เป็นวิถีการชมเมืองเสียมเรียบที่สะดวกสบายและเข้าถึงอารมณ์มากที่สุด
ลมเย็นๆของฤดูหนาวพัดปะทะใบหน้ายามขับเคลื่อน คลุกเคล้ากับฝุ่นดินทรายตามถนนหนทาง
แว่นกันแดด หมวก และผ้าคลุมจึงเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการชมเมืองด้วยเจ้ารถลากคันนี้
ป.ล. ราคาต่อเที่ยวประมาณ 3-10 ดอลล่าห์ นั่งได้สูงสุด 4 คน แต่แนะนำแค่ 2 เท่านั้น จะได้นั่งกันสบายๆ
และถ้าชอบใจคนขับคนไหน นัดแนะให้กลับมารับได้ ภายในเวลากี่โมง
อ้อ … อย่าเผลอให้เงินค่าจ้างก่อนนะคะ เพราะเดี๋ยวพ่อคุณจะหายไปไม่กลับมาอีกเลย^^
เย็น… Old Town หรือตลาดใหญ่ใจกลางเมือง เป็นศูนย์รวมร้านอาหาร และร้านค้าที่นักท่องเที่ยวมักแวะเวียนมาเดินเล่น
อากาศพลบค่ำเย็นสบาย ร้านอาหารเปิดขายภายในตึกแถวและอาคารเก่า มีทั้งอาหารฝรั่ง อิตาเลียน และพื้นเมืองให้เลือกทาน
เมนูพื้นบ้านใกล้เคียงกับอาหารไทยมาก รสชาติอร่อยและสะอาด บรรยากาศประหนึ่งถนนข้าวสารของเราค่ะ
Day 2
เช้า …. วันนี้เป็นวันที่รอคอย เราจะออกสำรวจกลุ่มปราสาทที่งดงามทั้งหลาย
เราจองทัวร์ จองรถและไกด์ท้องถิ่นที่พูดได้ 3 ภาษา (ไทย เขมร และอังกฤษ) ผ่านเคาน์เตอร์ Conceirge ของโรงแรมตั้งแต่เมื่อวานเย็น
ราคารวมทั้งหมด 65-80 ดอลล่าห์ต่อวัน ประกอบไปด้วย ค่ารถ Toyota Camry 15 ดอลล่าห์ ค่าไกด์ 30 ดอลล่าห์ และค่าเข้าชมปราสาทประมาณ 20 ดอลล่าห์ต่อคน
ปราสาทแรกที่เข้าชม เป็นปราสาทหินทรายที่ลวดลายแกะสลักละเอียดและอ่อนช้อยที่สุด …. “ปราสาทบันทายศรี”
ไกด์ชาวเขมรกล่าวถึงบันทายศรีอย่างภาคภูมิใจว่า “หากพีรามิดเป็นสิ่งก่อสร้างที่แข็งแกร่งที่สุด บันทายศรีของกัมพูชาก็คงเป็นปราสาทหินที่อ่อนช้อยที่สุดของโลกเช่นกัน”
แม้เวลาจะผ่านมาร่วมพันปี แต่ความชัดเจนของลวดลายไม่ได้เลือนหายไปเลยสักนิด
ปราสาทบันทายศรี อยู่ห่างจากเมืองเสียมเรียบประมาณ 30 นาที มักเป็นปราสาทแรกที่แวะชมก่อนเดินทางไปปราสาทอื่นๆค่ะ
“ปราสาทบันทายศรี”
ถัดมาเป็นปราสาทตาพรม หรือที่รู้จักกันในนาม “Jungle Temple” ที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างให้กับพระมารดา
จุดเด่นของปราสาท อยู่ที่รากไม้ใหญ่ ที่เลื้อยปกคลุมตัวปราสาท จนกลายเป็นความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่น่าลึกลับและค้นหา
“ปราสาทตาพรม”
เรามีเวลาเดินชมปราสาทแต่ละแห่งประมาณ 30-45 นาทีค่ะ ไกด์เขมรจะพาดูเฉพาะส่วนที่สำคัญ ช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก เพราะวันนี้เรายังมีอีก 2-3 ปราสาทใหญ่ที่คอยอยู่
นครธม .… เป็นจุดหมายต่อมา
พระนครหลวงแห่งนี้ มีความหมายว่า “Great City หรือเมืองที่ยิ่งใหญ่”
นครธม …. ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือประมาณ 800 ปีที่แล้ว
นครธมนี้เป็นลักษณะของเมือง ที่ประกอบด้วย กลุ่มปราสาทมากมาย และลานกลางแจ้ง
ถึงแม้ปัจจุบันจะมีบางส่วนที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปบ้าง แต่ความยิ่งใหญ่ ก็ยังคงปรากฏให้เห็น … และ
ไฮไลท์สำคัญที่นครธม ก็คือ “ปราสาทบายน” ปราสาทหน้าพระโพธิสัตว์กว่า 2,000 หน้า ที่มหึมาและน่าเกรงขาม
“ปราสาทบายน”
และลานช้างสัตว์ที่สำคัญในอดีต ที่ปัจจุบันเหลือเพียงหินรูปช้างเป็นสัญลักษณ์เหลือทิ้งไว้
เส้นทางเดินเที่ยวในนครธมนั้นค่อนข้างสมบุกสมบัน ให้จินตนาการว่าต้องเดินชมเมืองเก่าอยุธยาไปเรื่อยๆ
รองเท้าที่ใส่จึงต้องสบาย อีกทั้งแสงแดดที่แรงจ้า แผดเผาทุกอณูผิว จึงควรพกร่ม แว่นตากันแดด และครีม SPF สูงๆ มาด้วยค่ะ
และในที่สุด เราก็มาถึง “นครวัด” นครแห่งศรัทธา
ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เมื่อหนึ่งพันปีที่แล้ว เชื่อกันว่านครวัดถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บพระศพของพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เพราะหน้าปราสาทหันไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นทิศของคนตาย
สะพานหินที่ทอดยาวกว่า 200 เมตร ทางเข้าหลักของนครวัด … บ่มอารมณ์ของเราให้ตื่นเต้นขึ้นทุกขณะจิต
ณ ปลายสุดถนน เป็นที่ตั้งของปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ หนึ่งในสถานที่ที่หลายคนอยากมาเห็นสักครั้งในชีวิต
ความยิ่งใหญ่ และอลังการของนครวัด เผยให้เห็นที่ละนิดๆ ในขณะที่เราก้าวเดินตามแผ่นหินขนาดใหญ่
ภาพแกะสลักของนางฟ้า “อัปสร” ตามกำแพงของปราสาท เป็นอีกจุดเด่นที่หลายคนเดินละเมียดชม
จากจำนวนนางอัปสรทั้งหนึ่งพันรูปนั้น นางผู้นี้กลับถูกถ่ายรูปมากที่สุด เพราะนางรับแขก ยิ้มโชว์แนวฟันได้ประทับใจยิ่ง^^
และอีกภาพแกะสลักที่โด่งดังไม่แพ้กัน เป็นภาพการกวนเกษียณสมุทรของเหล่าเทวดาและยักษ์ในตำนานค่ะ
Day 3
เช้าวันนี้เรายังคงอ่อนล้าจากทัวร์ชมปราสาทของเมื่อวาน ทริป 4 ปราสาทไม่ได้ทำให้เราเมื่อยนัก แต่แสงแดดที่แผดเผาอย่างไม่บันยะบันยังนี่สิ ดูดพลังไปทั้งร่างเลยค่ะ
เราตัดสินเที่ยวชิลๆไม่เร่งรีบ แวะไปทานอาหารเช้าสไตล์บิสโตรฝรั่งเศสที่ FCC Hotels & Restaurant ซึ่งบอกเลยว่า อาหารฟิวชั่นเขมร อร่อยถูกปากมากๆค่ะ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
เสียมเรียบ (Siem Reap) หรือ เสียมราฐ เป็นจังหวัดที่สำคัญของประเทศกัมพูชา ห่างจากกรุงพนมเปญ 314 ก.ม. เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดของประเทศ และมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมนครวัดประมาณ 1,600,000 คนในแต่ละปี
เสียมเรียบ แปลว่า สยามราบ หรือ สยามแพ้ เข้าใจว่า เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นในภายหลังเพราะหลังจากที่พันตรีแปลก พิบูลสงคราม ได้บุกข้ามชายเดนขับไล่ประเทศฝรั่งเศสออกจากดินแดนฝั่งขวาของแม่นำโขง พระตะบอง เปลี่ยนชื่อเป็นเสียมราฐ หรือ สยามชนะ
ข้อมูลการเดินทาง
— The End —
Related Posts: