จาการ์ต้าอาจไร้แหล่งท่องเที่ยวดังๆ แต่ประเทศอินโดนีเซียไม่ได้ร้างความมหัศจรรย์เลยสักนิดค่ะ 72 ชั่วโมงใน จาการ์ต้านี้ เป็นคัมภีร์เที่ยวจาการ์ต้าแบบรวดรัด เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย เช่นเดียวกับผู้ที่ใช้จาการ์ต้าเป็น ทางผ่าน ก่อนมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอื่นในประเทศอินโดนีเซีย
Day 1…
ไฟล์เช้าของกลางเดือนกรกฏาคม-สิงหาคม เป็นฤกษ์เหมาะที่จะเที่ยวชมจาการ์ต้า เพราะฝนน้อย และฟ้าใสค่ะ ระยะทางบินจากกรุงเทพสู่จาการ์ต้าใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมงได้
สนามบินซูการ์โน-ฮัตตาแอร์พอรต์ (Soekarno-Hatta International Airport CGK) ต้อนรับเราด้วยอารมณ์ของรีสอรต์ขนาดใหญ่ หลังคาไม้ และสวนเขียวขจี สนามบินแห่งนี้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 30 ปี จึงมีสภาพเก่ามากกว่าใหม่ จุดตรวจคนเข้าเมืองของนักท่องเที่ยวจะแยกจากคนอินโดนีเซียอย่างสิ้นเชิง โดยจะตั้งอยู่ด้านซ้ายและขวา หลังจากเดินออกมาจากตัวเครื่องได้สักระยะ ดังนั้นจึงควรสังเกตป้าย Visitors ให้ดีๆ เพื่อจะได้ไม่เข้าผิดช่องค่ะ
สนามบินซูการ์โน-ฮัตตาแอร์พอรต์
ย่านที่พักที่แนะนำในจาการ์ต้าเป็นบริเวณอนุเสาวรีย์ซาลามัตดาตัง (Selamat Datang Monument) อนุเสาวรีย์ หลักที่เป็นเสมือนศูนย์กลางของเมือง
รายรอบวงเวียนของอนุเสาวรีย์นี้ เป็นกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว เช่น Mandarin Oriental, Kempenski, Pullman และ Grand Hyatt ที่หรูหราและสะดวกสบาย
หลังจากเช็กอิน มื้อแรกของเที่ยงวันนี้ เราขอแนะนำร้านโปรด Pandan Village ที่ตั้งอยู่ใน Plaza Indonesia ค่ะ Pandan Village ขายอาหารพื้นเมืองที่อร่อย สะอาด และคุณภาพดี เมนูอาหารมีภาพและคำบรรยายภาษา อังกฤษ เราจึงพอเดารสชาติได้ตั้งแต่ก่อนสั่ง
เมนูประจำของเราเริ่มด้วยน้ำลอดช่องหวานชื่นใจ หรือน้ำส้มผสมมะพร้าวอ่อนที่สดชื่น ไม่แพ้กัน ก่อนจะ รองท้องกันด้วยสลัดแตงกวาหวานกรอบ เต้าหู้กุ้งทอด และเมนูหลักข้าวผัด (Nasik Lemak) บะหมี่ผัด (Mee Goreng) ซดพร้อมกับน้ำซุปกลมกล่อม อร่อยอย่าบอกใคร สนนราคาของมื้อนี้ 400,000 รูเปียสำหรับสองคน หรือ 1,000 บาทค่ะ
Pandan Village
บ่ายวันนี้เราไม่มีโปรแกรมหนักมานำเสนอ แต่มีโปรแกรมเบาๆมาแนะนำแทนค่ะ Javanese Massage หรือนวดน้ำมันสไตล์จาวา เป็นการเรียกพลังกลับสู่ร่างกายได้ดีมาก น้ำหนักมือที่กำลังดี นวดคลึงเส้นสาย ด้วยน้ำมันอุ่นๆ ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไปได้มากโข โรงแรม 4-5 ดาวในบริเวณนี้ มีบริการ นวดจาวาแทบทุกแห่ง และที่น่าตกใจก็คือ ราคาค่านวดถ้าเทียบกับคุณภาพของโรงแรมห้าดาวแล้ว ถือว่าถูกทีเดียวค่ะ ประมาณ 1,200-1,500 บาท สำหรับ 2 ชั่วโมงเต็ม
ยามค่ำคืนที่แสงอาทิตย์ลับฟ้า อนุเสาวรีย์ซาลามัตดาดังจะเปล่งประกาย เรืองรอง แข่งกับแสงไฟหน้ารถ ที่ติดขัด อยู่บนท้องถนน Selamat Datang มีความหมายว่ายินดีต้อนรับ ถูกสร้างขึ้นเพื่องานเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 4 ในปี 1962 อนุเสาวรีย์แห่งนี้มีความสูง 30 เมตร ด้านบนมีรูปปั้น ชายหญิงโบกมือและส่งยิ้มละไมให้กับนักเดินทาง ที่ผ่านไปมาในละแวกนี้
ดินเนอร์คืนนี้ เราแนะนำโซนเก๋ของ Plaza Indonesia ที่คึกคักไม่แพ้สยามพารากอนเลยค่ะ “ex” รวบรวม ร้านค้า และร้านอาหารอร่อยมากมาย ทั้งญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน เกาหลี และอาหารพื้นเมืองในฟู๊ตคอร์ทน่านั่ง
โซน “ex” ของ Plaza Indonesia
หลังจากอิ่มท้อง ก็ถึงโมงยามสุดโรแมนติกของคืนนี้ Cloud Lounge & Living Room เป็น Rooftop Bar ที่ตั้งอยู่ ชั้น 49 ของ The Plaza โซนออฟฟิสของ Plaza Indonesia ค่ะ บาร์แห่งนี้ตกแต่งได้หรูหราตั้งแต่ทางขึ้น ภายในยัง มีห้องดื่มวอดก้าในอุณหภูมิ -2 องศา และบาร์สูง รอบๆร้าน ที่เผยวิวจาการ์ต้ายามค่ำคืนที่งดงามไม่แพ้เมืองใดๆ ค๊อกเทลรสเยี่ยมที่ยังหวนนึกถึงจนทุกวันนี้ เป็น Tiramisu Cocktail ค่ะ แก้วนี้หอม หวานและแรงกำลังดี ยกหมดแก้วก็หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์เลยค่ะ … Sweet Dream Jakarta
Cloud Lounge & Living Room
Day 2…
วันนี้เป็นวันตะลอนชมเมืองค่ะ One Day Jakarta Tour นี้จองได้ตรงจากโรงแรมที่พัก และควรจองก่อนล่วง หน้าสัก 1 อาทิตย์นะคะ สต็อปแรกเป็น National Museum of Indonesia ที่มีช้างสำริดของรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ ด้านหน้า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวบรวมประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซียไว้ครบถ้วน จึงเป็นแหล่งการเรียนรู้ชั้นเยี่ยมที่ จะพาเราไปรู้จักเพื่อนบ้านของเราค่ะ
จากนั้นเราเดินทางต่อกันไปยังไชน่าทาวน์ หรือ Glodoc เส้นทางนี้จะต้องลุยตลาดสด หลบหลีกรถเข็น และมีช่วง เวลา ตื่นเต้นเป็นระยะ เมื่อพ่อค้าชาวจีนแสดงลีลาการฆ่าสัตว์อย่างไรความปราณี รวมทั้งเต่ายักษ์ที่เราเบือนหน้าหนีแทบไม่ทันเลยค่ะ
ชุมชนชาวจีนแห่งนี้ มีประวัติที่ยาวนาน และน่าเศร้า กับการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้วนี้เองค่ะ ในช่วงเวลานั้นชาวจีนกว่า 1,000 ต้องเสียชีวิต และสาวจีนอีกกว่า 100 คนถูกข่มขืนอย่างไร้ ความปราณี จากความโกรธแค้นของชาวอินโดนีเซียที่มองว่าชาวจีนมาแย่งอาชีพและความร่ำรวยไปจากตน
มื้อเที่ยงของวันนี้ เราแวะไปทานกันที่ Café Batavia คาเฟ่สุดชิค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเมืองเก่า (Old Town)
Batavia เป็นชื่อเดิมของจาการ์ต้าที่ดัชท์มอบให้ บริเวณนี้เต็มไปด้วยตึกสวยทว่าทรุดโทรม ขาดการทำนุบำรุง เพราะความเคียดแค้นของชาวเมืองที่มีต่อดัชท์ จึงปฏิเสธการปรับปรุงให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งค่ะ
ลานกว้างด้านหน้า Fatahillah Museum มีกิจกรรมยอดฮิต ถีบจักรยานพร้อมกับสวมหมวกปีกกว้าง ก่อนจะ เดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งดัดแปลงมาจาก City Hall สมัยที่ดัชท์ปกครองอินโดนีเซีย ไกด์ของเราพาไปชม ห้องนักโทษ และที่แขวนคอชาวอินโดนีเซียผู้ไม่เชื่อฟัง พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “We are slaves in our country”
สถานที่สุดท้ายที่เราแวะไปชม เป็นท่าเรือภายในประเทศ Sunda Kelapa ที่พลุกพล่าน และมีเรือใบรับส่งสินค้า (Pinisi) จอดเรียงรายค่ะ วิถีชีวิตภายในเรือเปิดให้เข้าไปชมได้ ชาวเรือเหล่านี้อยู่อาศัยกันเป็นครอบครัว ภายในเรือไม้ขนาดใหญ่แห่งนี้ค่ะ (ป.ล. ท่าเรือนี้ร้อน และฝุ่นคลุ้ง จึงควรเตรียมร่มและผ้าปิดจมูกไปด้วยค่ะ)
Sunda Kelapa Harbour
Day 3…
วันสุดท้ายนี้คงไม่มีเวลามาก เพราะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับ หรือขึ้นเครื่องไปเมืองอื่น ดังนั้นกิจกรรมที่จะ แนะนำจึงเป็นการช็อปปิ้งเบาๆภายในเมือง หาซื้อของฝากและของที่ระลึกของจาการ์ต้าค่ะ
ศูนย์การค้าอีกสองแห่งที่มีห้างสรรพสินค้าชั้นดี เป็น Plaza Senayan และ Senayan City มี Sogo และ Debernam เป็นห้างหลัก แบรนด์ที่นิยมซื้อกัน เป็นเสื้อผ้ายี่ห้อ Polo ที่ชาวอินโดนีเซียฉกลิขสิทธิ์มาผลิต ขายอย่างถูกกฏหมาย
ขนมอร่อยที่เหมาะเป็นของฝากก็มีมากมาย เช่น ขนมเค้กชั้นของ Lapis Lapis ข้าวเกรียบกุ้ง และขนมหวาน ต่างๆของ Kau Lily เช่นเดียวกับ Kopi Lowak กาแฟขี้ชะมดที่มีขายเป็นซองๆค่ะ
ขากลับต้องเผื่อเวลาไปสนามบินสัก 3 ชั่วโมงนะคะ แล้วก่อนกลับก็อย่าลืมเตรียมเงินค่าภาษีสนามบินไว้สัก 50,000-150,000 รูเปียด้วยค่ะ
เรื่องอื่นเกี่ยวกับอินโดนีเซีย และจาการ์ต้า
- จาการ์ต้าในสายตาของฉัน
- Hyatt Regency Yogjakarta
- Borobudur & Prambanan ศาสนสถานยิ่งใหญ่ใจกลางจาวา
30 Aug 2014
0 Comments
72 Hours in Jakarta
จาการ์ต้าอาจไร้แหล่งท่องเที่ยวดังๆ แต่ประเทศอินโดนีเซียไม่ได้ร้างความมหัศจรรย์เลยสักนิดค่ะ 72 ชั่วโมงใน จาการ์ต้านี้ เป็นคัมภีร์เที่ยวจาการ์ต้าแบบรวดรัด เหมาะกับคนที่มีเวลาน้อย เช่นเดียวกับผู้ที่ใช้จาการ์ต้าเป็น ทางผ่าน ก่อนมุ่งหน้าไปยังจุดหมายอื่นในประเทศอินโดนีเซีย
Day 1…
ไฟล์เช้าของกลางเดือนกรกฏาคม-สิงหาคม เป็นฤกษ์เหมาะที่จะเที่ยวชมจาการ์ต้า เพราะฝนน้อย และฟ้าใสค่ะ ระยะทางบินจากกรุงเทพสู่จาการ์ต้าใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมงได้
สนามบินซูการ์โน-ฮัตตาแอร์พอรต์ (Soekarno-Hatta International Airport CGK) ต้อนรับเราด้วยอารมณ์ของรีสอรต์ขนาดใหญ่ หลังคาไม้ และสวนเขียวขจี สนามบินแห่งนี้เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 30 ปี จึงมีสภาพเก่ามากกว่าใหม่ จุดตรวจคนเข้าเมืองของนักท่องเที่ยวจะแยกจากคนอินโดนีเซียอย่างสิ้นเชิง โดยจะตั้งอยู่ด้านซ้ายและขวา หลังจากเดินออกมาจากตัวเครื่องได้สักระยะ ดังนั้นจึงควรสังเกตป้าย Visitors ให้ดีๆ เพื่อจะได้ไม่เข้าผิดช่องค่ะ
สนามบินซูการ์โน-ฮัตตาแอร์พอรต์
ย่านที่พักที่แนะนำในจาการ์ต้าเป็นบริเวณอนุเสาวรีย์ซาลามัตดาตัง (Selamat Datang Monument) อนุเสาวรีย์ หลักที่เป็นเสมือนศูนย์กลางของเมือง
รายรอบวงเวียนของอนุเสาวรีย์นี้ เป็นกลุ่มโรงแรม 4-5 ดาว เช่น Mandarin Oriental, Kempenski, Pullman และ Grand Hyatt ที่หรูหราและสะดวกสบาย
หลังจากเช็กอิน มื้อแรกของเที่ยงวันนี้ เราขอแนะนำร้านโปรด Pandan Village ที่ตั้งอยู่ใน Plaza Indonesia ค่ะ Pandan Village ขายอาหารพื้นเมืองที่อร่อย สะอาด และคุณภาพดี เมนูอาหารมีภาพและคำบรรยายภาษา อังกฤษ เราจึงพอเดารสชาติได้ตั้งแต่ก่อนสั่ง
เมนูประจำของเราเริ่มด้วยน้ำลอดช่องหวานชื่นใจ หรือน้ำส้มผสมมะพร้าวอ่อนที่สดชื่น ไม่แพ้กัน ก่อนจะ รองท้องกันด้วยสลัดแตงกวาหวานกรอบ เต้าหู้กุ้งทอด และเมนูหลักข้าวผัด (Nasik Lemak) บะหมี่ผัด (Mee Goreng) ซดพร้อมกับน้ำซุปกลมกล่อม อร่อยอย่าบอกใคร สนนราคาของมื้อนี้ 400,000 รูเปียสำหรับสองคน หรือ 1,000 บาทค่ะ
Pandan Village
บ่ายวันนี้เราไม่มีโปรแกรมหนักมานำเสนอ แต่มีโปรแกรมเบาๆมาแนะนำแทนค่ะ Javanese Massage หรือนวดน้ำมันสไตล์จาวา เป็นการเรียกพลังกลับสู่ร่างกายได้ดีมาก น้ำหนักมือที่กำลังดี นวดคลึงเส้นสาย ด้วยน้ำมันอุ่นๆ ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางไปได้มากโข โรงแรม 4-5 ดาวในบริเวณนี้ มีบริการ นวดจาวาแทบทุกแห่ง และที่น่าตกใจก็คือ ราคาค่านวดถ้าเทียบกับคุณภาพของโรงแรมห้าดาวแล้ว ถือว่าถูกทีเดียวค่ะ ประมาณ 1,200-1,500 บาท สำหรับ 2 ชั่วโมงเต็ม
ยามค่ำคืนที่แสงอาทิตย์ลับฟ้า อนุเสาวรีย์ซาลามัตดาดังจะเปล่งประกาย เรืองรอง แข่งกับแสงไฟหน้ารถ ที่ติดขัด อยู่บนท้องถนน Selamat Datang มีความหมายว่ายินดีต้อนรับ ถูกสร้างขึ้นเพื่องานเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 4 ในปี 1962 อนุเสาวรีย์แห่งนี้มีความสูง 30 เมตร ด้านบนมีรูปปั้น ชายหญิงโบกมือและส่งยิ้มละไมให้กับนักเดินทาง ที่ผ่านไปมาในละแวกนี้
ดินเนอร์คืนนี้ เราแนะนำโซนเก๋ของ Plaza Indonesia ที่คึกคักไม่แพ้สยามพารากอนเลยค่ะ “ex” รวบรวม ร้านค้า และร้านอาหารอร่อยมากมาย ทั้งญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน เกาหลี และอาหารพื้นเมืองในฟู๊ตคอร์ทน่านั่ง
โซน “ex” ของ Plaza Indonesia
หลังจากอิ่มท้อง ก็ถึงโมงยามสุดโรแมนติกของคืนนี้ Cloud Lounge & Living Room เป็น Rooftop Bar ที่ตั้งอยู่ ชั้น 49 ของ The Plaza โซนออฟฟิสของ Plaza Indonesia ค่ะ บาร์แห่งนี้ตกแต่งได้หรูหราตั้งแต่ทางขึ้น ภายในยัง มีห้องดื่มวอดก้าในอุณหภูมิ -2 องศา และบาร์สูง รอบๆร้าน ที่เผยวิวจาการ์ต้ายามค่ำคืนที่งดงามไม่แพ้เมืองใดๆ ค๊อกเทลรสเยี่ยมที่ยังหวนนึกถึงจนทุกวันนี้ เป็น Tiramisu Cocktail ค่ะ แก้วนี้หอม หวานและแรงกำลังดี ยกหมดแก้วก็หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์เลยค่ะ … Sweet Dream Jakarta
Cloud Lounge & Living Room
Day 2…
วันนี้เป็นวันตะลอนชมเมืองค่ะ One Day Jakarta Tour นี้จองได้ตรงจากโรงแรมที่พัก และควรจองก่อนล่วง หน้าสัก 1 อาทิตย์นะคะ สต็อปแรกเป็น National Museum of Indonesia ที่มีช้างสำริดของรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ ด้านหน้า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้รวบรวมประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซียไว้ครบถ้วน จึงเป็นแหล่งการเรียนรู้ชั้นเยี่ยมที่ จะพาเราไปรู้จักเพื่อนบ้านของเราค่ะ
จากนั้นเราเดินทางต่อกันไปยังไชน่าทาวน์ หรือ Glodoc เส้นทางนี้จะต้องลุยตลาดสด หลบหลีกรถเข็น และมีช่วง เวลา ตื่นเต้นเป็นระยะ เมื่อพ่อค้าชาวจีนแสดงลีลาการฆ่าสัตว์อย่างไรความปราณี รวมทั้งเต่ายักษ์ที่เราเบือนหน้าหนีแทบไม่ทันเลยค่ะ
ชุมชนชาวจีนแห่งนี้ มีประวัติที่ยาวนาน และน่าเศร้า กับการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ถึง 2 ครั้ง โดยครั้งหลังสุดนี้ เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้วนี้เองค่ะ ในช่วงเวลานั้นชาวจีนกว่า 1,000 ต้องเสียชีวิต และสาวจีนอีกกว่า 100 คนถูกข่มขืนอย่างไร้ ความปราณี จากความโกรธแค้นของชาวอินโดนีเซียที่มองว่าชาวจีนมาแย่งอาชีพและความร่ำรวยไปจากตน
มื้อเที่ยงของวันนี้ เราแวะไปทานกันที่ Café Batavia คาเฟ่สุดชิค ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเมืองเก่า (Old Town)
Batavia เป็นชื่อเดิมของจาการ์ต้าที่ดัชท์มอบให้ บริเวณนี้เต็มไปด้วยตึกสวยทว่าทรุดโทรม ขาดการทำนุบำรุง เพราะความเคียดแค้นของชาวเมืองที่มีต่อดัชท์ จึงปฏิเสธการปรับปรุงให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้งค่ะ
ลานกว้างด้านหน้า Fatahillah Museum มีกิจกรรมยอดฮิต ถีบจักรยานพร้อมกับสวมหมวกปีกกว้าง ก่อนจะ เดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งดัดแปลงมาจาก City Hall สมัยที่ดัชท์ปกครองอินโดนีเซีย ไกด์ของเราพาไปชม ห้องนักโทษ และที่แขวนคอชาวอินโดนีเซียผู้ไม่เชื่อฟัง พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าว่า “We are slaves in our country”
สถานที่สุดท้ายที่เราแวะไปชม เป็นท่าเรือภายในประเทศ Sunda Kelapa ที่พลุกพล่าน และมีเรือใบรับส่งสินค้า (Pinisi) จอดเรียงรายค่ะ วิถีชีวิตภายในเรือเปิดให้เข้าไปชมได้ ชาวเรือเหล่านี้อยู่อาศัยกันเป็นครอบครัว ภายในเรือไม้ขนาดใหญ่แห่งนี้ค่ะ (ป.ล. ท่าเรือนี้ร้อน และฝุ่นคลุ้ง จึงควรเตรียมร่มและผ้าปิดจมูกไปด้วยค่ะ)
Sunda Kelapa Harbour
Day 3…
วันสุดท้ายนี้คงไม่มีเวลามาก เพราะต้องเตรียมตัวเดินทางกลับ หรือขึ้นเครื่องไปเมืองอื่น ดังนั้นกิจกรรมที่จะ แนะนำจึงเป็นการช็อปปิ้งเบาๆภายในเมือง หาซื้อของฝากและของที่ระลึกของจาการ์ต้าค่ะ
ศูนย์การค้าอีกสองแห่งที่มีห้างสรรพสินค้าชั้นดี เป็น Plaza Senayan และ Senayan City มี Sogo และ Debernam เป็นห้างหลัก แบรนด์ที่นิยมซื้อกัน เป็นเสื้อผ้ายี่ห้อ Polo ที่ชาวอินโดนีเซียฉกลิขสิทธิ์มาผลิต ขายอย่างถูกกฏหมาย
ขนมอร่อยที่เหมาะเป็นของฝากก็มีมากมาย เช่น ขนมเค้กชั้นของ Lapis Lapis ข้าวเกรียบกุ้ง และขนมหวาน ต่างๆของ Kau Lily เช่นเดียวกับ Kopi Lowak กาแฟขี้ชะมดที่มีขายเป็นซองๆค่ะ
ขากลับต้องเผื่อเวลาไปสนามบินสัก 3 ชั่วโมงนะคะ แล้วก่อนกลับก็อย่าลืมเตรียมเงินค่าภาษีสนามบินไว้สัก 50,000-150,000 รูเปียด้วยค่ะ
เรื่องอื่นเกี่ยวกับอินโดนีเซีย และจาการ์ต้า
Related Posts: