ข่าวใหญ่ของวงการศิลปะในภูมิภาคนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นการเปิดตัวของ National Gallery Singapore หรือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ หลังจากปิดปรับปรุงไปนานกว่าสิบปี …
ในปี 2005 ประธานาธิบดีลีเซียงลุง (Lee Hsien Loong) ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า “สิงคโปร์” กำลังจะมีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือมีพื้นที่กว่า 64,000 ตารางเมตร เทียบเท่าพิพิธภัณฑ์ระดับโลก เดลปราโด้ ที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน
National Gallery Singapore เป็นการรวมอาคารยุคโคโลเนียลของสิงคโปร์สองตึกเข้าด้วยกัน Supreme Court และ City Hall โดยจุดมุ่งหมายให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ทันสมัยที่สุดของภูมิภาค
ปี 2007 รัฐบาลสิงคโปร์จัดการประกวดออกแบบพิพิธภัณฑ์ ซึ่งผู้ชนะก็คือบริษัท Studio Milou Architecture จากประเทศฝรั่งเศส ร่วมกับ CPG Consultants ซึ่งบริษัทแรกเคยผ่านงานพิพิธภัณฑ์เลื่องชื่อมากมาย ด้วยงบสร้างสูงถึง 530 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาท
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มสร้าง วางเสาแรกในปี 2011 และใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็แล้วเสร็จ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 …
ฉันเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ ค่าตั๋วสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 20 เหรียญ ส่วนฉันและคุณสามีเข้าฟรี เพราะเป็น Permanent Residence หรือประชากรที่มีถิ่นพำนักที่นี่ค่ะ
ประตูบานใหญ่ฝั่งอาคาร Supreme Court เปิดรับพวกเรา แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากหลังคาด้านบน ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดูสว่าง และเป็นธรรมชาติ
หลังคาเหล็กที่คล้ายหลังคามุงจาก ปล่อยแสงเข้ามาตามรอยแยก เป็นการออกแบบที่รวมความเป็นเอเชียให้ออกมาร่วมสมัย
ระหว่างตึกทั้งสอง จะมีสะพานเชื่อม ซึ่งเห็นได้จากทางเข้า
พื้นที่ภายในของพิพิธภัณฑ์ออกแบบให้สมมาตร และมีที่ว่างปล่อยให้เราคิด และยืนนิ่งดูความงดงามภายใน
เคาน์เตอร์ขายตั๋วตั้งอยู่ที่ชั้น B1 หลังจากซื้อตั๋ว ก็ถึงเวลาเลือกว่าจะชมที่ตึกไหน Supreme Court หรือ City Hall
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ ก็ถึงเวลาตัดสินใจว่าจะไปชมนิทรรศการที่ตึกไหน City Hall Wing หรือ Supreme Court Wiing
รายชื่อบุคคลที่ร่วมสร้าง และเป็นสปอนเซอร์ให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
บันไดเลื่อนขึ้นไปชมนิทรรศการต่างๆ
ในวันที่เราเข้าชม นิทรรศการสำคัญเป็นที่ DBS Singapore Gallery ชั้น 2 ในห้องนี้มีภาพเขียนมากมาย จากหลายศิลปินทั่วเอเชีย จุดมุ่งหมายคือบอกเล่าเรื่องราวของเอเชียผ่านภาพและจินตนาการของศิลปินต่างๆ
โถงก่อนทางเข้าห้องนิทรรศการ มีริ้วและระลอกของน้ำส่องประกายลงมา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนจึงพบว่า หลังคาทำด้วยกระจก และมีน้ำใสๆช่วยลดความร้อน และเพิ่มมิติให้กับห้อง … เป็นการออกแบบที่ฉันมองว่าอัจริยะมาก และไม่เคยเห็นที่พิพิธภัณฑ์ที่ไหนมาก่อน
นอกจากนั้นยังมี นิทรรศการของ Wu Guanzhong นักเขียนภาพชาวจีน ที่วาดภาพผ่านสีน้ำ ปลายปากกา ให้ชม ยังไม่รวมร้านอาหารต่างๆที่ซ่อนตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เช่น National Kitchen by Violet Oon, Odette หรือ Saha
แต่ด้วยเวลาที่จำกัด ฉันจึงไม่ได้มีโอกาศเดินชมทุกห้อง … ฉันรีบพาเพื่อนญี่ปุ่นวิ่งขึ้นไปดูวิวที่ชั้นบน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบาร์สวย Smoke & Mirrors และ Aura Sky Lounge ที่ฉันตั้งใจว่าจะกลับมาแน่นอน
วิวที่มองเห็นมารีน่าเบย์จากบาร์ชั้นบน
และร้านขายของดีไซน์เก๋ๆ ที่ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์
หลายคนบอกว่า ศิลปะใน National Gallery Singapore ยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก ซึ่งฉันก็เห็นด้วยในบางมุม เพราะที่นี่ไม่มีชิ้นไหนเป็นไฮไลท์ดังเหมือนพิพิธภัณฑ์อื่นๆ … แต่ถ้ามองมุมกลับกัน มันก็เป็นการเปิดสมองของเราสู่ศิลปะใหม่ๆที่ไม่จำเป็นต้องจับกระแสความดังเสมอไป และที่สำคัญ ฉันว่า “พิพิธภัณฑ์นี่แหละคือ Art ชั้นดีเลยค่ะ” การออกแบบ รอยต่อ พื้น ฝ้า หน้าต่าง และดีไซน์ มีอะไรให้เดินดูมากมาย จะนั่งชม หรือนั่งอ่านหนังสือสบายใจ ก็ไม่มีใครว่าอะไร และฉันก็เชื่อว่า ฉันได้ที่นั่งเล่นใหม่อีกที่ในสิงคโปร์แห่งนี้
ที่ตั้ง 1 St. Andrew’s Road
โทรศัพท์ 6271-7000
เปิด ปิด วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ 10.00-19.00 น. วันศุกร์ และวันเสาร์ 10.00-22.00 น.
ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 20 เหรียญ เด็กต่ำกว่า 6 ขวบ ฟรี
www.nationalgallery.sg
12 Jan 2016
0 Comments
National Gallery Singapore พิพิธภัฑณ์ศิลปะสมัยใหม่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ – สิงคโปร์
ข่าวใหญ่ของวงการศิลปะในภูมิภาคนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นการเปิดตัวของ National Gallery Singapore หรือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ หลังจากปิดปรับปรุงไปนานกว่าสิบปี …
ในปี 2005 ประธานาธิบดีลีเซียงลุง (Lee Hsien Loong) ประกาศให้ทั้งโลกรู้ว่า “สิงคโปร์” กำลังจะมีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือมีพื้นที่กว่า 64,000 ตารางเมตร เทียบเท่าพิพิธภัณฑ์ระดับโลก เดลปราโด้ ที่เมืองมาดริด ประเทศสเปน
National Gallery Singapore เป็นการรวมอาคารยุคโคโลเนียลของสิงคโปร์สองตึกเข้าด้วยกัน Supreme Court และ City Hall โดยจุดมุ่งหมายให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ที่ทันสมัยที่สุดของภูมิภาค
ปี 2007 รัฐบาลสิงคโปร์จัดการประกวดออกแบบพิพิธภัณฑ์ ซึ่งผู้ชนะก็คือบริษัท Studio Milou Architecture จากประเทศฝรั่งเศส ร่วมกับ CPG Consultants ซึ่งบริษัทแรกเคยผ่านงานพิพิธภัณฑ์เลื่องชื่อมากมาย ด้วยงบสร้างสูงถึง 530 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาท
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มสร้าง วางเสาแรกในปี 2011 และใช้เวลาเพียง 5 ปี ก็แล้วเสร็จ เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคมปี 2015 …
ฉันเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ ค่าตั๋วสำหรับบุคคลทั่วไปอยู่ที่ 20 เหรียญ ส่วนฉันและคุณสามีเข้าฟรี เพราะเป็น Permanent Residence หรือประชากรที่มีถิ่นพำนักที่นี่ค่ะ
ประตูบานใหญ่ฝั่งอาคาร Supreme Court เปิดรับพวกเรา แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาจากหลังคาด้านบน ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดูสว่าง และเป็นธรรมชาติ
หลังคาเหล็กที่คล้ายหลังคามุงจาก ปล่อยแสงเข้ามาตามรอยแยก เป็นการออกแบบที่รวมความเป็นเอเชียให้ออกมาร่วมสมัย
ระหว่างตึกทั้งสอง จะมีสะพานเชื่อม ซึ่งเห็นได้จากทางเข้า
พื้นที่ภายในของพิพิธภัณฑ์ออกแบบให้สมมาตร และมีที่ว่างปล่อยให้เราคิด และยืนนิ่งดูความงดงามภายใน
เคาน์เตอร์ขายตั๋วตั้งอยู่ที่ชั้น B1 หลังจากซื้อตั๋ว ก็ถึงเวลาเลือกว่าจะชมที่ตึกไหน Supreme Court หรือ City Hall
หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ ก็ถึงเวลาตัดสินใจว่าจะไปชมนิทรรศการที่ตึกไหน City Hall Wing หรือ Supreme Court Wiing
รายชื่อบุคคลที่ร่วมสร้าง และเป็นสปอนเซอร์ให้กับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
บันไดเลื่อนขึ้นไปชมนิทรรศการต่างๆ
ในวันที่เราเข้าชม นิทรรศการสำคัญเป็นที่ DBS Singapore Gallery ชั้น 2 ในห้องนี้มีภาพเขียนมากมาย จากหลายศิลปินทั่วเอเชีย จุดมุ่งหมายคือบอกเล่าเรื่องราวของเอเชียผ่านภาพและจินตนาการของศิลปินต่างๆ
โถงก่อนทางเข้าห้องนิทรรศการ มีริ้วและระลอกของน้ำส่องประกายลงมา เมื่อมองขึ้นไปด้านบนจึงพบว่า หลังคาทำด้วยกระจก และมีน้ำใสๆช่วยลดความร้อน และเพิ่มมิติให้กับห้อง … เป็นการออกแบบที่ฉันมองว่าอัจริยะมาก และไม่เคยเห็นที่พิพิธภัณฑ์ที่ไหนมาก่อน
นอกจากนั้นยังมี นิทรรศการของ Wu Guanzhong นักเขียนภาพชาวจีน ที่วาดภาพผ่านสีน้ำ ปลายปากกา ให้ชม ยังไม่รวมร้านอาหารต่างๆที่ซ่อนตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เช่น National Kitchen by Violet Oon, Odette หรือ Saha
แต่ด้วยเวลาที่จำกัด ฉันจึงไม่ได้มีโอกาศเดินชมทุกห้อง … ฉันรีบพาเพื่อนญี่ปุ่นวิ่งขึ้นไปดูวิวที่ชั้นบน ซึ่งเป็นที่ตั้งของบาร์สวย Smoke & Mirrors และ Aura Sky Lounge ที่ฉันตั้งใจว่าจะกลับมาแน่นอน
วิวที่มองเห็นมารีน่าเบย์จากบาร์ชั้นบน
และร้านขายของดีไซน์เก๋ๆ ที่ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์
หลายคนบอกว่า ศิลปะใน National Gallery Singapore ยังไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก ซึ่งฉันก็เห็นด้วยในบางมุม เพราะที่นี่ไม่มีชิ้นไหนเป็นไฮไลท์ดังเหมือนพิพิธภัณฑ์อื่นๆ … แต่ถ้ามองมุมกลับกัน มันก็เป็นการเปิดสมองของเราสู่ศิลปะใหม่ๆที่ไม่จำเป็นต้องจับกระแสความดังเสมอไป และที่สำคัญ ฉันว่า “พิพิธภัณฑ์นี่แหละคือ Art ชั้นดีเลยค่ะ” การออกแบบ รอยต่อ พื้น ฝ้า หน้าต่าง และดีไซน์ มีอะไรให้เดินดูมากมาย จะนั่งชม หรือนั่งอ่านหนังสือสบายใจ ก็ไม่มีใครว่าอะไร และฉันก็เชื่อว่า ฉันได้ที่นั่งเล่นใหม่อีกที่ในสิงคโปร์แห่งนี้
ที่ตั้ง 1 St. Andrew’s Road
โทรศัพท์ 6271-7000
เปิด ปิด วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ 10.00-19.00 น. วันศุกร์ และวันเสาร์ 10.00-22.00 น.
ค่าตั๋ว ผู้ใหญ่ 20 เหรียญ เด็กต่ำกว่า 6 ขวบ ฟรี
www.nationalgallery.sg
Related Posts: