Heartbeat in Biei – บิเอ ฮอกไกโด

อาการหัวใจเต้นรัว ม่านตาขยายกว้าง มักเกิดเวลาเจอใครถูกใจ หรืออะไรถูกตา ในเวลาที่ไม่คาดคิด …

จาก Asahikawa (อาซาฮิกาวา) เมืองฐานที่ตั้งที่เราใช้ขับรถเวียนชมทุ่งดอกไม้งามทั้งสามทุ่ง วันนี้ ล้อทั้งสี่ถึงเวลาเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้าลงใต้เพื่อไปยัง Furano (ฟูราโน่) และ Sapporo (ซัปโปโร) ต่อไป

Biei (บิเอ) … เมืองทางผ่าน ที่ฉันกำหนดเวลาเที่ยวในตอนแรกไว้เพียงชั่วโมงนิดๆ แต่เหตุการณ์ไม่ คาดคิดก็เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อหัวใจ จนกลายเป็นที่มาของ “Heartbeat in Biei” … หัวใจเต้นระส่ำในบิเอ

– – – – – – –

ถ้าเราขับรถมาจาก Asahikawa เนินเขา Patchwork ที่ทุ่งนาปะติดปะต่อกันจนเหมือนผืนผ้า Patchwork จะเป็นเส้นทางแรกที่เผยให้เห็นความงามตามธรรมชาติที่แปลกตาของ Biei

รถสเตชั่นแวกอน บรรทุกผู้โดยสารจำนวน 4 ชีวิต เลี้ยวเข้าถนนสาย 237 ถนนเส้นหลักที่ผ่ากลาง Biei เหมือนใบมีที่กรีดลงตรงกลางของผลส้มพอดิบพอดี

สองข้างทางมีภูมิทรรศน์เป็นเนินเขาสูงต่ำสลับกันไปมาไกลสุดลูกหูลูกตา ดูแล้วรู้สึกถึงอิสรภาพทางสายตา ที่หาแทบไม่เจอเมื่อต้องใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ … วิวที่เห็นบ้างเป็นเนินดินสีน้ำตาล ที่ชาวบ้านเกลี่ยเตรียมไว้ เพาะปลูกตามฤดูกาล บ้างเป็นทุ่งดอกไม้ หรือไม่ก็เป็นเพียงพรมหญ้าสีเขียวปกคุลมทั่วทั้งผืน

จากที่ตั้งใจเพียงแค่ขับรถผ่าน เราก็เปลี่ยนใจเป็นเลี้ยวรถเข้า ลัดเลาะเข้าไปตามถนนเส้นเล็ก ตามที่จะอำนวย ผ่านบ้านผู้คน ผ่านเนินเขาน้อยใหญ่ และแวะถ่ายรูปกับต้นสนชื่อก้อง ต้นสนที่บุหรี่ Mild Seven เคยใช้เป็น โฆษณาเมื่อปีหลายสิบปีก่อน จนกลายมาเป็นชื่อของ Mild Seven Tree ในปัจจุบัน (Map Code 389 036 599)

อันที่จริงแล้ว ความงามของ Biei ยังมีอีกเหลือเฟือ เพียงแต่การชมจากหน้าต่างของรถยนต์ ถูกจำกัด ด้วยถนนที่ตัดผ่านเข้าไปไม่ถึง ดังนั้นการท่องเที่ยว Biei ที่ดีที่สุด จึงเป็นการท่องเมืองด้วยรถจักรยาน เป็นกิจกรรมที่นักถีบชาวไทยไม่ควรพลาดจริงๆ

จากต้นไม้ Mild Seven และเนินเขา Patchwork เรามุ่งหน้าสู่ Blue Pond (บ่อมรกต) อีกแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ Biei …

Blue Pond หรือ Shirogane Blue Pond ตั้งอยู่บนถนนสาย 966 ซึ่งเป็นถนนเส้นเล็กที่แยกออกจาก เส้นหลัก 237

เราใช้เวลาเดินทางมาที่นี่ประมาณ 30 นาทีเท่านั้น ระหว่างทางวิวทั้งสองข้างยังคงเป็นสีเขียวขจีของธรรมชาติ และก่อนจะถึงจุดพักรถซึ่งมีห้องน้ำสะอาดบริการ เราก็ขับรถผ่านแนวต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านเสียดฟ้าเรียงรายยาว สองข้างถนน … ฉันเห็นแล้วตะลึงตา ชอบใจ จนต้องขอเบรคล้อ หยุดลงไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกค่ะ

Blue Pond เป็นบ่อน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ น้ำในบ่อเกิดจากหิมะที่ละลายและไหลลงมาจากยอดเขาสูง ส่งผลทำให้สีของน้ำในบ่อกลายเป็นสีฟ้าใส และชาวญี่ปุ่นก็เชื่อกันว่า หากอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใสติดต่อกัน 3 วัน ผืนน้ำในบ่อนี้จะเปล่งประกายเป็นสีฟ้าใสยิ่งขึ้น … ทว่าในวันที่เราไปถึง ท้องฟ้าปิดมืดครึ้ม แสงอาทิตย์ผ่าน ได้น้อยนิด สีของน้ำที่เปล่งประกายออกมาจึงเป็นสีเขียวอมฟ้า ดูไม่ Blue แต่ก็คล้ายกับมรกตสมดังชื่อ …

แต่เพียงเท่านี้ ชีวิตทั้ง 2 คู่ … สูงวัย และวัยกำลังสูง ก็แฮปปี้ ถ่ายรูปเฮฮากันอย่างมีความสุขแล้วค่ะ (Map Code 349 568 888)

หลังจากเช็คอินที่ Blue Pond เป็นที่เรียบร้อย ล้อทั้งสี่ และขาทั้งแปดก็มุ่งหน้าสู่ Furano เราขับรถย้อนกลับ ไปยังถนนเส้นเดิม 237 โดยที่ไม่รู้เลยว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เราจะเจอกับอีกสถานที่ที่ทำให้หัวใจทั้ง 4 ดวง เต้นแรงยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา ^^

– – – – – –

ฉันรู้จักร้าน Biei Senka เป็นครั้งแรกที่สนามบิน New Chitose และเมนูอร่อยของร้านนี้ Corn Bread ก็ถูกบัญญัติ ไว้ใน 12 เมนูอร่อยของสนามบินสุดโอชา ในโพสแรกๆของฉัน

ฉันลืมไปเสียสนิทว่าที่นี่เป็นบ้านเกิดของร้านนี้ จนมาสบตากันอีกครั้งที่ทางออกของถนน 966 ตัดกับ 237 …

ร้านกระจกทรงสี่เหลี่ยมดีไซน์สะดุดตานี้ มีของดีของเด็ดอยู่หลายอย่าง ที่สำคัญเป็นศูนย์โอท๊อปสุดฮิปของเมือง บิเอ และเป็น OTOP ประจำเกาะฮอกไกโดที่เก๋ที่สุดอีกด้วย

ภายในร้าน Biei Senka แบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ ส่วนแรกเป็นร้านขายของ ซึ่งเป็นสินค้า OTOP ของเมืองบิเอ ทั้งสิ้น

มะเขือเทศลูกยักษ์ โยเกิรต์บิเอ นมบิเอ ไซเดอร์บูลพอนด์ ข้าวเกรียบกุ้ง ไปถึงข้าวญี่ปุ่น และอื่นๆ อีกมากมาย ถูกวางขายอย่างสวยงาม ช่องว่างที่จัดวาง ทำให้สินค้าดูน่าซื้อ ดีไซน์ที่เรียบเก๋ ยิ่งทำให้ OTOP เหล่านี้ดูมีคุณค่า ขึ้นมากโข … เชื่อไหมค่ะว่า คุณแม่ผู้ไม่ค่อยชอบเดินซื้อของสด หรือของในซูเปอร์ ยังหลงติดใจ เดินเลือกมา ได้หลายชิ้น เดินเพลินจนเกือบลืมเวลากินข้าวไปเลยค่ะ

เมื่อรู้ตัวอีกที ก็ถึงเวลาเที่ยงกว่าๆ … นี่เราใช้เวลาขับรถเที่ยวเล่นใน Biei เกือบ 3 ชั่วโมงแล้วหรือ กระเพาะทั้ง 4 เริ่มส่งเสียงเตือนดังขึ้นเรื่อยๆ เลยตัดสินใจกินมื้อกลางวันกันที่นี่ Asperges Restaurant ร้านอาหารฝรั่งเศสใน Biei Senka ที่มารู้ในภายหลังว่า ได้รับเกียรติประดับ 1 ดาวมิชลินของเกาะฮอกไกโดเมื่อปี 2012 อีกด้วย (http://bieisenka.jp/index.html)

อาหารของ Aspergaes มีทั้งเป็นเซ็ตเมนู และจานเดี่ยว ราคาของเซ็ตเมนู เริ่มต้นที่ 2,600 เยน ไปจนถึง 4,600 เยน เราไปกัน 4 คน จึงสั่งมาลองครบทั้ง 3 เซ็ตเมนู แต่เพราะเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่น เราจึงไม่รู้ทุกรายละเอียดของอาหาร แต่ละจาน ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง แต่พนักงานของร้านก็ช่วยอธิบายเป็นภาษาอังกฤษให้ฟังคร่าวๆ จึงพอเข้าใจ เมนูที่เสริฟ์อยู่บ้าง

จานแรกเริ่มด้วยขนมปังร้อนๆทาด้วยซอสครีมเปรี้ยวๆ ก่อนจะต่อด้วยผักสลัด 20 ชนิด จัดวางสวยงาม บนจานสีขาวใบใหญ่ ก่อนจะตามมาด้วย ขนมปังอบร้อนๆ ซุปมันบดสุดครีมมี่ และแอสพารากัสชิ้งเบ้ง หรือหน่อไม้ฝรั่งจิ้มด้วยซอสสีเขียวสดๆ อร่อยมากค่ะ

ถัดมาเป็นจานหลัก ซึ่งฉันสั่งหมูทอด เนื้อนิ่ม คุณสามีสั่งเนื้อบิเอ ซึ่งนุ่มแทบจะละลายในปาก คุณพ่อ คุณแม่สั่งจานผัก แล้วเราก็มาแบ่งกันกินแบบไทยๆ ได้ชิมกันครบทุกเซ็ตเมนู

สุดท้ายเป็นขนมหวานถ้วยเล็ก ไอศกรีมราดด้วยซอสหวานที่มีส่วนผสมของไวน์แดง กับสตอร์เบอร์รี่ ซึ่ง คุณแม่ยิ้มปรี่ โปรดปรานเป็นที่สุดค่ะ

มื้อเที่ยงของวันนี้ประทับใจพวกเราทุกคนโดยไม่ต้องสงสัย คุณพ่อยังชื่นชมความนุ่มของเนื้อบิเอมาจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับคุณแม่ก็ยังเอ่ยปากชมความเรียบง่ายของร้าน และวิวสองข้างทางของ Biei อยู่เนื่องๆ

ความงดงามของ Biei ที่สร้างรอยประทับในหัวใจยังไม่หมดเพียงเท่านี้ค่ะ หลังจากอิ่มท้อง เราตัดสินใจมุ่งหน้า ตรงไปสู่ Furano โดยไม่แวะที่ใดอีกแล้ว ทางไป Furano ยังคงเป็นถนน 237 เส้นเดิม ทว่าระยะทางสายนี้ มีชื่อว่า  Panorama ซึ่งได้มาจากวิวสองข้างทางที่เปิดมุมมองให้เราเห็นได้ไกลถึงภูเขาหิมะสูงด้านหลัง เป็นวิวพาโนรามา หรืออิสรภาพทางสายตาที่เห็นได้เกือบ 180 องศาจริงๆ

เราอำลา Biei มาแล้วเกือบ 3 อาทิตย์ เวลาเพียง 4 ชั่วโมงในเมืองทางผ่านแห่งนี้ สร้างความรู้สึกดีๆให้กับเราทุกคน ความสุขยามที่นั่งชมวิวสวยๆสองข้างทางยังคงกรุ่นอยู่ในความทรงจำ และไม่ว่าจะรูปสักกี่ครั้ง หรือจะนึกย้อน ไปสักกี่หน Heart ของเรา ก็ Beat แรงใน Biei ได้ทุกทีไป … แล้วฉันเชื่อว่า เราจะได้พบกันอีกในไม่ช้า “หัวใจระส่ำในบิเอ”