3 ร้านอาหารไทยอร่อยละเมียดละไม ความภูมิใจที่จะอวดชาวต่างชาติ – กรุงเทพ

มันคงไม่ใช่เพราะเราเป็นคนไทยถึงรักอาหารไทย … แต่เพราะเราถูกหล่อหลอมเลี้ยงดูมาด้วยรสชาติแบบไทยๆ เราจึงคุ้นเคยกับอาหารไทย ซึ่งฉันก็ไม่ต่างจากคนไทยหลายสิบล้านคนที่หลงรักอาหารบ้านเกิดตัวเองค่ะ

วันนี้ฉันมี 3 ร้านอาหารไทยมาแนะนำ ทั้ง 3 ร้านยกระดับอาหารไทยให้แตกต่างด้วยรสชาติที่เป็นหนึ่ง การตกแต่งที่ละเมียดละไม กลายเป็นสุนทรียภาพของอาหาร เป็นร้านที่ฉันจะจูงแขนเพื่อนชาวต่างชาติไปอวด และทั้ง 3 ร้านนี้ ที่มีชื่อว่า เสน่ห์จันทร์ Chilli และ ท้าวทองกีบม้าค่ะ

เสน่ห์จันทร์ (Saneh Jaan)

ภาพสำหรับข้าวแช่ของเดือนเมษายนทำให้ฉันรีบนัดก๊วนเพื่อนไปชิมรสมือของเชฟป้อมและเชฟชุมพล สองเชฟผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารไทยของโรงแรม 5 ดาวในทันที เสน่ห์จันทร์ตั้งอยู่ที่ Glasshouse at Sindhorn ภายในร้านตกแต่งสวยงามมากค่ะ โอ่โถงและคลาสิกมีระดับ

เมนูอาหารในเที่ยงวันนั้น นอกจากข้าวแช่ชุดพิเศษเฉพาะฤดูร้อนแล้ว เรายังสั่ง “ข้าวตังสับปะรดหน้าปลาช่อนผัดพริกขิง” มาเป็นจานเรียกน้ำย่อย “ยำถั่วพลู” “หมี่กรอบ” และ “ไข่พะโล้” เคี่ยว 3 วันต่อเนื่อง มากินกับข้าวสวยร้อนๆ ก่อนจะ จบมื้อด้วยข้าวเม่าน้ำกะทิขนมหวานของมื้อที่อิ่มแปร้

รสชาติอาหารของเสน่ห์จันทร์เปรียบได้กับฟองน้ำที่ต้องซึมซับ สัมผัสรสไปทีละนิดๆ ยกตัวอย่างเช่นหมี่กรอบ ที่รสชาติเปรี้ยวหวานมันเค็มจะค่อยๆขับออกมาในกระพุงแก้มจนกลมกล่อม ส่วนไข่พะโล้เคี่ยว 72 ชั่วโมงก็อร่อยค่ะ เราสัมผัสได้ถึงกลิ่นของเครื่องเทศและการซึมซับของน้ำซุปที่เข้าไปในเนื้อเต้าหูและไข่ ยังไม่รวมข้าวตังหน้าปลาช่อนผัดพริกขิงที่เผ็ดและจัดกำลังดี เสน่ห์จันทร์จึงเป็นร้านอาหารไทยที่ละเมียดละไมทั้งในการผลิตและเลือกใช้วัตถุดิบจริงๆ

ราคาอาหารของเสน่ห์จันทร์ค่อนข้างสูงถ้าเทียบร้านอาหารไทยทั่วไป เพราะเป็น Thai Fine Dining ที่นี่จึงเหมาะที่จะเป็นร้านอาหารไทยต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง สร้างความประทับใจในรสชาติอาหารไทยค่ะ

ป.ล. เป็นอีกร้านทางเลือกที่อร่อยไม่น้อยไปกว่า  Nara หรือ The Local by Oam Thong เลยค่ะ

ที่ตั้ง Glasshouse at Sindhorn ห้อง 130-132 ถ.วิทยุ ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 (มีที่จอดรถเฉพาะลูกค้า Glasshouse at Sindhorn อยู่ด้านหน้าตึกสินธร)

พิกัด https://goo.gl/maps/btHmxNpbu2z

โทรศัพท์ 02-650-9880

เปิด ปิด มื้อกลางวัน 11.30 – 14.00 น. มื้อเย็น : 18.00 – 22.00 น. เลานจ์ : 17.00 – 24.00 น.

ราคาเฉลี่ยคนละ 500-800 บาท

www.sindhorn.com/glasshouse_overview/Saneh-Jaan facebook.com/sanehjaan

 

Chilli Thai Restaurant

ลวดลายผ้ามัดหมี่ ผ้าทอสัญชาติอีสานสีสันฉูดฉาดที่ประดับเต็มพื้นที่ผนังของร้าน ทำให้ Chilli Thai Restaurant เตะตาฉันแทบจะในทันทีที่เดินผ่าน … และในอีกสองวันถัดมา ฉันก็พาคุณสามีและหลานสาว มานั่งเป็นแขกของครัวอีสานระดับ 5 ดาวแห่งนี้ค่ะ

ก่อนจะไปถึงเมนูของคาวรสจัด เราหยอดความสดชื่นด้วยน้ำแตงโมและน้ำฝรั่งแช่บ๊วยปั่น สองเมนูน้ำปั่น ท่ามกลางตัวเลือกนับสิบที่ตัดสินใจยากน่าดู (หลานสาวบอก) ทั้งสองน้ำเสิร์ฟมาในรูปแบบของโถแก้วทรงกลม มีชิ้นแตงโมฝานบาง และใบบัวสีชมพูอ่อนประดับในแต่ละโถ หน้าตาสวยงาม เรียกเสียงกล้องได้รัวๆเลยค่ะ

ส่วนเมนูที่เหลือ คือ “ส้มตำไทย-ข้าวเหนียวทอด” “แกงเนื้อปูใบชะคราม” “ข้าวผัดหมู” (สำหรับหลานสาว) และ Appertizer ชุดใหญ่ “ชิลลี่ ไทย แอพ” ประกอบไปด้วย ไก่ทอดชิลลี่ หมูสะเต๊ะ ลาบถุงทอง ปอเปี๊ยะอีสาน ผักสด และ ข้าวตังหน้าตั้ง

รสชาติครัวอีสานของ Chilli Thai Restaurant เรียกได้ว่าแซ่บและจัดจ้านแบบไม่อ่อนข้อให้ชาวต่างชาติเลยค่ะ ส้มตำมะละกอสดกรอบรสจัด แกงเนื้อปูใบชะครามเผ็ดสะท้านถึงใจ ไก่ทอดชิลลี่กรอบกริบ ข้าวตังหน้าตั้งรสดี และจริงๆก็ยังมีอีกหลายเมนูที่อยากชิม แต่ไม่มีพื้นที่ในท้องเหลือแล้ว ร้านนี้เหมาะมากถ้าอยากจะอวดครัวอีสานให้เพื่อนต่างชาติสะท้านลิ้น เพราะรสชาติที่จัดโดนสัมผัสทั้ง 5 แน่นอน !!! และการตกแต่งร้าน รวมถึง Food Stylist ก็ยังสวยงามระดับน้องๆมิชลินเลยค่ะ เป็นครัวอีสานที่มุ่งสู่เวทีโลกได้เลยจริงๆ

ที่ตั้ง ชั้น B1 Siam Paragon

เปิด ปิด 11.00 – 22.00 น. ทุกวัน

ราคาเฉลี่ยคนละ 300-800 บาท

ท้าวทองกีบม้า (Marie Guimar)

ท้าวทองกีบม้าไม่ใช่ร้านอาหารไทยเต็มร้อย เพราะรวมอาหารสัญชาติเอเชียอื่นๆด้วย แต่ก็ขอรวบเข้าในหัวข้อนี้ เพราะที่นี่มีอาหารไทยจานเด็ดอยู่หลายเมนู ยังไม่นับขนมหวานของไทยที่เป็นจุดเด่นของท้าวทองกีบม้าค่ะ

เที่ยงวันนั้น เราสั่งเมนูอาหารไทยง่ายๆ เช่น “ข้าวตังหน้าตั้ง” “ข้าวผัดกากหมู” “น้ำพริกอ่อง” และ “หมูอบกับข้าวเหนียวก้อน” ซึ่งรสชาติอาหารโดยรวมอร่อยและถูกปากทุกคนในโต๊ะค่ะ

แต่ทีเด็ดที่พวกเรารอคอย กั๊กพื้นที่ในกระเพาะไว้ ก็คือขนมไทยของท้าวทองกีบม้า หรือ Marie Guimar หญิงสาวชาวโปรตุเกสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ผู้ริเริ่มทำขนมไทยจำพวกทองหยิบ ทองหยอดจนกลาย เป็นเมนูสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน

ขนมหวานไทยที่สั่งไปก็มีอยู่ 3 อย่าง เริ่มด้วย “บัวลอยสามสีไข่เค็ม” “ข้าวเหนียวดำมันเชื่อม” และ “ปลากริมไข่เต่าท้าวทองกีบม้า” ซึ่งทุกเมนูที่สั่งไม่สร้างความผิดหวังเลยสักนิดค่ะ โดยเฉพาะเมนูหลัง ปลากริมไข่เต่าที่รสชาติเข้มข้นมาก เนื้อแป้งนุ่มก็นุ่มเหมือนทำกันสดๆเลย แต่เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ ><

ท้าวทองกีบม้า เป็นร้านอาหารไทยที่ทานง่าย บรรยากาศสบายๆ ต่างจากสองร้านที่แนะนำไปก่อนหน้านี้ จุดเด่นของที่นี่คือเมนูขนมหวานซึ่งหลายอย่างหาทานยากในยุคดิจิตัล เป็นร้านที่จะอวดเพื่อนต่างชาติถึงพลานุภาพของขนมหวานไทยว่าเด็ดอร่อยไม่น้อยหน้าอาหารคาวเลยนะ ^^

 

ที่ตั้ง113 ซอยทองหล่อ 15 วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

พิกัด https://goo.gl/maps/gkwi65FTbDA2

โทรศัพท์ 02-712-8036

เปิด ปิด 10.00-22.00 น. ทุกวัน

ราคาเฉลี่ยคนละ 350-500 บาท