Gouda เมืองต้นกำเนิดชีสดัง & วอฟฟอลสอดไส้คาราเมลอร่อย

Gouda (คาวด้า ออกเสียง “คาว” ค๊ากๆในคอ) เป็นเมืองนอกแผนเที่ยว สามีสั่งมาเพราะอยากขับรถเช่าให้คุ้ม ฉันเลยสนองด้วยการออกนอกเส้นทางและก็คุ้มค่าจริงๆค่ะ ไม่เสียใจเลยที่มา Gouda เพราะเมืองนี้น่ารัก ผู้คนใจดี เล็กแต่มีรายละเอียดน่าสนใจ เดินสนุกจนต้องแนะนำให้เป็นเมืองห้ามพลาดของเนเธอร์แลนด์ ไปเลยค่ะ

Gouda มีพลเมืองไม่ถึงหนึ่งแสนคน เป็นเมืองเล็กแต่มีชื่อเสียงก้องโลกจาก Gouda ชีสที่ตั้งตามชื่อของเมือง อุตสาหกรรมส่งออกชีสจึงเป็นแหล่งรายได้สำคัญและเป็นความภาคภูมิใจของชาวเมืองอีกด้วย

เราขับรถจาก Rotterdam มา Gouda เพียง 30-40 นาทีเท่านั้น ทริปนอกเมืองนี้รวบยอดเอา Gouda และ Kinderdjik หมู่บ้านกังหันเข้าด้วยกันใน one day trip

หลังจากเงอะงะหาที่จอดรถ ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงในเกือบทุกเมืองแล้ว เราเดินเข้าไปในเมืองผ่านบ้านเรือนและร้านค้า รวมถึง Gouda Museum พิพิธภัณฑ์ประจำเมือง ซึ่งยังปิดอยู่ในเวลานั้น ฉันเดินเข้าไปดูลาน ด้านในของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้เข้าได้ ถึงได้รู้ว่าที่นี่เคยเป็นโรงพยาบาลก่อนจะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ และก็เป็นโรงพยาบาลดังเสียด้วยในอดีต ในบริเวณเดียวกันยังมีสวนหย่อมให้จิบน้ำชายามบ่าย น่าเสียดายที่เรามีเวลาไม่พอและอากาศก็หนาวสะบัดจึงตัดลิสต์นี้ออกไป แต่การเดินเข้ามาในนี้ก็ทำให้ได้รู้เรื่องราวของเมืองบ้าน ซึ่งข้อมูลสำคัญก็คือ Desiderius Erasmus นักเขียนและนักคิดที่โด่งดังมากในศตวรรษที่ 16 เติบโตจาก Gouda เขาผู้นี้มีอิทธิพลมากใน Rotterdam อีกเมืองใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ที่จะเล่าให้ฟังในบล็อกต่อไปค่ะ

Markt

จตุรัสกลางเมือง Gouda เป็นลานกว้างขนาดใหญ่กว่าหลายเมืองของเนเธอร์แลนด์ ตรงกลางลานมี Town Hall ตั้งตระหง่านอยู่ อาคารนี้สร้างในศตวรรษที่ 15 จากหินทรายที่ตอนนี้สีหม่นดำไปตามกาลเวลา จุดเด่นของ Town Hall อยู่ที่บานหน้าต่างสีแดงและขาว ด้านในเปิดให้เข้าชม Ceremonial Room อีกด้วยค่ะ

Waag เป็นอีกอาคารที่สำคัญของจตุรัส ในอดีตเป็นที่ชั่งน้ำหนักสินค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการค้าขาย แต่ใน ปัจจุบันกลายเป็น Visitor Centre ที่ชั้นล่าง และ Cheese Museum ที่ชั้นบนเป็นสต็อปที่ฉันตั้งใจมาเป็นอันดับแรกของเมืองค่ะ

หลังจากซื้อตั๋วจากเจ้าหน้าที่ในราคา 4.50 ยูโรต่อคน เราก็เดินขึ้นบันไดวนมาที่ชั้นบนสุดซึ่งเป็นที่ตั้งของ Cheese Museum พิพิธภัณฑ์นี้เป็น Self Guided Tour เราต้องอ่านข้อมูลและดูวิดีโอเอง แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นคุณป้าใจดีคอยเข้ามาถามไถ่และให้คำแนะนำ

เรื่องราวของชีสถูกเล่าตามขั้นตอนในการผลิตแบ่งออกเป็นซุ้มๆ ในแต่ละซุ้มจะมีข้อมูลภาษาอังกฤษให้อ่านพร้อมกับจัดแสดงอุปกรณ์ในแต่ละขั้นตอนให้ชม สุดท้ายมีวิดีโอหนังสั้นฉายให้ชมขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง ก่อนจะมาเป็นชีสคาวด้าที่โด่งดังไปทั่วโลก

สรุปสั้นๆจากพิพิธภัณฑ์นี้ วัวเนเธอร์แลนด์เป็นวัวสายพันธุ์ดี ให้นมเยอะมากกว่าวัวทั่วไป จึงผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับนม เนย และชีสได้มากกว่าประเทศอื่นๆ ชีสทำจากโปรตีนที่อยู่ในนม ต่างจากเนยที่ทำจากไขมันของนม ดังนั้นการกินชีสจึงทำให้ได้โปรตีน แต่การกินเนยทำให้เกิดเส้นเลือดหัวใจตีบได้มากกว่า หรือพูดง่ายๆว่า ถ้าใครอยากสูงให้กินชีสแต่ถ้าใครอยากเป็นโรคหัวใจให้กินเนยค่ะ 555

เราใช้เวลาเดินชมพิพิธภัณฑ์กัน 20 นาทีเท่านั้น ข้อมูลในพิพิธภัณฑ์นี้ดีมาก ให้ความรู้ลึกสำหรับคนที่สนใจและถ้าใครเข้าชมพิพิธภัณฑ์นี้แล้ว ก็ไม่ต้องไปเสียเงินเข้าชมที่อื่นอีกแล้วค่ะ โดยเฉพาะทัวร์พาเที่ยวที่มักแถมวิธีการผลิตชีสเพราะข้อมูลเหล่านั้นไม่ลึกเท่ากับข้อมูลในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้

 

‘t Kaaswindeltje

ร้านชีสนี้สะดุดตามากค่ะ นอกจากจะเป็นร้านใหญ่มี 2 ห้องแล้ว สินค้าทั้งหน้าร้านและในร้านก็เยอะมากจริงๆ ก่อนจะเข้าไปกลัวกลิ่นชีสที่แรงจนเรียกว่าเหม็นอย่างที่ฝรั่งเศสแต่พอเดินเข้าไปกลับหอมค่ะ หอมชีสคาวด้าที่โชยมาแตะจมูกเบาๆ

เช้านี้มีชาวดัชท์มาซื้อชีสกัน 2-3 คน ฉันรอให้ลูกค้าหมดและรีบแนะนำตัวกับคุณน้าใจดีในร้าน เธอแนะนำให้เราซื้อชีสก้อนกลมๆ เพราะนี่แหล่ะคาวด้าของแท้ อย่าไปซื้อชีสที่ขายเป็นชิ้นในซองสุญญากาศหลากสีตรงกลางร้านเพราะนั้นเป็นชีสดัดแปลง

เธอยังบอกกับเราอีกว่า ชีสคาวด้ามีหลายอายุ aging ต่างกัน baby Gouda เริ่มตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป รสชาติจะอ่อนหน่อย แต่ถ้า 9 เดือน และ 12 เดือนรสชาติจะจัดขึ้น เข้มข้นมาก เค็มชัดเจน และหลังจากชิมก็เข้าใจสิ่งที่คุณน้าบอกเลยค่ะ สามีเลยซื้อ Baby Gouda มา 2 ก้อนในราคาก้อนละ 11.45 ยูโร และซื้อ Gouda 9 เดือนมาอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งคุณน้าเป็นคนตัดขายจากชิ้นใหญ่ให้กับเรา ก่อนออกจากร้านคุณน้ายังบอกอีกว่า คนดัทช์กินชีส 3 เวลาอาหาร “เห็นไหม กินแล้วตัวสูง” อย่างน้าเนี่ยแหล่ะ (พร้อมกับชี้ที่พุงว่าสูงขึ้นในแนวกว้าง 555 ตลกมุขเดียวกับไทยเลย)

หลังจากเดินออกมา ฉันรู้สึกว่าร้านนี้ไม่ธรรมดา เอะใจยังไงชอบกล เลยหยิบหนังสือ Lonely Planet ขึ้นมาอ่านและก็โป๊ะเชะเลยค่ะ ‘t Kaaswinkeltje เป็นร้านดังของเมือง (น่าจะเป็นร้านดังที่สุด) ที่ผลิตชีสเอง มีโรงงานใหญ่โต และเป็นร้านที่ Lonely Planet เองก็แนะนำค่ะ … ยกนิ้วให้เลย ร้านนี้ ห้ามพลาดดดดด (Lange Tiendeweg 30/ www.kaaswinkeltje.com)

 

Brood & Ko

ถัดจากร้านชีสของคุณน้าไปเพียงไม่กี่ร้าน ฉันก็เจอกับร้านเบเกอร์รี่น่ากิน ฉันเห็นคนดัชท์ที่อยู่ในร้านชีสเดินมาที่ร้านนี้กัน 2 คน เลยเดินตามเข้าไปในร้านค่ะ กลิ่นของขนมปังหอมอบอวล นม เนยฟุ้งกระจาย แต่ชิ้นที่ทางร้านแนะนำก็คือ Roomboter Amandelstaaf พนักงานบอกว่ามาช่วงนี้ก็ต้องกินชิ้นนี้เพราะเป็นขนมพิเศษของเทศกาลคริสมาส ขนมปังชิ้นนี้สอดไส้อัลมอนต์ค่ะ รสชาติหวานจางกินได้เรื่อยๆ  แต่นอกจากนั้นยังมีขนมปังน่ากินอีกหลายชนิด เค้กผลไม้ก็ดูฉ่ำและสดเหลือเกิน จึงเอามาแนะนำในบล็อก เผื่อใครผ่านไปหิวอยากหาขนมปังรองท้องก็แวะไปได้ที่ร้านนี้นะคะ อยู่ถัดจากร้านชีสเพียง 3-4 ห้องเท่านั้น (Lange Tiendeweg 18, 2801 KH Gouda/ http://www.broodenko.nl) 

Kamphuisen Stroopwafels

ที่ศูนย์นักท่องเที่ยว Visitor Centre มีสินค้าที่ระลึกวางขาย หนึ่งในนั้นก็คือวอฟเฟิลกลมชิ้นบางชนิดนี้ค่ะ สอบถามเจ้าหน้าที่บอกว่า วอฟเฟิลชิ้นนี้เรียกกว่า Stoopwafels ถือกำเนิดขึ้นที่ Gouda เหมือนกัน ร้านดังอยู่เยื้องๆกับศูนย์นี่แหล่ะ ยูว์เดินไปสิ …

ภายในร้าน มีวอฟเฟิลขายอยู่หลายไซส์ค่ะ พนักงานยิ้มแย้มอีกแล้วและยังให้เราชิมด้วย Stoopwafels ทำจากแป้งวอฟเฟิลเอาไปตีรีดและอบกับแท่นพิพม์วอฟเฟิลทรงกลม พอสุกได้ทีก็ผ่าตรงกลางของแป้งออกทาไส้ด้วยคาราเมลก่อนจะประกบกันเป็นวอฟเฟิลชนิดนี้

รสชาติหวาน (มาก) ค่ะ เก็บไว้ได้นาน ภรรยาจึงนิยมทำให้กับสามีพกไปกินยามทำงานในสมัยก่อน

สามีชอบมากค่ะ ปกติเขาไม่ใช่คนกินหวานแต่ถูกใจมาก ซื้อกลับมาหลายแพ็ค รวมถึงเป็นของฝากให้ที่ออฟฟิส และที่บ้านด้วย (Markt 69, 2801 JM Gouda/ www.kamphuisensiroopwafels.nl/webshop/product/139-stroopwafels)

นอกจากที่แนะนำไป Gouda ยังมีโบสถ์และร้านรวงอื่นให้เดินชมอีกหลายร้าน เวลาที่มีจำกัดฉันจึงต้องตัดใจ ขับรถอำลา Gouda เพื่อไปยังจุดหมายอื่นต่อไป แต่ 3-4 ชั่วโมงใน Gouda ก็รู้สึกเพียงพอ อิ่มใจและได้ความรู้ ติดตัวกลับมาด้วยค่ะ