ฮีโร่ตัวจริง หมู่บ้านกังหัน Kinderdijk (Unesco World Heritage Site)

ถ้าโลกนี้ไม่มีกังหันก็คงไม่มีประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างในปัจจุบัน
พื้นดินกว่า 60% ของชาวดัชท์อยู่ต่ำกว่าระดับทะเลหรือจมอยู่ใต้น้ำนั่นเอง
ถ้าไม่ได้กังหันมาวิดน้ำตั้งแต่ในอดีต พื้นที่เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และอยู่อาศัย ก็คงไร้สิ้น
ดังนั้นจึงไม่ได้พูดเกินจริงว่า “ฮีโร่ตัวจริง” ของประเทศนี้จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่ “กังหัน” นั่นเอง

Kinderdijk เป็นหมู่บ้านกังหันที่สำคัญของเนเธอร์แลนด์ กลุ่มกังหัน 19 ตัวยังคงอยู่ในสภาพดี แม้ระยะเวลาจะผ่านมาเป็นร้อยๆปี ทุกตัวยังใช้งานได้ 100% เป็นสมบัติของชาติและของโลกเมื่อถูกขึ้นทะเบียนเป็น Unesco World Heritage Site เมื่อ 21 ปีที่แล้ว
หมู่บ้านกังหัน Kinderdijk อยู่ห่างจาก Rotterdam เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศเพียง 30 นาทีเท่านั้น สภาพอากาศเช้านี้ไม่ดีเลยค่ะ ฝนไม่ตกแต่หมอกหนาทึบ ระยะการมองเห็นไม่น่าจะเกิน 5 เมตร เราจึงเห็นกังหันทั้ง 19 เป็นเงาเลือนลางเหลือเกิน …
เราตัดสินใจขับรถไปเที่ยว Gouda เมืองแห่งชีสก่อนและค่อยกลับมา Kinderdijk กันใหม่ในตอนบ่าย โชคดีที่อากาศหลังเที่ยงดีขึ้น หมอกจางหายไป ระยะการมองเห็นเคลียร์จนภาพหมู่บ้านกังหันทั้ง 19 ปรากฏกายอยู่ตรงหน้า
กังหันที่นี่มีทั้งกังหันโบราณ Hollow Post Mills และ Rotation Cap Mills ซึ่งแบบหลังเป็นกังหันที่มีขนาดสูงที่สุดในประเทศและเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ชาญฉลาดของชาวดัชท์ในการหันเฉพาะใบพัดให้รับลมได้ตามทิศต่างๆ โดยไม่ต้องย้ายตัวฐานของกังหันให้ยุ่งยากเหมือนในยุคเริ่มต้น
เราเดินตามถนนผ่านบ้านเรือนริมน้ำและพงหญ้าสูงไปประมาณ 500 เมตรจากทางเข้า
ภาพกังหันก็ค่อยๆใกล้ขึ้น สองข้างทางมีกังหันกระจัดกระจายอยู่เบื้องหน้า
หนึ่งในนั้นเป็นกังหันที่มีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับ Visitor Centre ก็ยังมีหนังสั้นให้ดู น่าเสียดายที่เราไม่มีเวลาพอเพราะต้องตีรถกลับไปสำรวจ Rotterdam จึงต้องข้ามแหล่งข้อมูลดีๆนี้ไป
แต่ทริปกังหันครั้งที่สองที่ Zaanse Schans เราก็ได้เรียนรู้ว่า ในอดีตเนเธอร์แลนด์มีกังหันเกือบ 10,000 ตัวทั่วประเทศ แต่เมื่อพลังไอน้ำเข้ามาแทนที่ จำนวนกังหันก็ลดลงอย่างรวดเร็วบางแห่งถูกปล่อยทิ้งจนเสื่อมโทรมและรัฐบาลต้องเข้ามาดูแลและจัดการ
นอกจากกังหันจะช่วยวิดน้ำเพื่อให้เกิดเป็นผืนดินนำมาใช้เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์แล้ว เครื่องปั่นใต้ใบพัดของกังหัน ยังนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีก เช่น ตัดไม้ และ ทำเครื่องปั้นดินเผา
นักท่องเที่ยวที่เข้ามาชมหมู่บ้านกังหัน Kinderdijk เข้ามาชมได้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ และจะเดินชมหรือถีบจักรยาน ก็ได้ ถนนในหมู่บ้านมีลู่ถีบจักรยานแยกจากทางคนเดิน แต่ถ้าจะนั่งเรือชม waterbus  (www.waterbus.nl)   ก็จะมีค่าตั๋ว 12.50 ยูโร ใช้เวลา 30 นาที หรือถ้าจะเข้าพิพิธภัณฑ์ก็ให้ซื้อตั๋วที่ตรงทางเข้า รายละเอียดใน www.kinderdijk.nl
 
เส้นทางของหมู่บ้านกังหัน Kinderdijk สามารถเอาไปรวบยอดกับทริปเที่ยวเมืองแห่งชีส Gouda ได้ค่ะ (Kinderdijk + Gouda) เหมาะเป็น One day trip ใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง จาก Rotterdam แบบสบายๆ ไม่เหนื่อยเลย แต่เส้นทางนี้เหมาะสำหรับคนที่ขับรถเที่ยวเองนะคะ