เพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆจาก Antwerp เราก็ถึง Rotterdam (รอตเทอร์ดาม) เมืองที่ 5 ของทริป เบ-เน-มันส์ แต่เป็นเมืองประเดิมของเนเธอร์แลนด์ค่ะ
ตอนขับรถข้ามประเทศฉันคาดหวังจะได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เหมือนเวลาขับรถข้ามจังหวัด หวังจะเห็นซุ้มถนนหรือป้ายต้อนรับเป็นรูปกังหันอะไรอย่างเนี้ย แต่กลับเห็นเพียงป้ายเล็กๆ ไม่ต่างจากป้ายถนนว่า หมดเขตเบลเยี่ยมและกำลังเข้าสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้ว … จบข่าว
Rotterdam (รอตเทอร์ดาม) คือเมืองใหญ่อันดับสองของเนเธอร์แลนด์ มีประชากรประมาณหกแสนกว่าคน เป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญของยุโรป
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Rotterdam ถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากอง หรือที่เรียกกันว่า “Rotterdam Blitz” ดังนั้นเมืองที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่เนรมิตขึ้นใหม่ภายใน 70 กว่าปีเกือบทั้งสิ้น (https://en.rotterdam.info)
ที่พักสองคืนใน Rotterdam อยู่ตรงข้ามกับ Central Station นั่นหมายความว่าห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 20 นาทีถ้าคิดจะเดิน แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเข้ากระดูกดำ ฉันจึงไม่คิดจะเดินเลยสักนิด และเลือกนั่งรถแทรมไปสำรวจเมืองจากสถานี Central Station สาย 21 หรือ 24 ชานชลา C ไปลงสถานี Blaak ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ Rotterdam ด้วยตั๋วรายวัน (Day Trip) ในราคา 7.50 ยูโร/คน ในเวลาไม่ถึง 10 นาที
Markthal (Market Hall)
Markthal คือแลนด์มาร์คของเมือง ตลาดและออฟฟิสสำนักงานทันสมัยนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 2009 ที่ลานกว้างใจกลางเมือง ปัจจุบันเป็นแหล่งร่วมร้านอาหารคาเฟ่ของ Rotterdam และเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
ภายใต้สถาปัตยกรรมหลังคาโค้งสูง 40 เมตรรูปตัวยูคว่ำ บรรจุร้านค้าและร้านอาหารกว่า 100 ร้าน ยังไม่นับซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่ชั้นใต้ดิน และตลาดกลางแจ้งที่ลานด้านหน้าซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าหลากหลายในช่วงวันหยุด
Markthal สร้างด้วยหินธรรมชาติสีเทาเข้ม ด้านหน้าและหลังติดกระจกดูคล้ายบานหน้าต่างให้คนข้างนอกมองทะลุเข้าไปข้างในและยังช่วยปล่อยแสงธรรมชาติให้ส่องผ่านเข้ามา
ภายใต้หลังคาโค้งสูงนี้มีภาพศิลปะรูปผลไม้ ดอกไม้และเหล่าแมลงในช่วงฤดูร้อนสีสันสดใสของศิลปินดัง Arno Coenen … ฉันกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารเวียดนามชั้น 2 เดินซื้อชีสที่ร้าน Cheese & More มาฝากเพื่อน ซื้อช้อกโกแลต์อร่อยมากินอีกสักหน่อย ก่อนจะออกมาถ่ายรูปเจิมกับ Markthal อย่างในภาพที่เห็นค่ะ (Achterklooster 7, 3011 RA, Rotterdam, ร้านอาหารและบาร์ 10.00-24.00 น., www.markthal.nl/en)
Architect & Sculpture
เพียงก้าวเท้าออกจากสถานี Blaak สถานีใจกลาง Rotterdam สิ่งที่เราจะเห็นก็คือสถาปัตยกรรมทันสมัยรายรอบตัว 360 องศา … หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 Rotterdam ก็สร้างเมืองใหม่โดยไม่คิดถึงรูปแบบเก่า คำนึงถึงความทันสมัยและดีไซน์แทนอดีต
ตึกอาคารในยุคสร้างเมืองจึงมีรูปทรงแปลกตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างที่เห็น ยังไม่นับรูปปั้น ชื่อดังที่ถูกจับวางอยู่ตามมุมเมืองเช่น Oil และ Santa with Butt Plug ทำให้เมืองใหญ่อันดับสองของเนเธอร์แลนด์เมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองทันสมัยและ Futuristic ที่สุดของประเทศค่ะ
น่าเสียดายที่ฉันมีเวลาสำรวจ Rotterdam น้อยไป อดเดินตามหารูปปั้นตามที่วางแผนไว้ แต่แค่เพียง 1 วัน ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าคนเมืองนี้เข้มแข็งและคิดต่างจากโลกภายนอกปานใด … สัญญาใจว่าจะกลับไปให้ได้อีกสักครั้ง
OIL ด้านหน้า Maritime Museum
Cube House Rotterdam (Kijk-Kubus)
เยื้องๆกับ Markthal ก็คือที่ตั้งของบ้านลูกบาศก์สีเหลืองสะดุดตาจนกลายเป็นจุดที่ผู้คนหลั่งไหลมาถ่ายรูปอีกแห่งของ Rotterdam ไอเดียบ้านลูกบาศก์เอียง 45 องศานี้เป็นความคิดของสถาปิกชาวดัชท์ผู้ล่วงลับ Piet Blom
บ้านลูกบาศก์นี้เป็น Hostel ให้เข้าพักได้จริง และหนึ่งในนั้นยังเปิดให้เข้าชมภายในอีกด้วยค่ะ (มีค่าตั๋ว) น้องๆ หลานๆ วัยรุ่นทั้งหลายคงอยากจะลองเข้าไปพักกันสักคืน ประสบการณ์เอียงๆนี้น่าสนุกน่าดู ส่วนป้าอายุ มากแล้ว กลัวจะเวียนเฮดและขยับแข้งขาไม่ถนัดเลยขอพักโรงแรมห้องสี่เหลี่ยมแนวราบท่าจะดีกว่า (Overblaak 70, 3011 MH Rotterdam, https://en.rotterdam.info/locations/kijk-kubus-1/)
Witte Huis (The White House)
ใครได้เห็น Witte Huis ก็คงจินตนาการได้ว่า ถ้า Rotterdam ไม่โดนทิ้งระเบิดจนระบม เมืองนี้จะสวยงามปานใด … Witte Huis หรือ The White House เป็นสมบัติของชาติเนเธอร์แลนด์ (National Heritage Site) ที่หลงเหลือจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกนี้ยังรั้งตำแหน่งตึกสูงแห่งแรกของยุโรป (สูง 10 ชั้น) ที่สร้างขึ้นประมาณปี 1898 อีกด้วยค่ะ
เช้าวันนี้หมอกหนาทึบ ฉันเดินลอดใต้ Cube House Rotterdam เพื่อไปเจอกับ Witte Huis ที่ขาวโพลนสมชื่อ ม่านหมอกสีขาวฟุ้งกระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศ ยิ่งมองก็ยิ่งสวยงามเมื่อมีภาพสะท้อนในลำน้ำและเหล่าเรือไม้เป็นองค์ประกอบในองศานี้ (Geldersekade 1, 3011 Rotterdam)
Maritime Museum
Rotterdam เป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์น่าชมหลายแห่ง แต่ฉันเลือกมาพิพิธภัณฑ์การเดินเรือแห่งนี้เพราะมีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปค่ะ … ทวีปที่ออกล่าอาณานิคมจนเกือบจะครอบครองโลกกลมๆใบนี้ย่อมมีหลายอย่างน่าศึกษา
เรานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินย้อนกลับไปยังสถานี Beurs (1 สถานีจาก Blaak) ตั๋วรายวันใช้ได้ทั้งรถแทรมและรถไฟฟ้าใต้ดิน และเย็นนี้พิพิธภัณฑ์เปิดถึง 5 โมง เรายังมีเวลาชมกัน 1 ชั่วโมง 30 นาทีนับจากนี้
ห้องแรกเป็น Simulator ให้เราได้เข้าไปสัมผัสกับชีวิตบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล บรรยากาศในห้องสมจริง ทั้งเสียงลมเสียงคลื่นรวมถึงภาพท้องทะเลเวิ้งว้างที่รายรอบตัวจนรู้สึกว่าจะเมาทะเลขึ้นมาจริงๆ จึงตัดสินใจลงลิฟท์ที่พาเราดำดิ่งไปยังใต้ทะเลลึกกว่า 300 เมตร (สมมุติ) ถือเป็น introduction เบาๆ ก่อนจะขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ที่ชั้น 2-3 ต่อไป
พิพิธภัณฑ์มีภาพวาดสีน้ำมันชิ้นสำคัญอยู่หลายชิ้น มีเรือเดินสมุทรจำลองให้ชมบ้าง รวมถึงการจัดแสดงศักยภาพทางทะเลของชาวดัชท์ และประวัติศาสตร์การเดินเรือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนกับชาติยุโรปอื่นๆ
ที่นี่ยังมีวิถีชีวิตของชาวดัชท์ผู้รักอิสระและการผญจภัยใน Boat House ให้ชมอีกด้วย …
Maritime Museum มีขนาดไม่ใหญ่นัก ข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้มีแค่ประวัติศาสตร์อย่างที่นึกไว้ในตอนแรก เพราะนอกจากชีวิตทันสมัยของ Boat House ก็ยังมีเรื่องราวบนเรือสำราญให้ชมกันอีก
หลังจากชมเสร็จ ฉันเดินเล่นอยู่รอบๆพิพิธภัณฑ์อีกสักพักและก็สะดุดตากับเวิ้งท่าเรือน้ำลึกที่อยู่ด้านหลัง … พระอาทิตย์กำลังตกดินอยู่ที่ปลายน้ำ ทำให้ภาพเรือทั้งหลายกลายเป็นเงาดำตัดกับท้องฟ้าสีทไวน์ไลท์สวยงามเหลือเกินค่ะ … ว่าแล้วก็สูดเอาลมหนาวที่สดชื่นเข้าปอดอีกฟอดใหญ่ก่อนจะกลับที่พักอย่างอิ่มเอมใจ (Leuvehaven 1, 3011 EA Rotterdam, อังคาร-เสาร์ 10.00-17.00 น. อาทิตย์ 11.00-17.00 น., ค่าตั๋ว 12.50 ยูโร, www.maritiemmuseum.nl/en)
Central Station
ชุมทางรถไฟหลักของ Rotterdam เพิ่งเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2014 หลังจากปิดปรับปรุงไปครั้งใหญ่ ดีไซน์รูปทรงสามเหลี่ยมชี้ขึ้นไปบนฟ้านี้ดูทันสมัยแต่ก็คลาสสิกอยู่ในที จุดเด่นของสถานีอยู่ที่ตัวหนังสือ ชื่อสถานีและนาฬิกาที่ติดอยู่ด้านหน้าเพราะเป็นของเก่าที่นำมาผสมกับดีไซน์ใหม่อย่างลงตัว แผงโซล่าของสถานีก็เป็นอีกไฮไลท์เพราะเป็นแผงโซล่าใหญ่ที่สุดของสถานีในทวีปยุโรปที่ช่วยประหยัดไฟไปได้เยอะ
ด้านในมี Tourist Information Center คอยให้ความช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีร้านอาหารและมินิซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดบริการตั้งแต่เช้าตรู่จนดึกดื่นรองรับนักเดินทางทั้งหลาย (ใครจะซื้อของในมินิซูเปอร์ต้องเตรียมบัตรเดบิตหรือเครดิตพร้อม Pin ส่วนตัว เครื่องแคชเชียร์ไม่รับเงินสดค่ะ) (Stationsplein 1 3013 AJ Rotterdam, www.rotterdamcentraal.nl)
Others
Rotterdam เป็นอีกเมืองที่ยังไม่อิ่มค่ะ ยังโหยหาที่จะไปชมอีกหลายสิ่ง เช่น Museum Boijmans van Beuningen, Miniworld Rotterdam และ Haven Museum และถึงแม้จะขับรถเที่ยวชม Euromast และ Erasmus Bridge อย่างผ่านตาแล้ว แต่ก็ยังมีแลนด์มาร์คอื่นที่อยากไป เช่น Delfshaven ที่หลายคนบอกว่าห้ามพลาด แต่เพราะเราไปถึงในยามค่ำจึงแทบไม่เห็นอะไรเลย …
Dudok
ก่อนอำลา Rotterdam ฉันฉลองเบรคฟาสต์แบบชาวดัชท์ที่ Dudok หนึ่งในร้านขึ้นชื่อที่เปิดบริการแต่เช้าตรู่ ภายในร้านเป็นห้องโถงเพดานสูงและใหญ่กว่าที่เห็นจากด้านนอก ตกแต่งอารมณ์ Brasserie สไตล์ฝรั่งเศสนิดๆ
จานแรกเป็นเมนูดัง Apple Pie กับวิปครีมสด ต่อกันด้วย Full Breakfast และเมนูไข่ปิดท้าย … อาหารรสชาติดีและไม่เลี่ยนนมเนยมากอย่างที่คิดไว้ เกือบทุกจานจะมีผักและผลไม้สดเน้น farmer product ที่ปลูกกันอย่างไร้สารเคมี ทุกเมนูหลักจะชีสอย่างที่คุณน้าเมือง Gouda บอกไว้ว่าคนดัชท์กินชีสกัน 3 เวลาจริงๆ ส่วนกาแฟ flat white และกาแฟดำก็เข้มข้นค่ะ Dudok เหมาะสมกับเป็นร้านอาหารเช้าดังของ Rotterdam อย่างแท้จริง (Meent 88, 3011 JP Rotterdam, 8.00-23.00 น., www.dudok.nl)
Premiere Suites PLUS Rotterdam
ที่พักของ Rotterdam ฉันเลือก Serviced Apartment เพราะสองคืนนี้อยากจะทำอาหารบ้านเราที่คิดถึงบ้างแล้ว (เที่ยวถึงวันที่ 4-5 ทีไร ใจคิดถึงอาหารไทยทุกทีค่ะ ^^)
Premiere Suites PLUS Rotterdam อยู่เยื้องๆกับ Central Station ดังนั้นจึงสะดวกสบายมาก ถ้าใครเดินทางด้วยรถไฟ ส่วนคนที่ขับรถก็วางใจได้เพราะด้านหลังโรงแรมมีที่จอดอย่างดีวันละ 20 ยูโรค่ะ
ห้องพักจัดวางเป็นสัดส่วนขนาดพอดี ไม่อึดอัด เปิดประตูห้องเข้าไปจะเจอกับห้องรับแขกก่อน โต๊ะกินข้าวสำหรับสองคน และมุมทำครัวอุปกรณ์ครบครัน
ถัดไปเป็นห้องน้ำขนาดกว้างกำลังดี ไม่ต้องตีศอกแย่งกันใช้อ่างล้างหน้าในตอนเช้า
ห้องนอนอยู่ถัดไปจากห้องน้ำ เตียงนอนใหญ่คิงส์ไซส์นุ่มสบาย (มาก) บานกระจกรอบห้องนอน เปิดให้เห็นวิวสถานี Central Station และตึกออฟฟิสข้างเคียง
Premire Suites PLUS Rotterdam เป็น Serviced Apartment ที่ได้มาตราฐานอย่างที่ตั้งใจไว้ สนนราคาก็ดีมากเช่นกัน สองคือจ่ายไปเพียง 240 ยูโร หรือคืนละ 4,800 บาทเท่านั้นค่ะ (Weena 710, 3014 DA Rotterdam, https://premiersuitesrotterdam.com)
Lobby & Facade
Living Room & Kitchen
Bathroom
Bedroom
31 Jan 2018
0 Comments
Rotterdam … เมืองล้ำสมัย ใหญ่อันดับสองของเนเธอร์แลนด์
เพียงหนึ่งชั่วโมงกว่าๆจาก Antwerp เราก็ถึง Rotterdam (รอตเทอร์ดาม) เมืองที่ 5 ของทริป เบ-เน-มันส์ แต่เป็นเมืองประเดิมของเนเธอร์แลนด์ค่ะ
ตอนขับรถข้ามประเทศฉันคาดหวังจะได้เห็นการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่เหมือนเวลาขับรถข้ามจังหวัด หวังจะเห็นซุ้มถนนหรือป้ายต้อนรับเป็นรูปกังหันอะไรอย่างเนี้ย แต่กลับเห็นเพียงป้ายเล็กๆ ไม่ต่างจากป้ายถนนว่า หมดเขตเบลเยี่ยมและกำลังเข้าสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้ว … จบข่าว
Rotterdam (รอตเทอร์ดาม) คือเมืองใหญ่อันดับสองของเนเธอร์แลนด์ มีประชากรประมาณหกแสนกว่าคน เป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญของยุโรป
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Rotterdam ถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากอง หรือที่เรียกกันว่า “Rotterdam Blitz” ดังนั้นเมืองที่เห็นในปัจจุบันจึงเป็นเมืองที่เนรมิตขึ้นใหม่ภายใน 70 กว่าปีเกือบทั้งสิ้น (https://en.rotterdam.info)
ที่พักสองคืนใน Rotterdam อยู่ตรงข้ามกับ Central Station นั่นหมายความว่าห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 20 นาทีถ้าคิดจะเดิน แต่ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเหน็บเข้ากระดูกดำ ฉันจึงไม่คิดจะเดินเลยสักนิด และเลือกนั่งรถแทรมไปสำรวจเมืองจากสถานี Central Station สาย 21 หรือ 24 ชานชลา C ไปลงสถานี Blaak ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ Rotterdam ด้วยตั๋วรายวัน (Day Trip) ในราคา 7.50 ยูโร/คน ในเวลาไม่ถึง 10 นาที
Markthal (Market Hall)
Markthal คือแลนด์มาร์คของเมือง ตลาดและออฟฟิสสำนักงานทันสมัยนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี 2009 ที่ลานกว้างใจกลางเมือง ปัจจุบันเป็นแหล่งร่วมร้านอาหารคาเฟ่ของ Rotterdam และเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
ภายใต้สถาปัตยกรรมหลังคาโค้งสูง 40 เมตรรูปตัวยูคว่ำ บรรจุร้านค้าและร้านอาหารกว่า 100 ร้าน ยังไม่นับซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่ชั้นใต้ดิน และตลาดกลางแจ้งที่ลานด้านหน้าซึ่งเต็มไปด้วยสินค้าหลากหลายในช่วงวันหยุด
Markthal สร้างด้วยหินธรรมชาติสีเทาเข้ม ด้านหน้าและหลังติดกระจกดูคล้ายบานหน้าต่างให้คนข้างนอกมองทะลุเข้าไปข้างในและยังช่วยปล่อยแสงธรรมชาติให้ส่องผ่านเข้ามา
ภายใต้หลังคาโค้งสูงนี้มีภาพศิลปะรูปผลไม้ ดอกไม้และเหล่าแมลงในช่วงฤดูร้อนสีสันสดใสของศิลปินดัง Arno Coenen … ฉันกินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารเวียดนามชั้น 2 เดินซื้อชีสที่ร้าน Cheese & More มาฝากเพื่อน ซื้อช้อกโกแลต์อร่อยมากินอีกสักหน่อย ก่อนจะออกมาถ่ายรูปเจิมกับ Markthal อย่างในภาพที่เห็นค่ะ (Achterklooster 7, 3011 RA, Rotterdam, ร้านอาหารและบาร์ 10.00-24.00 น., www.markthal.nl/en)
Architect & Sculpture
เพียงก้าวเท้าออกจากสถานี Blaak สถานีใจกลาง Rotterdam สิ่งที่เราจะเห็นก็คือสถาปัตยกรรมทันสมัยรายรอบตัว 360 องศา … หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 Rotterdam ก็สร้างเมืองใหม่โดยไม่คิดถึงรูปแบบเก่า คำนึงถึงความทันสมัยและดีไซน์แทนอดีต
ตึกอาคารในยุคสร้างเมืองจึงมีรูปทรงแปลกตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างที่เห็น ยังไม่นับรูปปั้น ชื่อดังที่ถูกจับวางอยู่ตามมุมเมืองเช่น Oil และ Santa with Butt Plug ทำให้เมืองใหญ่อันดับสองของเนเธอร์แลนด์เมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็นเมืองทันสมัยและ Futuristic ที่สุดของประเทศค่ะ
น่าเสียดายที่ฉันมีเวลาสำรวจ Rotterdam น้อยไป อดเดินตามหารูปปั้นตามที่วางแผนไว้ แต่แค่เพียง 1 วัน ก็ทำให้รู้สึกได้ว่าคนเมืองนี้เข้มแข็งและคิดต่างจากโลกภายนอกปานใด … สัญญาใจว่าจะกลับไปให้ได้อีกสักครั้ง
OIL ด้านหน้า Maritime Museum
Cube House Rotterdam (Kijk-Kubus)
เยื้องๆกับ Markthal ก็คือที่ตั้งของบ้านลูกบาศก์สีเหลืองสะดุดตาจนกลายเป็นจุดที่ผู้คนหลั่งไหลมาถ่ายรูปอีกแห่งของ Rotterdam ไอเดียบ้านลูกบาศก์เอียง 45 องศานี้เป็นความคิดของสถาปิกชาวดัชท์ผู้ล่วงลับ Piet Blom
บ้านลูกบาศก์นี้เป็น Hostel ให้เข้าพักได้จริง และหนึ่งในนั้นยังเปิดให้เข้าชมภายในอีกด้วยค่ะ (มีค่าตั๋ว) น้องๆ หลานๆ วัยรุ่นทั้งหลายคงอยากจะลองเข้าไปพักกันสักคืน ประสบการณ์เอียงๆนี้น่าสนุกน่าดู ส่วนป้าอายุ มากแล้ว กลัวจะเวียนเฮดและขยับแข้งขาไม่ถนัดเลยขอพักโรงแรมห้องสี่เหลี่ยมแนวราบท่าจะดีกว่า (Overblaak 70, 3011 MH Rotterdam, https://en.rotterdam.info/locations/kijk-kubus-1/)
Witte Huis (The White House)
ใครได้เห็น Witte Huis ก็คงจินตนาการได้ว่า ถ้า Rotterdam ไม่โดนทิ้งระเบิดจนระบม เมืองนี้จะสวยงามปานใด … Witte Huis หรือ The White House เป็นสมบัติของชาติเนเธอร์แลนด์ (National Heritage Site) ที่หลงเหลือจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ตึกนี้ยังรั้งตำแหน่งตึกสูงแห่งแรกของยุโรป (สูง 10 ชั้น) ที่สร้างขึ้นประมาณปี 1898 อีกด้วยค่ะ
เช้าวันนี้หมอกหนาทึบ ฉันเดินลอดใต้ Cube House Rotterdam เพื่อไปเจอกับ Witte Huis ที่ขาวโพลนสมชื่อ ม่านหมอกสีขาวฟุ้งกระจายอยู่ในชั้นบรรยากาศ ยิ่งมองก็ยิ่งสวยงามเมื่อมีภาพสะท้อนในลำน้ำและเหล่าเรือไม้เป็นองค์ประกอบในองศานี้ (Geldersekade 1, 3011 Rotterdam)
Maritime Museum
Rotterdam เป็นแหล่งรวมพิพิธภัณฑ์น่าชมหลายแห่ง แต่ฉันเลือกมาพิพิธภัณฑ์การเดินเรือแห่งนี้เพราะมีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรปค่ะ … ทวีปที่ออกล่าอาณานิคมจนเกือบจะครอบครองโลกกลมๆใบนี้ย่อมมีหลายอย่างน่าศึกษา
เรานั่งรถไฟฟ้าใต้ดินย้อนกลับไปยังสถานี Beurs (1 สถานีจาก Blaak) ตั๋วรายวันใช้ได้ทั้งรถแทรมและรถไฟฟ้าใต้ดิน และเย็นนี้พิพิธภัณฑ์เปิดถึง 5 โมง เรายังมีเวลาชมกัน 1 ชั่วโมง 30 นาทีนับจากนี้
ห้องแรกเป็น Simulator ให้เราได้เข้าไปสัมผัสกับชีวิตบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล บรรยากาศในห้องสมจริง ทั้งเสียงลมเสียงคลื่นรวมถึงภาพท้องทะเลเวิ้งว้างที่รายรอบตัวจนรู้สึกว่าจะเมาทะเลขึ้นมาจริงๆ จึงตัดสินใจลงลิฟท์ที่พาเราดำดิ่งไปยังใต้ทะเลลึกกว่า 300 เมตร (สมมุติ) ถือเป็น introduction เบาๆ ก่อนจะขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ที่ชั้น 2-3 ต่อไป
พิพิธภัณฑ์มีภาพวาดสีน้ำมันชิ้นสำคัญอยู่หลายชิ้น มีเรือเดินสมุทรจำลองให้ชมบ้าง รวมถึงการจัดแสดงศักยภาพทางทะเลของชาวดัชท์ และประวัติศาสตร์การเดินเรือการต่อสู้เพื่อแย่งชิงดินแดนกับชาติยุโรปอื่นๆ
ที่นี่ยังมีวิถีชีวิตของชาวดัชท์ผู้รักอิสระและการผญจภัยใน Boat House ให้ชมอีกด้วย …
Maritime Museum มีขนาดไม่ใหญ่นัก ข้อมูลในพิพิธภัณฑ์ไม่ได้มีแค่ประวัติศาสตร์อย่างที่นึกไว้ในตอนแรก เพราะนอกจากชีวิตทันสมัยของ Boat House ก็ยังมีเรื่องราวบนเรือสำราญให้ชมกันอีก
หลังจากชมเสร็จ ฉันเดินเล่นอยู่รอบๆพิพิธภัณฑ์อีกสักพักและก็สะดุดตากับเวิ้งท่าเรือน้ำลึกที่อยู่ด้านหลัง … พระอาทิตย์กำลังตกดินอยู่ที่ปลายน้ำ ทำให้ภาพเรือทั้งหลายกลายเป็นเงาดำตัดกับท้องฟ้าสีทไวน์ไลท์สวยงามเหลือเกินค่ะ … ว่าแล้วก็สูดเอาลมหนาวที่สดชื่นเข้าปอดอีกฟอดใหญ่ก่อนจะกลับที่พักอย่างอิ่มเอมใจ (Leuvehaven 1, 3011 EA Rotterdam, อังคาร-เสาร์ 10.00-17.00 น. อาทิตย์ 11.00-17.00 น., ค่าตั๋ว 12.50 ยูโร, www.maritiemmuseum.nl/en)
Central Station
ชุมทางรถไฟหลักของ Rotterdam เพิ่งเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2014 หลังจากปิดปรับปรุงไปครั้งใหญ่ ดีไซน์รูปทรงสามเหลี่ยมชี้ขึ้นไปบนฟ้านี้ดูทันสมัยแต่ก็คลาสสิกอยู่ในที จุดเด่นของสถานีอยู่ที่ตัวหนังสือ ชื่อสถานีและนาฬิกาที่ติดอยู่ด้านหน้าเพราะเป็นของเก่าที่นำมาผสมกับดีไซน์ใหม่อย่างลงตัว แผงโซล่าของสถานีก็เป็นอีกไฮไลท์เพราะเป็นแผงโซล่าใหญ่ที่สุดของสถานีในทวีปยุโรปที่ช่วยประหยัดไฟไปได้เยอะ
ด้านในมี Tourist Information Center คอยให้ความช่วยเหลือ นักท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีร้านอาหารและมินิซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดบริการตั้งแต่เช้าตรู่จนดึกดื่นรองรับนักเดินทางทั้งหลาย (ใครจะซื้อของในมินิซูเปอร์ต้องเตรียมบัตรเดบิตหรือเครดิตพร้อม Pin ส่วนตัว เครื่องแคชเชียร์ไม่รับเงินสดค่ะ) (Stationsplein 1 3013 AJ Rotterdam, www.rotterdamcentraal.nl)
Others
Rotterdam เป็นอีกเมืองที่ยังไม่อิ่มค่ะ ยังโหยหาที่จะไปชมอีกหลายสิ่ง เช่น Museum Boijmans van Beuningen, Miniworld Rotterdam และ Haven Museum และถึงแม้จะขับรถเที่ยวชม Euromast และ Erasmus Bridge อย่างผ่านตาแล้ว แต่ก็ยังมีแลนด์มาร์คอื่นที่อยากไป เช่น Delfshaven ที่หลายคนบอกว่าห้ามพลาด แต่เพราะเราไปถึงในยามค่ำจึงแทบไม่เห็นอะไรเลย …
Dudok
ก่อนอำลา Rotterdam ฉันฉลองเบรคฟาสต์แบบชาวดัชท์ที่ Dudok หนึ่งในร้านขึ้นชื่อที่เปิดบริการแต่เช้าตรู่ ภายในร้านเป็นห้องโถงเพดานสูงและใหญ่กว่าที่เห็นจากด้านนอก ตกแต่งอารมณ์ Brasserie สไตล์ฝรั่งเศสนิดๆ
จานแรกเป็นเมนูดัง Apple Pie กับวิปครีมสด ต่อกันด้วย Full Breakfast และเมนูไข่ปิดท้าย … อาหารรสชาติดีและไม่เลี่ยนนมเนยมากอย่างที่คิดไว้ เกือบทุกจานจะมีผักและผลไม้สดเน้น farmer product ที่ปลูกกันอย่างไร้สารเคมี ทุกเมนูหลักจะชีสอย่างที่คุณน้าเมือง Gouda บอกไว้ว่าคนดัชท์กินชีสกัน 3 เวลาจริงๆ ส่วนกาแฟ flat white และกาแฟดำก็เข้มข้นค่ะ Dudok เหมาะสมกับเป็นร้านอาหารเช้าดังของ Rotterdam อย่างแท้จริง (Meent 88, 3011 JP Rotterdam, 8.00-23.00 น., www.dudok.nl)
Premiere Suites PLUS Rotterdam
ที่พักของ Rotterdam ฉันเลือก Serviced Apartment เพราะสองคืนนี้อยากจะทำอาหารบ้านเราที่คิดถึงบ้างแล้ว (เที่ยวถึงวันที่ 4-5 ทีไร ใจคิดถึงอาหารไทยทุกทีค่ะ ^^)
Premiere Suites PLUS Rotterdam อยู่เยื้องๆกับ Central Station ดังนั้นจึงสะดวกสบายมาก ถ้าใครเดินทางด้วยรถไฟ ส่วนคนที่ขับรถก็วางใจได้เพราะด้านหลังโรงแรมมีที่จอดอย่างดีวันละ 20 ยูโรค่ะ
ห้องพักจัดวางเป็นสัดส่วนขนาดพอดี ไม่อึดอัด เปิดประตูห้องเข้าไปจะเจอกับห้องรับแขกก่อน โต๊ะกินข้าวสำหรับสองคน และมุมทำครัวอุปกรณ์ครบครัน
ถัดไปเป็นห้องน้ำขนาดกว้างกำลังดี ไม่ต้องตีศอกแย่งกันใช้อ่างล้างหน้าในตอนเช้า
ห้องนอนอยู่ถัดไปจากห้องน้ำ เตียงนอนใหญ่คิงส์ไซส์นุ่มสบาย (มาก) บานกระจกรอบห้องนอน เปิดให้เห็นวิวสถานี Central Station และตึกออฟฟิสข้างเคียง
Premire Suites PLUS Rotterdam เป็น Serviced Apartment ที่ได้มาตราฐานอย่างที่ตั้งใจไว้ สนนราคาก็ดีมากเช่นกัน สองคือจ่ายไปเพียง 240 ยูโร หรือคืนละ 4,800 บาทเท่านั้นค่ะ (Weena 710, 3014 DA Rotterdam, https://premiersuitesrotterdam.com)
Lobby & Facade
Living Room & Kitchen
Bathroom
Bedroom
Related Posts: