เที่ยวพนมเปญ (ตอน 2)

อากาศยามเช้าในวันที่ฤดูร้อนเพิ่งเริ่มต้นของพนมเปญ อุณหภูมิอยู่ที่ 25 องศา เราออกไปเดินเล่นตรงสวนสาธารณะหน้าโรงแรม มองพนมเปญไปรอบๆด้าน ตึกสูงเสียดฟ้าในเมืองนี้ยังมีน้อย น่าจะทำให้สายลมจึงโกรกเย็นสบายตลอดทั้งวัน พื้นถนนเช้านี้สะอาดสะอ้าน พนักงานคงขยันกวาดกันตั้งแต่รุ่งสาง ระหว่างทางมีป้ายรณรงค์เรื่องความสะอาดติดทั่วเมือง สอนให้ทิ้งถังขยะแยกชนิดก็มีให้เห็นประปราย


จุดท่องเที่ยวสำคัญในพนมเปญสำหรับคนที่มาครั้งแรกนั้นมีอยู่ไม่กี่แห่ง หลายแห่งก็คล้ายคลึงกับที่ท่องเที่ยวในไทย และลาว คงเพราะมีพื้นฐานวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน เราใช้เวลาเที่ยวพนมเปญอย่างไม่รีบร้อน ทัวร์ที่ควรจะจบภายในหนึ่งวัน ก็เลยกลายเป็น 3 วันชิลๆ แต่นั่นก็ทำให้เราได้สำรวจเมืองหลวงแห่งนี้ในหลายวิธี ทั้งเดินเท้า นั่งรถตุ๊กตุ๊ก และ Private Tour

Sisowath Quay

จากโรงแรม เราเดินผ่านวัดพนม ลัดเลาะตามถนนมุ่งไปสู่โตนเลสาบ แม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านพนมเปญคู่ขนานกับแม่น้ำโขง เพื่อไปเดินเล่นที่ Sisowath Quay ทางเดินริมน้ำสาธารณะยาวกว่า 3 กิโลเมตร ชาวเมืองพนมเปญมานั่งผ่อนคลายกันในช่วงเย็น บ้างก็เล่นกีฬาพื้นบ้าน บางกลุ่มก็จับตัวกันกินอาหารริมแม่น้ำ แต่ทางเท้าข้างหน้าก็ยังสะอาดสะอ้าน คนคงทิ้งขยะกันเป็นที่เป็นทาง แนวต้นปาล์มสูงปลูกยาวตามทางเดิน ทำให้ Sisowath Quay ดูทันสมัย แต่จริงๆแล้วยังสงบ และเป็นธรรมชาติมาก ถ้าเทียบกับสีสันริมน้ำของเมืองใหญ่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มา หลายคนจะลงเรือล่องแม่น้ำที่ออกจากท่าถี่ในช่วงเย็นๆ ชมพระอาทิตย์ตกดิน ล่องผ่านพระมหาราชวัง และผ่านความเจริญของพนมเปญที่กำลังเฟื่องฟูขึ้นทุกวันๆ 

Central Market

ถ้าเราจินตนาการตลาดกลางของประเทศต่างๆในเอเชีย ก็จะนึกถึงตลาดสด หรือตลาดนัดที่อากาศร้อนอ้าว พื้นเฉอะแฉะ แต่ Central Market ของพนมเปญลบภาพนั้นโดยสิ้นเชิงค่ะ เริ่มตั้งแต่รูปแบบที่ยังดูร่วมสมัย ทั้งๆที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1937

รูปทรงภายนอกของตลาดจะคล้ายโครงสร้างของอะตอม มีโดมสีขาวกลมอยู่ตรงกลาง และขายาวแยกออกเป็น 4 แฉก ภายในแบ่งเป็นโซนขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ เครื่องไฟฟ้า และอาหาร ใต้โดมมีหอนาฬิกาเป็นศูนย์กลางของตลาด อากาศภายในถ่ายเทได้ดีเพราะมีอิฐบล็อกเปิดเป็นช่องลม พื้นทางเดินก็สะอาดสะอ้าน สินค้าที่ขายใกล้เคียงกับตลาดนัดของบ้านเรา โซนที่ตื่นตาตื่นใจ ก็จะเป็นส่วนของร้านอาหารที่ดูน่ากินอยู่หลายร้านเลย

 

Royal Palace & Silver Pagoda

พระราชวังหลวงของกัมพูชา สร้างขึ้นระหว่างปี 1866 – 1870 โดยพระเจ้านโรดม กษัตริย์ของกัมพูชาในขณะนั้น พระราชวังหลวงตั้งอยู่จุดที่บรรจบของแม่น้ำโตนแลสาบและแม่น้ำโขง ภายในแบ่งเป็นพระที่นั่งและห้องพิธีการต่างๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวดูได้แต่เพียงภายนอก ช่วงที่ไปกำลังมีการปิดบูรณะบางส่วน ประกอบกับไม่มีร่มไม้ เราเลยเดินชมเพียงไม่นาน ก็ตัดสินใจหลบแดดไปสักการะพระแก้วมรกตในวัดพระแก้วที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน วัดพระแก้วมรกต หรือที่รู้จักกันอีกชื่อในนามของวิหารเงิน (Silver Pagoda) เพราะภายในวิหารปูพื้นด้วยแผ่นเงินกว่า 5,000 แผ่น (ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป) บริเวรรอบๆ ยังมีภาพวาดฝาผนังเรื่องราวของรามเกียรติ์ฝีมือของช่างชาวเขมรที่สวยงาม และสถูปสูงบรรจุอัฐิธาตุของกษัตริย์กัมพูชา (ค่าเข้า 10 ดอลล่าห์/คน และแต่งตัวให้เรียบร้อย)

 

The National Museum

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกัมพูชาตั้งอยู่ใกล้ๆกับพระราชวังหลวง สร้างคล้ายบ้านจั่วสูงทาด้วยสีแดงฝาดสะดุดตา ภายในจัดวางวัตถุโบราณ ภาพแกะสลัก และเล่าเรื่องราวในอดีตของกัมพูชา รวมถึงโบราณวัตถุจากนครวัด นครธม ที่หมุนเวียนกันออกมาจัดแสดงให้ผู้ที่สนใจได้ชม ภายในไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ จึงถ่ายรูปกันตรงสวนกลางของพิพิธภัณฑ์ไว้เป็นที่ระลึก

การเดินทางในพนมเปญ

มาถึงตรงนี้หลายคนคงมีคำถาม ถึงวิธีการเที่ยวพนมเปญด้วยตัวเอง เพราะเมืองนี้ยังไม่มีระบบขนส่งสาธารณะ คำตอบของเราก็คือเลือกวิธีการเดินทางจากระยะทางเป็นหลักค่ะ ถ้าสถานที่ที่จะไปอยู่ใกล้ เราก็เดินเท้า ถนนเส้นหลักในพนมเปญมีทางเท้าให้เดิน ระวังพวกรถมอเตอร์ไซด์และรถยนต์ตรงทางข้ามถนน เพราะรถไม่หยุดให้คนข้ามทางม้าลายคล้ายกับบ้านเรา ช่วงที่เดินก็ระวังกระเป๋าสตางค์และกล้องให้ดี แต่รวมๆก็รู้สึกปลอดภัยไม่ได้สัมผัสถึงอันตรายอะไรค่ะ

แต่ถ้าเราจะไปร้านอาหาร หรือเที่ยวที่ไกลออกไปหน่อย เราจะเรียก Grab จากแอพในมือถือ ซึ่งก็ใช้แอพเดียวกับบ้านเรานี่แหล่ะค่ะ ก่อนเรียกก็ผูกบัตรเครดิตให้เรียบร้อย จะได้สะดวกสบายตอนจ่ายเงิน หลังจากนั้นก็ระบุจุดรับและส่ง ซึ่งมีให้เลือกเป็นภาษาอังกฤษ แอพก็จะส่งราคารถเก๋ง รถตุ๊กๆ หรือ Van ว่าเป็นราคากี่เรียล (ส่วนใหญ่อยู่ประมาณ 12,000 – 18,000 เรียล ก็ร้อยกว่าบาทไทย) เราเลือกขนาดของรถ และอีกไม่นาน รถก็จะมารับตามจุดที่เราระบุไว้ ง่ายและสะดวกสบายมากค่ะ