วังเวียงเป็นเมืองเล็กๆของลาวที่มีชื่อเสียงเรื่องความงดงามทางธรรมชาติ เช่นเดียวกับความโด่งดังของการเป็นเมืองหลวงของเหล่า Backpacker นักท่องเที่ยววัยรุ่นชาวต่างชาติถูกอกถูกใจ
เมื่อก่อน การเดินทางมาวังเวียงยากค่อนข้างลำบาก ใช้เวลานาน เพราะถนนหนทางไม่ดี แต่ยุคนี้มีทั้งรถไฟความเร็วสูง และทางด่วน วังเวียงจึงไม่วังเวงอีกต่อไป พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกวันๆ
วังเวียงอยู่ที่ไหน?
วังเวียงตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเวียงจันทน์ และหลวงพระบาง ใครที่อยากเที่ยวลาว เราแนะนำเส้นทางนี้ โดยเริ่มจากเวียงจันทน์ มาวังเวียง และจบที่หลวงพระบาง คุณจะได้รู้จักกับเมืองหลวงของ สปป. ลาว ต่อด้วยเมืองแห่งธรรมชาติ และจบด้วยเมืองแห่งวัฒนธรรมที่หลวงพระบาง (การเดินทางมาวังเวียงอ่านได้ที่ EP 1 และรถไฟความเร็วสูงของลาว EP 4)
ชื่อเสียงของวังเวียง
วังเวียงมีภูมิประเทศที่สวยงาม มีภูเขาหินปูนสูงใหญ่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน โผล่ขึ้นบนพื้นที่ราบของเมือง ดูแล้วก็เหมือนใครหยิบเอาหินใหญ่ๆมาวางไว้ และวาดตรงกลางไว้ด้วยแม่น้ำซองที่เย็นใจและใสสะอาด เมื่อสองธรรมชาติหลอมรวมกันวังเวียงจึงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เรารู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่ดิบและสด ที่หลายคนเปรียบให้เป็นดังกุ้ยหลินของลาว
เที่ยวไหนในวังเวียง?
กิจกรรมส่วนใหญ่ในวังเวียงเน้นการออกแรงแขนและขา ใครที่มีร่างกายฟิต ก็น่าจะถูกใจกับเมืองนี้ แต่คนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติอย่างชิลๆก็อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เพราะเราเที่ยวแบบสมดุลได้ แล้วก็สนุกเสียด้วย
ถ้ำจัง
ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองวังเวียง เราเลยมาเที่ยวเป็นที่แรก เมื่อก่อนมีสะพานสีส้มเป็นเอกลักษณ์ แต่หลังจากฤดูฝนของปีนี้ น้ำพัดสะพานส้มพังลง ชาวบ้านเลยเปลี่ยนเป็นนั่งเรือข้ามฟากแทน ถ้ำจังตั้งอยู่ภายในภูเขาหินปูน สูงจากพื้นหลายสิบเมตร แต่มีบันไดให้เดินขึ้นไปประมาณร้อยกว่าขั้น และก็ไม่ได้ชันมาก เดินแค่ 5-10 นาทีก็ถึงหน้าปากถ้ำแล้ว ภายในถ้ำมีทางเดินแยกไปซ้ายและขวา จะไปทางไหนก่อนก็ได้ เพราะสุดท้ายก็จะเป็นทางตัน หินงอก หินย้อยในถ้ำก็สวยดีค่ะ สะอาดและติดไฟสว่างไม่น่ากลัว แต่เราเป็นคนที่กลัวที่แคบ เลยใช้เวลาชมสัก 15 นาทีก็กลับออกมาสูดอากาศหน้าถ้ำและชมวิวของเมืองวังเวียงแล้ว
บลู ลากูน (Blue Lagoon)
ถัดจากถ้ำจัง ตุ้ย โชเฟอร์ของเรา (ที่ลาวเรียกโชเฟอร์) ก็ขับพามาเที่ยว Blue Lagoon ที่อยู่นอกเมืองกันต่อ บ่อน้ำสีมรกตนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20-30 นาที บลู ลากูน ที่วังเวียงมีอยู่หลายสระ แต่วันนี้จะพาไปชม 2 สระ ซึ่งก็คือ Blue Lagoon 1 ที่โด่งดังเรื่องความพลุกพล่าน แต่ก็เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ในขณะที่ Blue Lagoon 2 มีชื่อเสียงด้านธรรมชาติและความเงียบสงบ ทั้ง 2 แห่งอยู่ไม่ไกลจากกัน ตุ้ยเลยขับรถไปให้เราดูทั้งสองสระ วันนี้น้ำในสระเป็นสีเขียวมากกว่าสีฟ้ามรกต น้ำใสสะอาด บลูลากูน 1 มีปลาเยอะมาก ความสะอาดถือว่าพอใช้ได้ แต่เราไม่ได้ตั้งใจมาเล่นน้ำอยู่แล้วค่ะ ปล่อยความสนุกนี้ให้เป็นของเด็กๆและวัยรุ่นต่างชาติดีกว่า
บลู ลากูน 1
บลู ลากูน 2
คายักในแม่น้ำซอง
แม่น้ำซองมีกิจกรรมยอดนิยมอยู่ 2 อย่าง คือ นั่งห่วงยาง (Tubing) และ พายเรือคายัก แน่นอนว่าเราเลือกกิจกรรมสบายๆด้วยการพายคายักลำใหญ่ พร้อมกับไกด์ที่ช่วยพายอยู่ท้ายเรือ ได้นั่งชิลๆ ล่องแม่น้ำซองประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ช่วงน้ำเชี่ยวก็พอมีเสียงกรี๊ดเบาๆให้สนุกสนาน ส่วนวัยรุ่นฝรั่ง ก็จะเลือกนั่งห่วงยางกันเป็นส่วนใหญ่ ปล่อยตัวให้ไหลไปตามสายน้ำ บางคนมาเป็นคู่ บางคนก็มาเป็นกลุ่ม ระหว่างทางก็มีร้านอาหารขายเครื่องดื่ม เปิดเพลงเสียงดังสนั่น จะว่าสนุกก็สนุก แต่ก็หนวกหูอยู่เหมือนกัน ถามถึงความปลอดภัย ก็บอกตรงๆว่านั่งห่วงยาง ก็มีอันตรายอยู่ ใครจะเล่นกิจกรรมนี้ควรจะสวมชูชีพ และถ้าช่วงน้ำหลากไม่ควรลงเด็ดขาด เพราะโค้งน้ำแต่ละโค้ง น้ำจะแรงและมีน้ำวน เคยมีฝรั่งเสียชีวิต จนทำให้กิจกรรมนั่งห่วงยางต้องปิดไปพักใหญ่เลยค่ะ
ตลาดเช้า
คนตื่นเช้าและอยากสัมผัสชีวิตชาววังเวียง ก็ลองไปเดินเล่นที่ตลาดเช้าดูค่ะ ตลาดเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสายๆ ผัก ผลไม้ และอาหารที่ขายก็ใกล้เคียงกับตลาดในถิ่นอีสานบ้านเรา แต่ที่ต่างก็คือวิว ที่บางมุมเห็นภูเขาหินปูนสวยและธรรมชาติดี
สะพานแขวนสีน้ำเงินและถ้ำนางฟ้า
สาย adventure ต้องเลิฟที่นี่มาก เพราะนอกจากจะมีสะพานสีฟ้าให้ถ่ายรูป และถ้ำนางฟ้าแล้ว ที่นี่ยังเป็นเหมือน Club House ที่มีกิจกรรมเยอะแยะ ทั้ง Zip Line สระว่ายน้ำ Water Cave หรือลอดถ้ำน้ำ สะพานแขวน และยังมีร้านอาหารให้บริการด้วย เสียดายที่เราแวะมาแค่ช่วงสั้นๆ เลยได้ชมแค่ถ้ำนางฟ้า รอบหน้าถ้าต้องมาอีก จะแวะมาลอง Zip Line ดูสักครั้ง
ขึ้นบอลลูนชมวิว
ก่อนไปวังเวียง ก็ตั้งใจจะขึ้นบอลลูน แต่ลุงรั้งเอาไว้บอกไม่ชัวร์กลัวความปลอดภัย เลยอดไปค่ะ บอลลูนในวังเวียงมีอยู่ 2 จุด จุดแรกชมวิวเมืองและแม่น้ำซอง ให้บริการโดยบริษัทของลาว และอีกจุดชมวิวแบบธรรมชาติ ที่ไม่ต้องเหนื่อยปีนเขาขึ้นไปเอง บริษัทที่ให้บริการตรงนี้เป็นของฝรั่งเศสค่ะ แต่ถึงแม้จะอดขึ้นบอลลูน ห้องพักของ Amari Hotel กลับเห็นบอลลูนทั้งสองจุด ในช่วงเวลาเช้า และเย็น เห็นใกล้ขนาดนี้ก็จินตนาการเหมือนได้ขึ้นเอง อิ่มอกอิ่มใจอยู่เหมือนกันค่ะ (ตั๋วขึ้นบอลลูนจองผ่านเอเจ้นได้)
นอกจากกิจกรรมที่เล่ามา วังเวียงยังมีชื่อเสียงด้านการปีนเขา เช่น ผาเงิน หรือผาหนามไซ ที่มีมอเตอร์ไซด์และธงลาวอยู่บนยอดนั่นแหล่ะ หนุ่มสาวที่ฟิต ควรจัดกันไปสักผาสองผา ทุกคนบอกว่าวิวที่เห็นคุ้มค่ากับความเหนื่อยค่ะ
กินอะไรดี?
เวียงธารา
นอกจากจะเป็นที่พักที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของวังเวียงแล้ว เวียงธารายังเป็นร้านอาหารที่วิวดีที่สุดอีกด้วยค่ะ เที่ยงนี้เราสั่งไส้อั่วและชุดส้มตำลาวมากิน โต๊ะที่จองวิวพันล้านมาก หันหน้าออกสู่นาข้าวสีเหลืองทอง เห็นแนวเขาหินปูนที่สวยงามดังภาพวาด อาหารที่เวียงธาราอร่อย รสแซ่บ บริการดี แต่เป็นราคาของนักท่องเที่ยว จะสูงกว่าร้านอาหารทั่วไปและคิดราคาเป็นเหรียญสหรัฐค่ะ ถ้าอยากมากินที่นี่ แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า และอาจจะมีมัดจำค่ะ สอบถามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/ViengTaraResort
Naked Expresso Vang Vieng
สำหรับคอกาแฟ สายคาเฟ่ เราก็มีแนะนำอยู่ 1 ร้านถ้วน Naked Expresso ตั้งอยู่บนถนนสายหลักของเหล่าโรงแรมใหญ่ริมแม่น้ำ ลุงแวะมาจิบกาแฟที่นี่ และเราก็สั่งชีสเค้กเสาวรส ทั้งกาแฟ และเค้กผ่านเลยค่ะ ร้านก็แต่งได้โปร่ง และเท่ ใครอยากมาชิม ก็ไม่ต้องห่วงนะ หาง่ายมาก เพราะสีเหลืองมัสตาร์ดของป้ายร้านสะดุดทุกคู่สายตาแน่นอน https://www.facebook.com/nakedvangvieng/?locale=th_TH
พักที่ไหน?
วังเวียงมีที่พักตั้งแต่ Hostel ไปจนถึงโรงแรมใหญ่ เลือกกันได้ตามงบประมาณและความชอบ เราเลือก Amari Hotel เพราะชอบห้องพักบนตึก กับการบริการที่ได้มาตรฐาน เวลาไปเที่ยวเมืองเล็กๆ เรามักเลือกโรงแรมที่มีชื่อเสียงไว้ใจได้ และก็ไม่ผิดหวังค่ะ ห้องนอน One Bedroom Suites มีขนาดใหญ่สะอาดสะอ้าน ห้องรับแขกแยกกับห้องนอน แถมยังมีครัวเล็กๆอีก เฉลียงห้องก็วิวดีมาก ให้เอบวก เพราะเห็นแม่น้ำซองไหลยาวเป็นโค้งสวยงาม เช่นเดียวกับภูเขาหินปูนที่สูงตระหง่านอยู่ตรงหน้า ตอนเย็นจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วย ส่วนตอนเช้าวิวสวยถูกใจ มีบอลลูนมาเคาะเรียกอยู่หน้าประตูห้อง วิวดีเสียจนทั้งสองคืน เราไม่ออกไปกินข้าวข้างนอกเลย สั่งและซื้ออาหารเข้ามากินในห้อง และใช้เวลาดื่มด่ำอยู่ตรงเฉลียง จิบไวน์ กับแช่ตัวในอ่างอาบน้ำที่เห็นวิวของวังเวียงเต็มตา (One Bedroom Suites คืนละ 5,500 – 6,000 บาท https://www.amari.com/vang-vieng)
อาหารเช้าที่ Amari Vang Vieng
การเดินทางในวังเวียงหล่ะ?
ถนนในวังเวียงลาดยางเฉพาะเส้นหลักซึ่งมีไม่กี่เส้น ถนนที่วิ่งไปตามแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยเป็นถนนลูกรังที่ฝุ่นคลุ้งเช่นเดียวกับหลุมและบ่อ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั่งรถสองแถวไม่ติดแอร์ กระแทกเอาๆ พร้อมกับเสียงกรี๊ดร้องเบาๆ บางส่วนก็เช่า ATV ขับฝ่าฝุ่นและไอแดด ดูมันส์ดี หรือใครชอบความอึดหน่อย ก็ใช้วิธีเดินเท้าท่ามกลางไอแดด แต่ถ้าใครรักความสบายอย่างสองเรา ก็หารถตู้เช่าค่ะ เราเช่ากับ Discover Laos พร้อมคนขับเลยเดินทางสบาย แอร์เย็น และไม่ต้องเจอกับฝุ่นเลย
ถ่ายรูปกับตุ้ย โชเฟอร์ดูแลเราอย่างดีตลอดทริป
24 Nov 2023
0 Comments
ตอนห้า : วังเวียงที่ไม่วังเวง
วังเวียงเป็นเมืองเล็กๆของลาวที่มีชื่อเสียงเรื่องความงดงามทางธรรมชาติ เช่นเดียวกับความโด่งดังของการเป็นเมืองหลวงของเหล่า Backpacker นักท่องเที่ยววัยรุ่นชาวต่างชาติถูกอกถูกใจ
เมื่อก่อน การเดินทางมาวังเวียงยากค่อนข้างลำบาก ใช้เวลานาน เพราะถนนหนทางไม่ดี แต่ยุคนี้มีทั้งรถไฟความเร็วสูง และทางด่วน วังเวียงจึงไม่วังเวงอีกต่อไป พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้นทุกวันๆ
วังเวียงอยู่ที่ไหน?
วังเวียงตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างเวียงจันทน์ และหลวงพระบาง ใครที่อยากเที่ยวลาว เราแนะนำเส้นทางนี้ โดยเริ่มจากเวียงจันทน์ มาวังเวียง และจบที่หลวงพระบาง คุณจะได้รู้จักกับเมืองหลวงของ สปป. ลาว ต่อด้วยเมืองแห่งธรรมชาติ และจบด้วยเมืองแห่งวัฒนธรรมที่หลวงพระบาง (การเดินทางมาวังเวียงอ่านได้ที่ EP 1 และรถไฟความเร็วสูงของลาว EP 4)
ชื่อเสียงของวังเวียง
วังเวียงมีภูมิประเทศที่สวยงาม มีภูเขาหินปูนสูงใหญ่รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน โผล่ขึ้นบนพื้นที่ราบของเมือง ดูแล้วก็เหมือนใครหยิบเอาหินใหญ่ๆมาวางไว้ และวาดตรงกลางไว้ด้วยแม่น้ำซองที่เย็นใจและใสสะอาด เมื่อสองธรรมชาติหลอมรวมกันวังเวียงจึงมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เรารู้สึกเหมือนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่ดิบและสด ที่หลายคนเปรียบให้เป็นดังกุ้ยหลินของลาว
เที่ยวไหนในวังเวียง?
กิจกรรมส่วนใหญ่ในวังเวียงเน้นการออกแรงแขนและขา ใครที่มีร่างกายฟิต ก็น่าจะถูกใจกับเมืองนี้ แต่คนที่ชอบเที่ยวธรรมชาติอย่างชิลๆก็อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนี เพราะเราเที่ยวแบบสมดุลได้ แล้วก็สนุกเสียด้วย
ถ้ำจัง
ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองวังเวียง เราเลยมาเที่ยวเป็นที่แรก เมื่อก่อนมีสะพานสีส้มเป็นเอกลักษณ์ แต่หลังจากฤดูฝนของปีนี้ น้ำพัดสะพานส้มพังลง ชาวบ้านเลยเปลี่ยนเป็นนั่งเรือข้ามฟากแทน ถ้ำจังตั้งอยู่ภายในภูเขาหินปูน สูงจากพื้นหลายสิบเมตร แต่มีบันไดให้เดินขึ้นไปประมาณร้อยกว่าขั้น และก็ไม่ได้ชันมาก เดินแค่ 5-10 นาทีก็ถึงหน้าปากถ้ำแล้ว ภายในถ้ำมีทางเดินแยกไปซ้ายและขวา จะไปทางไหนก่อนก็ได้ เพราะสุดท้ายก็จะเป็นทางตัน หินงอก หินย้อยในถ้ำก็สวยดีค่ะ สะอาดและติดไฟสว่างไม่น่ากลัว แต่เราเป็นคนที่กลัวที่แคบ เลยใช้เวลาชมสัก 15 นาทีก็กลับออกมาสูดอากาศหน้าถ้ำและชมวิวของเมืองวังเวียงแล้ว
บลู ลากูน (Blue Lagoon)
ถัดจากถ้ำจัง ตุ้ย โชเฟอร์ของเรา (ที่ลาวเรียกโชเฟอร์) ก็ขับพามาเที่ยว Blue Lagoon ที่อยู่นอกเมืองกันต่อ บ่อน้ำสีมรกตนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 20-30 นาที บลู ลากูน ที่วังเวียงมีอยู่หลายสระ แต่วันนี้จะพาไปชม 2 สระ ซึ่งก็คือ Blue Lagoon 1 ที่โด่งดังเรื่องความพลุกพล่าน แต่ก็เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ในขณะที่ Blue Lagoon 2 มีชื่อเสียงด้านธรรมชาติและความเงียบสงบ ทั้ง 2 แห่งอยู่ไม่ไกลจากกัน ตุ้ยเลยขับรถไปให้เราดูทั้งสองสระ วันนี้น้ำในสระเป็นสีเขียวมากกว่าสีฟ้ามรกต น้ำใสสะอาด บลูลากูน 1 มีปลาเยอะมาก ความสะอาดถือว่าพอใช้ได้ แต่เราไม่ได้ตั้งใจมาเล่นน้ำอยู่แล้วค่ะ ปล่อยความสนุกนี้ให้เป็นของเด็กๆและวัยรุ่นต่างชาติดีกว่า
บลู ลากูน 1
บลู ลากูน 2
คายักในแม่น้ำซอง
แม่น้ำซองมีกิจกรรมยอดนิยมอยู่ 2 อย่าง คือ นั่งห่วงยาง (Tubing) และ พายเรือคายัก แน่นอนว่าเราเลือกกิจกรรมสบายๆด้วยการพายคายักลำใหญ่ พร้อมกับไกด์ที่ช่วยพายอยู่ท้ายเรือ ได้นั่งชิลๆ ล่องแม่น้ำซองประมาณ 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ช่วงน้ำเชี่ยวก็พอมีเสียงกรี๊ดเบาๆให้สนุกสนาน ส่วนวัยรุ่นฝรั่ง ก็จะเลือกนั่งห่วงยางกันเป็นส่วนใหญ่ ปล่อยตัวให้ไหลไปตามสายน้ำ บางคนมาเป็นคู่ บางคนก็มาเป็นกลุ่ม ระหว่างทางก็มีร้านอาหารขายเครื่องดื่ม เปิดเพลงเสียงดังสนั่น จะว่าสนุกก็สนุก แต่ก็หนวกหูอยู่เหมือนกัน ถามถึงความปลอดภัย ก็บอกตรงๆว่านั่งห่วงยาง ก็มีอันตรายอยู่ ใครจะเล่นกิจกรรมนี้ควรจะสวมชูชีพ และถ้าช่วงน้ำหลากไม่ควรลงเด็ดขาด เพราะโค้งน้ำแต่ละโค้ง น้ำจะแรงและมีน้ำวน เคยมีฝรั่งเสียชีวิต จนทำให้กิจกรรมนั่งห่วงยางต้องปิดไปพักใหญ่เลยค่ะ
ตลาดเช้า
คนตื่นเช้าและอยากสัมผัสชีวิตชาววังเวียง ก็ลองไปเดินเล่นที่ตลาดเช้าดูค่ะ ตลาดเปิดตั้งแต่หกโมงเช้าถึงสายๆ ผัก ผลไม้ และอาหารที่ขายก็ใกล้เคียงกับตลาดในถิ่นอีสานบ้านเรา แต่ที่ต่างก็คือวิว ที่บางมุมเห็นภูเขาหินปูนสวยและธรรมชาติดี
สะพานแขวนสีน้ำเงินและถ้ำนางฟ้า
สาย adventure ต้องเลิฟที่นี่มาก เพราะนอกจากจะมีสะพานสีฟ้าให้ถ่ายรูป และถ้ำนางฟ้าแล้ว ที่นี่ยังเป็นเหมือน Club House ที่มีกิจกรรมเยอะแยะ ทั้ง Zip Line สระว่ายน้ำ Water Cave หรือลอดถ้ำน้ำ สะพานแขวน และยังมีร้านอาหารให้บริการด้วย เสียดายที่เราแวะมาแค่ช่วงสั้นๆ เลยได้ชมแค่ถ้ำนางฟ้า รอบหน้าถ้าต้องมาอีก จะแวะมาลอง Zip Line ดูสักครั้ง
ขึ้นบอลลูนชมวิว
ก่อนไปวังเวียง ก็ตั้งใจจะขึ้นบอลลูน แต่ลุงรั้งเอาไว้บอกไม่ชัวร์กลัวความปลอดภัย เลยอดไปค่ะ บอลลูนในวังเวียงมีอยู่ 2 จุด จุดแรกชมวิวเมืองและแม่น้ำซอง ให้บริการโดยบริษัทของลาว และอีกจุดชมวิวแบบธรรมชาติ ที่ไม่ต้องเหนื่อยปีนเขาขึ้นไปเอง บริษัทที่ให้บริการตรงนี้เป็นของฝรั่งเศสค่ะ แต่ถึงแม้จะอดขึ้นบอลลูน ห้องพักของ Amari Hotel กลับเห็นบอลลูนทั้งสองจุด ในช่วงเวลาเช้า และเย็น เห็นใกล้ขนาดนี้ก็จินตนาการเหมือนได้ขึ้นเอง อิ่มอกอิ่มใจอยู่เหมือนกันค่ะ (ตั๋วขึ้นบอลลูนจองผ่านเอเจ้นได้)
นอกจากกิจกรรมที่เล่ามา วังเวียงยังมีชื่อเสียงด้านการปีนเขา เช่น ผาเงิน หรือผาหนามไซ ที่มีมอเตอร์ไซด์และธงลาวอยู่บนยอดนั่นแหล่ะ หนุ่มสาวที่ฟิต ควรจัดกันไปสักผาสองผา ทุกคนบอกว่าวิวที่เห็นคุ้มค่ากับความเหนื่อยค่ะ
กินอะไรดี?
เวียงธารา
นอกจากจะเป็นที่พักที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของวังเวียงแล้ว เวียงธารายังเป็นร้านอาหารที่วิวดีที่สุดอีกด้วยค่ะ เที่ยงนี้เราสั่งไส้อั่วและชุดส้มตำลาวมากิน โต๊ะที่จองวิวพันล้านมาก หันหน้าออกสู่นาข้าวสีเหลืองทอง เห็นแนวเขาหินปูนที่สวยงามดังภาพวาด อาหารที่เวียงธาราอร่อย รสแซ่บ บริการดี แต่เป็นราคาของนักท่องเที่ยว จะสูงกว่าร้านอาหารทั่วไปและคิดราคาเป็นเหรียญสหรัฐค่ะ ถ้าอยากมากินที่นี่ แนะนำให้จองโต๊ะล่วงหน้า และอาจจะมีมัดจำค่ะ สอบถามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/ViengTaraResort
Naked Expresso Vang Vieng
สำหรับคอกาแฟ สายคาเฟ่ เราก็มีแนะนำอยู่ 1 ร้านถ้วน Naked Expresso ตั้งอยู่บนถนนสายหลักของเหล่าโรงแรมใหญ่ริมแม่น้ำ ลุงแวะมาจิบกาแฟที่นี่ และเราก็สั่งชีสเค้กเสาวรส ทั้งกาแฟ และเค้กผ่านเลยค่ะ ร้านก็แต่งได้โปร่ง และเท่ ใครอยากมาชิม ก็ไม่ต้องห่วงนะ หาง่ายมาก เพราะสีเหลืองมัสตาร์ดของป้ายร้านสะดุดทุกคู่สายตาแน่นอน https://www.facebook.com/nakedvangvieng/?locale=th_TH
พักที่ไหน?
วังเวียงมีที่พักตั้งแต่ Hostel ไปจนถึงโรงแรมใหญ่ เลือกกันได้ตามงบประมาณและความชอบ เราเลือก Amari Hotel เพราะชอบห้องพักบนตึก กับการบริการที่ได้มาตรฐาน เวลาไปเที่ยวเมืองเล็กๆ เรามักเลือกโรงแรมที่มีชื่อเสียงไว้ใจได้ และก็ไม่ผิดหวังค่ะ ห้องนอน One Bedroom Suites มีขนาดใหญ่สะอาดสะอ้าน ห้องรับแขกแยกกับห้องนอน แถมยังมีครัวเล็กๆอีก เฉลียงห้องก็วิวดีมาก ให้เอบวก เพราะเห็นแม่น้ำซองไหลยาวเป็นโค้งสวยงาม เช่นเดียวกับภูเขาหินปูนที่สูงตระหง่านอยู่ตรงหน้า ตอนเย็นจะเห็นพระอาทิตย์ตกดินด้วย ส่วนตอนเช้าวิวสวยถูกใจ มีบอลลูนมาเคาะเรียกอยู่หน้าประตูห้อง วิวดีเสียจนทั้งสองคืน เราไม่ออกไปกินข้าวข้างนอกเลย สั่งและซื้ออาหารเข้ามากินในห้อง และใช้เวลาดื่มด่ำอยู่ตรงเฉลียง จิบไวน์ กับแช่ตัวในอ่างอาบน้ำที่เห็นวิวของวังเวียงเต็มตา (One Bedroom Suites คืนละ 5,500 – 6,000 บาท https://www.amari.com/vang-vieng)
อาหารเช้าที่ Amari Vang Vieng
การเดินทางในวังเวียงหล่ะ?
ถนนในวังเวียงลาดยางเฉพาะเส้นหลักซึ่งมีไม่กี่เส้น ถนนที่วิ่งไปตามแหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลยเป็นถนนลูกรังที่ฝุ่นคลุ้งเช่นเดียวกับหลุมและบ่อ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั่งรถสองแถวไม่ติดแอร์ กระแทกเอาๆ พร้อมกับเสียงกรี๊ดร้องเบาๆ บางส่วนก็เช่า ATV ขับฝ่าฝุ่นและไอแดด ดูมันส์ดี หรือใครชอบความอึดหน่อย ก็ใช้วิธีเดินเท้าท่ามกลางไอแดด แต่ถ้าใครรักความสบายอย่างสองเรา ก็หารถตู้เช่าค่ะ เราเช่ากับ Discover Laos พร้อมคนขับเลยเดินทางสบาย แอร์เย็น และไม่ต้องเจอกับฝุ่นเลย
ถ่ายรูปกับตุ้ย โชเฟอร์ดูแลเราอย่างดีตลอดทริป
Related Posts: