เราชอบกลิ่นหอมของใบชา ที่มาพร้อมรสชาติอ่อนๆ ทำให้น้ำเปล่ากลายเป็นน้ำที่น่าดื่ม … และเมื่อมาถึงศรีลังกา เกาะทรงหยดน้ำขนาดเล็กแต่กลับสามารถปลูกชาจนส่งออกติดอันดับหนึ่งของโลกได้ เราเลยอยากมาเห็นกับตาว่า ไร่ชาของศรีลังกานั้นเป็นยังไง และชื่อของ “นูวารา เอลิยา” (Nuwara Eliya) ก็ป๊อปอัพขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆของผลการเสิร์จ
การเดินทางมานูวารา เอลิยา ทำได้สามทางค่ะ หนึ่ง รถไฟ สอง รถประจำทาง และสาม รถยนต์ เราเลือกเส้นทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ด้วยการจ้างไกด์พร้อมคนขับ พาเรามายังแหล่งปลูกชาสำคัญของโลก โดยระยะเวลาจากโคลัมโบถึงนูวารา เอลิย่าใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงค่ะ
ถนนจากโคลัมโบเชื่อมต่อกับแคนดี้ เมืองทางผ่านที่เราแวะกินมื้อเที่ยง มีสภาพถนนดีเลยค่ะ และจากแคนดี้ถึงนูวาร่า เอลิย่าก็จะเป็นเส้นทางที่ขึ้นเขา ไต่ความสูงระดับ 2000 เมตรเหนือทะเล เป็นถนนสองเลน คดเคี้ยวเป็นบางช่วง เราเช่ารถ SUV และได้นั่งยี่ห้อ DFSK ที่ผลิตในศรีลังกาแต่เป็นของจีน รถมีหลังคาสูง พื้นที่วางขากว้าง เลยนั่งสบาย และไม่เมารถนัก
นูวารา เอลิย่า ตั้งอยู่ในภาคกลางของศรีลังกา มีความหมายว่าเมืองแห่งแสง เมืองนี้ถูกค้นพบโดยชาวอังกฤษเมื่อเกือบสองร้อยปีก่อน ภูมิอากาศของที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ขนาดเราไปในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเช้ายังอยู่ที่ 14 องศา และกลางวันประมาณ 18 องศาค่ะ และที่สำคัญเมืองนี้ฝนตกปรอยๆอยู่ตลอด คล้ายกับประเทศอังกฤษจริงๆ เลยทำให้ในช่วงที่อังกฤษปกครองศรีลังกา คนอังกฤษเลยมาสร้างบ้านพักตากอากาศ และพัฒนานูวารา เอลิย่า จนทำให้หลายมุมของเมืองมีความคล้ายกับประเทศอังกฤษ เลยได้ชื่อว่าเป็น Little England แห่งศรีลังกา
Damro Tea
สต๊อปแรก ก่อนเช็คอินเข้าโรงแรม … เราแวะชม Damro Tea หนึ่งในไร่ชาที่ใหญ่และมีชื่อเสียง สาวศรีลังกาตาคมใส่สาหรีเริ่มทัวร์ด้วยการอธิบายความรู้เกี่ยวกับใบชา และพาเราเดินทัวร์ผ่านห้องเก็บใบชา ห้องคัดแยกที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการดูใบชา ห้องอบที่มีอายุกว่าร้อยปี ไปจนถึงห้องสุดท้าย
ภายใน 20 นาทีนี้ เราได้ความรู้ว่าใบชาแบ่งออกเป็นสามประเภท Black Tea, White Tea และ Green Tea คนศรีลังกาชอบ Black Tea ใบชาเข้มข้นที่มีคาเฟอีนสูง ส่วนลุงชอบ White Tea เพราะคาเฟอีนน้อยกว่า จิบได้ตลอดวัน และใบชาท๊อปที่สุดต้องยกให้ Golden Tip หรือยอดอ่อนที่มีน้อยและเป็นส่วนที่ดีที่สุด ซึ่ง Damro Tea ก็มีขายในราคาประมาณกล่องละ 1,500 บาท
หลังจากจบทัวร์ ยังมี Tea Tasting และร้านขายสินค้าที่ระลึก พนักงานขายบอกกับเราว่า ราคาที่นี่จะถูกกว่าในเมือง คุณจะได้ Ceylon Tea ของแท้ บริษัทชาดังๆ ก็จะมาประมูลซื้อใบชาของเค้าไปทำแบรนด์ตัวเอง ดังนั้นซื้อจากต้นกำเนิดเอง จะถูกกว่า และได้ใบชาที่มีคุณภาพมากกว่า (ขายเก่งว่างั้น ^^)
จาก Damro Tea ไปยังโรงแรม เราใช้เวลาเดินทางอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และเป็นชั่วโมงที่สองข้างทางปกคลุมไปด้วยแหล่งปลูกชายาวสุดลูกหูลูกตา แต่ละแห่งจะมีชื่อของตัวเอง และตามด้วย Estate เพื่อแยกไร่ของแต่ละคนออกจากกัน ต้นชาเหล่านี้มีอายุหลายสิบปี หนึ่งต้นให้ใบเก็บเกี่ยวได้นาน ยิ่งอยู่บนเขาสูง อากาศเย็น น้ำฝนเยอะ ยิ่งทำให้คุณภาพของใบชาดีเลิศ มาถึงจุดนี้ ก็ต้องขอบคุณชาวอังกฤษที่ค้นพบผืนดินแห่งนี้ และริเริ่มนำต้นชาเข้ามาปลูก จนปัจจุบัน กลายเป็นสินค้าส่งออก สร้างรายได้ให้กับประเทศศรีลังกา จนถูกขนานนามว่าเป็น Tea Plantation of The World
เราเช็คอินเข้าโรงแรมกันประมาณสี่โมงเย็น อุณหภูมิตอนนี้อยู่ที่ 18 องศา จากขาสั้นแขนสั้น เราต้องหยิบเสื้อคลุมและผ้าพันคอออกมาประโคมใส่ร่างกาย เราแทบไม่เชื่อว่านี่จะเป็นตัวเลขของฤดูร้อน ไกด์ยังอวดกับเราว่า ช่วงฤดูหนาว ความเย็นก็จะลดลงมาเหลือหนึ่งดิจิตเท่านั้นนะ … ใช่ค่ะ ศรีลังกามีเมืองที่หนาวตลอดทั้งปีจริงๆ
Jetwing St. Andrew’s
Jetwing เป็นเครือโรงแรมใหญ่สัญชาติศรีลังกา ที่มีโรงแรมอยู่หลายแห่งทั่วทั้งประเทศ Jetwing St. Andrew’s เป็นหนึ่งในบูติกเล็กแต่หรูหราของกลุ่ม โครงสร้างของโรงแรมปรับจากบ้านเก่าร้อยปี ยิ่งโรงแรมอนุรักษ์รายละเอียดเดิมๆไว้ ยิ่งทำให้บรรยากาศคล้ายกับโรงแรมในเมืองชนบทของประเทศอังกฤษ
ห้องนอนสแตนดาร์ดของเราอยู่ที่ชั้นสอง ห้องทาสีฟ้า แต่งม่านและหมอนลายดอกไม้ มองจากเฉลียงลงไป เจอกับสวนอังกฤษ ในห้องไม่มีแอร์ แต่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะอากาศตอนกลางคืนหนาวเย็นกว่าอยู่ในห้องแอร์ คืนนั้นเลยได้หลับใหลไปในแอร์ธรรมชาติของนูวารา เอลิย่า (http://nuwaraeliyainfo.com)
Welcome drink เป็นซุปฟังทอง
โรงแรม ล็อบบี้ และบริเวณรอบๆ
ห้องพัก
ห้องรับแขกและเตาผิงไฟยามค่ำคืน
ห้องอาหารสำหรับมื้อค่ำ
บุฟเฟ่อาหารเช้า
Explore Little England of Sri Lanka
เช้านี้ไกด์พาเราขับรถชมเมืองนูวารา เอลิยา เมืองเล็กๆที่ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 2 ชั่วโมงก็ครบทุกจุดหมาย และที่แรกก็เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ตั้งชื่อตามผู้ว่าการชาวอังกฤษว่า Gregory Lake รอบๆทะเลสาบมีกิจกรรมสนุกหลายอย่าง เช่นเรือหงส์ เจ็ตสกี หรือจะมาปิกนิกบนเนินหญ้าเขียวก็ได้ ด้านหลังของทะเลสาบ มีบ้านสไตล์ทิวดอร์ และบ้านในชนบทของอังกฤษที่สร้างมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมเรียงราย ปัจจุบันชาวศรีลังกาที่มีฐานะได้ซื้อบ้านเหล่านี้ และเปลี่ยนเป็นบ้านพักตากอากาศของตัวเอง
จากนั้นเราก็แวะชม Post Office ใจกลางเมือง อาคารอิฐที่ทาด้วยสีแดงขาวโดดเด่น นักท่องเที่ยวหลายคนเข้าไปถ่ายรูป และหาซื้อโปสการ์ด เพื่อเขียนส่งกลับไปให้ตัวเองที่บ้าน ถือเป็นของที่ระลึกจากนูวารา เอลิย่า
พอช่วงสาย … เราก็แวะไปจิบชาที่ The Grand Hotel โรงแรมหรูที่สุดของนูวารา เอลิย่า โรงแรมที่ตั้งใจมาพักตั้งแต่แรก แต่ห้องพักแน่นเอี๊ยด โรงแรมนี้มีประวัติยาวนาน และมีชื่อเสียงจากการมาเยือนของ Queen Elizabeth II ในห้องรับรองส่วนตัว ที่เปิดให้เข้าชมและเป็นห้องอาหาร
เราจิบชา Dilmah แบรนด์ดังของประเทศที่คาเฟ่ของโรงแรมคู่กับขนมหวานอีกนิดหน่อย หลังจากนั้นก็เดินชมความสวยงามของโรงแรม โดยเฉพาะสวนดอกไม้ ดอกไฮเดรนเยีย และน้ำพุกลางแจ้ง ที่ดูกี่ทีก็ยังไม่เชื่อสายตาว่า ทุกอย่างนี้อยู่ที่ศรีลังกา และก็ถือเป็นการจบทริปนูวารา เอลิย่าอย่างงดงามและน่าประทับใจ ก่อนที่เราจะไปลองประสบการณ์ขึ้นรถไฟของศรีลังกากันต่อในช่วงเที่ยงของวันนี้
สวนดอกไม้สวยของ The Grand Hotel
10 Apr 2024
0 Comments
Nuwara Eliya – Tea Plantation of the World & Little England of Sri Lanka
เราชอบกลิ่นหอมของใบชา ที่มาพร้อมรสชาติอ่อนๆ ทำให้น้ำเปล่ากลายเป็นน้ำที่น่าดื่ม … และเมื่อมาถึงศรีลังกา เกาะทรงหยดน้ำขนาดเล็กแต่กลับสามารถปลูกชาจนส่งออกติดอันดับหนึ่งของโลกได้ เราเลยอยากมาเห็นกับตาว่า ไร่ชาของศรีลังกานั้นเป็นยังไง และชื่อของ “นูวารา เอลิยา” (Nuwara Eliya) ก็ป๊อปอัพขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆของผลการเสิร์จ
การเดินทางมานูวารา เอลิยา ทำได้สามทางค่ะ หนึ่ง รถไฟ สอง รถประจำทาง และสาม รถยนต์ เราเลือกเส้นทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ด้วยการจ้างไกด์พร้อมคนขับ พาเรามายังแหล่งปลูกชาสำคัญของโลก โดยระยะเวลาจากโคลัมโบถึงนูวารา เอลิย่าใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมงค่ะ
ถนนจากโคลัมโบเชื่อมต่อกับแคนดี้ เมืองทางผ่านที่เราแวะกินมื้อเที่ยง มีสภาพถนนดีเลยค่ะ และจากแคนดี้ถึงนูวาร่า เอลิย่าก็จะเป็นเส้นทางที่ขึ้นเขา ไต่ความสูงระดับ 2000 เมตรเหนือทะเล เป็นถนนสองเลน คดเคี้ยวเป็นบางช่วง เราเช่ารถ SUV และได้นั่งยี่ห้อ DFSK ที่ผลิตในศรีลังกาแต่เป็นของจีน รถมีหลังคาสูง พื้นที่วางขากว้าง เลยนั่งสบาย และไม่เมารถนัก
นูวารา เอลิย่า ตั้งอยู่ในภาคกลางของศรีลังกา มีความหมายว่าเมืองแห่งแสง เมืองนี้ถูกค้นพบโดยชาวอังกฤษเมื่อเกือบสองร้อยปีก่อน ภูมิอากาศของที่เย็นสบายตลอดทั้งปี ขนาดเราไปในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิเช้ายังอยู่ที่ 14 องศา และกลางวันประมาณ 18 องศาค่ะ และที่สำคัญเมืองนี้ฝนตกปรอยๆอยู่ตลอด คล้ายกับประเทศอังกฤษจริงๆ เลยทำให้ในช่วงที่อังกฤษปกครองศรีลังกา คนอังกฤษเลยมาสร้างบ้านพักตากอากาศ และพัฒนานูวารา เอลิย่า จนทำให้หลายมุมของเมืองมีความคล้ายกับประเทศอังกฤษ เลยได้ชื่อว่าเป็น Little England แห่งศรีลังกา
Damro Tea
สต๊อปแรก ก่อนเช็คอินเข้าโรงแรม … เราแวะชม Damro Tea หนึ่งในไร่ชาที่ใหญ่และมีชื่อเสียง สาวศรีลังกาตาคมใส่สาหรีเริ่มทัวร์ด้วยการอธิบายความรู้เกี่ยวกับใบชา และพาเราเดินทัวร์ผ่านห้องเก็บใบชา ห้องคัดแยกที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการดูใบชา ห้องอบที่มีอายุกว่าร้อยปี ไปจนถึงห้องสุดท้าย
ภายใน 20 นาทีนี้ เราได้ความรู้ว่าใบชาแบ่งออกเป็นสามประเภท Black Tea, White Tea และ Green Tea คนศรีลังกาชอบ Black Tea ใบชาเข้มข้นที่มีคาเฟอีนสูง ส่วนลุงชอบ White Tea เพราะคาเฟอีนน้อยกว่า จิบได้ตลอดวัน และใบชาท๊อปที่สุดต้องยกให้ Golden Tip หรือยอดอ่อนที่มีน้อยและเป็นส่วนที่ดีที่สุด ซึ่ง Damro Tea ก็มีขายในราคาประมาณกล่องละ 1,500 บาท
หลังจากจบทัวร์ ยังมี Tea Tasting และร้านขายสินค้าที่ระลึก พนักงานขายบอกกับเราว่า ราคาที่นี่จะถูกกว่าในเมือง คุณจะได้ Ceylon Tea ของแท้ บริษัทชาดังๆ ก็จะมาประมูลซื้อใบชาของเค้าไปทำแบรนด์ตัวเอง ดังนั้นซื้อจากต้นกำเนิดเอง จะถูกกว่า และได้ใบชาที่มีคุณภาพมากกว่า (ขายเก่งว่างั้น ^^)
จาก Damro Tea ไปยังโรงแรม เราใช้เวลาเดินทางอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และเป็นชั่วโมงที่สองข้างทางปกคลุมไปด้วยแหล่งปลูกชายาวสุดลูกหูลูกตา แต่ละแห่งจะมีชื่อของตัวเอง และตามด้วย Estate เพื่อแยกไร่ของแต่ละคนออกจากกัน ต้นชาเหล่านี้มีอายุหลายสิบปี หนึ่งต้นให้ใบเก็บเกี่ยวได้นาน ยิ่งอยู่บนเขาสูง อากาศเย็น น้ำฝนเยอะ ยิ่งทำให้คุณภาพของใบชาดีเลิศ มาถึงจุดนี้ ก็ต้องขอบคุณชาวอังกฤษที่ค้นพบผืนดินแห่งนี้ และริเริ่มนำต้นชาเข้ามาปลูก จนปัจจุบัน กลายเป็นสินค้าส่งออก สร้างรายได้ให้กับประเทศศรีลังกา จนถูกขนานนามว่าเป็น Tea Plantation of The World
เราเช็คอินเข้าโรงแรมกันประมาณสี่โมงเย็น อุณหภูมิตอนนี้อยู่ที่ 18 องศา จากขาสั้นแขนสั้น เราต้องหยิบเสื้อคลุมและผ้าพันคอออกมาประโคมใส่ร่างกาย เราแทบไม่เชื่อว่านี่จะเป็นตัวเลขของฤดูร้อน ไกด์ยังอวดกับเราว่า ช่วงฤดูหนาว ความเย็นก็จะลดลงมาเหลือหนึ่งดิจิตเท่านั้นนะ … ใช่ค่ะ ศรีลังกามีเมืองที่หนาวตลอดทั้งปีจริงๆ
Jetwing St. Andrew’s
Jetwing เป็นเครือโรงแรมใหญ่สัญชาติศรีลังกา ที่มีโรงแรมอยู่หลายแห่งทั่วทั้งประเทศ Jetwing St. Andrew’s เป็นหนึ่งในบูติกเล็กแต่หรูหราของกลุ่ม โครงสร้างของโรงแรมปรับจากบ้านเก่าร้อยปี ยิ่งโรงแรมอนุรักษ์รายละเอียดเดิมๆไว้ ยิ่งทำให้บรรยากาศคล้ายกับโรงแรมในเมืองชนบทของประเทศอังกฤษ
ห้องนอนสแตนดาร์ดของเราอยู่ที่ชั้นสอง ห้องทาสีฟ้า แต่งม่านและหมอนลายดอกไม้ มองจากเฉลียงลงไป เจอกับสวนอังกฤษ ในห้องไม่มีแอร์ แต่ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะอากาศตอนกลางคืนหนาวเย็นกว่าอยู่ในห้องแอร์ คืนนั้นเลยได้หลับใหลไปในแอร์ธรรมชาติของนูวารา เอลิย่า (http://nuwaraeliyainfo.com)
Welcome drink เป็นซุปฟังทอง
โรงแรม ล็อบบี้ และบริเวณรอบๆ
ห้องพัก
ห้องรับแขกและเตาผิงไฟยามค่ำคืน
ห้องอาหารสำหรับมื้อค่ำ
บุฟเฟ่อาหารเช้า
Explore Little England of Sri Lanka
เช้านี้ไกด์พาเราขับรถชมเมืองนูวารา เอลิยา เมืองเล็กๆที่ใช้เวลาเที่ยวประมาณ 2 ชั่วโมงก็ครบทุกจุดหมาย และที่แรกก็เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ตั้งชื่อตามผู้ว่าการชาวอังกฤษว่า Gregory Lake รอบๆทะเลสาบมีกิจกรรมสนุกหลายอย่าง เช่นเรือหงส์ เจ็ตสกี หรือจะมาปิกนิกบนเนินหญ้าเขียวก็ได้ ด้านหลังของทะเลสาบ มีบ้านสไตล์ทิวดอร์ และบ้านในชนบทของอังกฤษที่สร้างมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมเรียงราย ปัจจุบันชาวศรีลังกาที่มีฐานะได้ซื้อบ้านเหล่านี้ และเปลี่ยนเป็นบ้านพักตากอากาศของตัวเอง
จากนั้นเราก็แวะชม Post Office ใจกลางเมือง อาคารอิฐที่ทาด้วยสีแดงขาวโดดเด่น นักท่องเที่ยวหลายคนเข้าไปถ่ายรูป และหาซื้อโปสการ์ด เพื่อเขียนส่งกลับไปให้ตัวเองที่บ้าน ถือเป็นของที่ระลึกจากนูวารา เอลิย่า
พอช่วงสาย … เราก็แวะไปจิบชาที่ The Grand Hotel โรงแรมหรูที่สุดของนูวารา เอลิย่า โรงแรมที่ตั้งใจมาพักตั้งแต่แรก แต่ห้องพักแน่นเอี๊ยด โรงแรมนี้มีประวัติยาวนาน และมีชื่อเสียงจากการมาเยือนของ Queen Elizabeth II ในห้องรับรองส่วนตัว ที่เปิดให้เข้าชมและเป็นห้องอาหาร
เราจิบชา Dilmah แบรนด์ดังของประเทศที่คาเฟ่ของโรงแรมคู่กับขนมหวานอีกนิดหน่อย หลังจากนั้นก็เดินชมความสวยงามของโรงแรม โดยเฉพาะสวนดอกไม้ ดอกไฮเดรนเยีย และน้ำพุกลางแจ้ง ที่ดูกี่ทีก็ยังไม่เชื่อสายตาว่า ทุกอย่างนี้อยู่ที่ศรีลังกา และก็ถือเป็นการจบทริปนูวารา เอลิย่าอย่างงดงามและน่าประทับใจ ก่อนที่เราจะไปลองประสบการณ์ขึ้นรถไฟของศรีลังกากันต่อในช่วงเที่ยงของวันนี้
สวนดอกไม้สวยของ The Grand Hotel
Related Posts: