จูงมือสูงวัยเที่ยวอาราชิยาม่า แวะศาลเจ้าเสาแดง และแต่งกิโมโนย้อนยุค

จากกรุงเทพสู่โอซาก้า เราเลือกเที่ยวบินของการบินไทยแบบ Day Flight ออกจากกรุงเทพเช้า ถึงโอซาก้าบ่าย ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมงเท่านั้น

ก่อนเดินทางเราติดต่อ Call Center ของการบินไทย ขอบริการรถเข็นที่สนามบินสุวรรณภูมิ และคันไซ (KIX International Airport) จึงทำให้การเดินยาวระหว่างสองสนามบินราบรื่นไร้ตะเข็บ คุณแม่วัยเฉียดแปดสิบที่ผ่าเข่าทั้งสองข้างนั่งยิ้มแฉ่งบนรถเข็นเพราะได้ออมแรงไปโข

ทริป Wheelchair เริ่ม … พร้อมลุยญี่ปุ่นแล้วจ้า

ทริปนี้เราพาแม่บ้าน ผู้ดูแลคุณแม่ไปด้วย และก็เป็นครั้งแรกที่แม่บ้านได้เดินทางไปต่างประเทศ หนังสือเดินทางยังใหม่กริ๊บ เราเลยกังวลว่าแม่บ้านจะผ่านตม. เข้าญี่ปุ่นได้ไหม ก็เลยเขียนจดหมายรับรองแม่บ้านมาด้วยกันเหนียว

ใครจะก๊อปปี้เป็นตัวอย่าง ก็ตามสบายเลยค่ะ และพอถึง ตม. ญี่ปุ่น ใจก็ตุ่มๆต่อมๆ แต่ตม. ไม่ได้สอบถามอะไรเป็นพิเศษ คงเพราะเห็นมากับคุณแม่ที่นั่งรถเข็นด้วย เลยให้ผ่านฉลุย สบายใจกันไปเปราะใหญ่

ร่างจดหมายรับรองแม่บ้าน/คนดูแล

 

หลังจากผ่านตรวจคนเข้าเมืองของสนามบินคันไซ เราก็แวะไปรับรถเช่าที่ Toyota Car Rental ซึ่งอยู่ในตึกฝั่งตรงข้ามกับสนามบินคันไซ แล้วขับไปยังอาราชิยาท่า (Arashiyama) เมืองท่องเที่ยวที่สงบเงียบของเกียวโต

Toyota Car Rental

Toyotal Vios รถตู้ขนาดเล็กที่จุดกระเป๋าใหญ่ได้หลายใบ

จากสนามบินคันไซสู่อาราชิยาม่า ใช้เวลาขับรถเกือบสองชั่วโมง เราคำนวณเวลาผิดเองแหล่ะ เลยทำให้กว่าจะถึงโรงแรมก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆ

Homm Stay Nagi Arashiyama Kyoto ห้อง Standard King Room

ขนาด 30 ตรม. รวมอาหารเช้า ABF ค่าห้อง รวมภาษี ประมาณ 10,000 บาท/คืน

ภาพจากอินเตอร์เน็ต : ยุ่งมาจนลืมถ่ายรูปค่ะ 5555

อาหารเช้าสไตล์ญี่ปุ่นของโรงแรมที่เสริฟ์ตรงถึงห้องนอนทุกเช้า

รวมกับอาหารที่เราซื้อมากินเอง สนุกสนานดีค่ะ

วิวเมืองอาราชิยาม่า และสายหมอกบนยอดเขาจากห้องพักของโรงแรม

เราเคยพาคุณพ่อและคุณแม่ท่องเกียวโตและนาราแล้ว คราวนี้เลยพามาเที่ยวอาราชิยาม่าและรอบๆเกียวโตเสียหน่อย อาราชิยาม่า (Arashiyama) เป็นเขตท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงทางทิศตะวันตกของเกียวโต เมืองเล็กๆที่มีป่าไผ่อันโด่งดัง และธรรมชาติที่สวยงาม เราจะนอนกันสองคืนที่เมืองนี้ เพราะไม่อยากให้คุณแม่ต้องย้ายโรงแรมบ่อยค่ะ

ป่าไผ่อาราชิยามะ (Arashiyama Bamboo Forest)

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ เราก็รับรถเข็นจากโรงแรม และมุ่งหน้าสู่ถนนท่องเที่ยวหลักของอาราชิยาม่า ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมเพียง 5-7 นาทีเท่านั้น เราถึงป่าไผ่ประมาณเก้าโมงกว่าๆ นักท่องเที่ยวก็เริ่มเยอะแล้ว ป่าไผ่ของเมืองอาราชิยาม่ามีระยะทางประมาณ 500-600 เมตร สองข้างทางจะเขียวชอุ่มไปด้วยก้านของต้นไผ่ ความสูงของต้นไผ่สูงมาก เกือบจะปกคลุมภาพของท้องฟ้า แต่กลับมีลมเย็นสบายพัดเข้ามาตลอด เราจอดรถเข็นและชวนคุณแม่ลงมาถ่ายรูป กว่าจะเก็บรูปได้ ก็ยากอยู่ เพราะนักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ แต่นักท่องเที่ยวหลายคนก็น่ารัก เข้าอกเข้าใจกัน และหยุดเดิน เพื่อให้เราถ่ายรูปคู่กันสองคนได้อย่างในภาพ

วัดเท็นริวจิ (Tenryuji Temple)

หลังจากเดินผ่านป่าไผ่ไปจนเกือบสุดทาง ทางซ้ายมือก็จะเป็นประตูเข้าวัดเท็นริวจิ วัดนิกายเซนที่โด่งดังของอาราชิยาม่าและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ประตูนี้จะผ่านสวนต้นไม้และดอกไม้สวยงามของวัด ถูกใจคุณแม่มาก ก่อนจะไปเจอกับสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีแนวต้นไม้เปลี่ยนสีอยู่ด้านหลัง แต่วันนี้ใบไม้เพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนสีเอง ภาพเลยยังไม่สวยงามเหมือนที่เห็นตามสื่อต่างๆ แต่เพราะอากาศเย็นสบาย เราเดินเล่น นั่งเล่นและถ่ายรูปกันพักใหญ่ ดื่มด่ำบรรยากาศความงดงามที่เรียบง่ายสไตล์นิกายเซน (http://www.tenryuji.com/en/)

สวนต้นไม้สวยๆของวัดเท็นริวจิ

ป่ากิโมโน (Kimono Forest)

เราเดินออกจากวัดเท็นริวจิตรงประตูหลัก ก็จะเจอกับถนนสายหลักของเมืองอาราชิยาม่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟ Arashiyama-Randenเราพาคุณแม่ไปชมอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยว ซึ่งก็คือป่ากิโมโน หรือ Kimono Forest ที่ได้มีการนำเอาลายผ้าทอของกิโมโนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น มาใส่ในเสาแก้วที่เรียงรายหลายร้อยต้น ตั้งไว้ริมทางเดินเลียบสถานีรถไฟ ให้ผู้คนได้ชื่นชมและถ่ายรูปสนุกสนาน

สะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge)

จากนั้นเราก็เข็นรถพาคุณแม่ไปเที่ยวที่สะพานข้ามแม่น้ำคัตสึระ (Katsura River) ที่สร้างขึ้นเมื่อหนึ่งพันปีก่อน มีความยาวประมาณ 150เมตร มุมนี้เราจะเห็นวิวของภูเขาอาราชิยาม่า ซึ่งเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสี แต่วันนี้ยังไม่เปลี่ยนสีกันสักต้นค่ะ 55 แต่คุณแม่ก็เอนจอยไอศรีมsoft serve ริมแม่น้ำท่ามกลางอากาศเย็นสบาย

ถนนเลียบแม่น้ำคัตสึระ ยังมีร้านอาหารและคาเฟ่อยู่หลายแห่ง หนึ่งในร้านดังคิวยาวเหยียดก็จะเป็น % Arabica แต่ถ้าเดินเข้าซอยมาอีกนิด ก็จะเจออีกคาเฟ่ กาแฟ และเบเกอร์รี่อีกหลายร้านที่อร่อยไม่แพ้กันค่ะ

ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha)

ช่วงบ่าย เราพาคุณแม่มาเที่ยวศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ อีกศาลเจ้าดังของเกียวโตที่ยังไม่เคยมา ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ อยู่ห่างจากอาราชิยาม่าเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น ขับรถมาที่ลานจอดรถฟรีของวัด และยังอยู่ใกล้ทางขึ้นวัดด้วย คุณแม่เดินสบายมากไม่เหนื่อยเลยค่ะ

ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะมีเสาโทริอิ (Torii) สีแดงหลายพันต้น ตั้งเรียงเป็นอุโมงค์ตั้งแต่ฐานของวัดขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบนของเนินเขาอินาริ ทำให้หลายคนเรียกวัดนี้ว่า “วัดเสาแดง”

ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 711 เพื่อบูชาเทพอินาริ (Inari) ซึ่งเป็นเทพแห่งการเพาะปลูกข้าวและเกษตรกรรม มีสุนัขจิ้งจอกเป็นผู้ส่งสารของเทพอินาริ จึงมีรูปปั้นของสุนัขจิ้งจอกอยู่ภายในศาลเจ้า

เราเดินชม สักการะ และเดินเล่นผ่านอุโมงค์เสาโทริอิกันพักใหญ่ ส่วนคุณแม่ที่มีปัญหาข้อเข่า ก็นั่งรอพวกเราอยู่ตรงบันไดทางขึ้น อากาศที่เย็นสบาย แดดร่มลมตก เลยนั่งสบายๆไม่งอแงงเลย

เสร็จสรรพ เราก็มาเขียนขอพรกันที่เสาโทริอิไม้ ก่อนอำลาในช่วงใกล้พระอาทิตย์ตกดิน กลับโรงแรม และเริ่มแพ็คข้าวของก่อนย้ายเข้าสู่โอซาก้าในวันรุ่งขึ้น

โทเอ เกียวโต สตูดิโอปาร์ค (Toei Kyoto Studio Park)

ก่อนเข้าสู่โอซาก้า เรายังมีเวลาเที่ยวเล่นในเกียวโตกันอีกครึ่งวันเช้า เลยตัดสินใจพาคุณแม่นั่งไทม์แมชชีนไปเที่ยวยคุเอโดะกันที่โทเอ เกียวโต สตูดิโอปาร์ค สวนสนุกและสตูดิโอถ่ายหนังย้อนยุคของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น

เราเลือกกิโมโนจากอัลบั้มภาพของร้านในราคาคนละ 5,800 เยน ใช้เวลาแต่งองค์ทรงเครื่องกันประมาณ 15-20 นาที ก่อนออกไปถ่ายรูป พนักงานเอาเงื่อนไขภาษาอังกฤษมาให้อ่าน สรุปสั้นๆก็คือ มีเวลาให้เดินเล่นภายในได้หนึ่งชั่วโมง ห้ามดื่มน้ำ หรือกินอาหารใดๆ และถ้าฝนตก ก็ให้กลับเข้ามาภายในอาคาร เพื่อไม่ให้ชุดกิโมโนเสียหาย

บรรยากาศของโทเอ สตูดิโอ เหมือนกับเมืองจำลองในอดีตของญี่ปุ่น สามารถเดินเล่นไปได้ทั่วๆ ถ่ายรูปกับบ้านไม้ ลำคลอง ต้นหลิว บางจุดก็มีเกอิชา นินจา และโชกุนเดินเล่นอยู่ภายใน คนญี่ปุ่นจะซื้อตั๋วเข้าเล่นเครื่องเล่นเพิ่ม แต่เราไม่เข้าใจภาษา เลยซื้อตั๋วแค่ค่าเข้ามาชมเท่านั้น

เช้านี้นักท่องเที่ยวน้อย เราเลยได้เดินเล่นและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน มีภาพที่น่าประทับใจของคุณแม่อยู่หลายภาพ ถือเป็นกิจกรรมสนุกๆ ใช้เวลาไม่นาน และก็ได้ความทรงจำดีๆกลับไปอีกด้วยค่ะ

ชุดกิโมโนรัดแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก ต้องฝึกการหายใจใหม่ ให้เข้าแค่ครึ่งปอด ถึงจะอยู่รอดหนึ่งชั่วโมง

ชุดของผู้ชายท่านโชกุนเท่มาก

ที่ตั้ง 10 Uzumasa Higashihachioka-cho, Ukyo-ku, Kyoto-shi, Kyoto

ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 2,400 เยน เด็ก 1,200 เยน ค่าแต่งกายกิโมโน 5,800 เยน/คน

มีลานจอดรถอยู่ใกล้ๆ

เวลาทำการ 9:00 – 17:00 น.

เว็บไซต์ http://www.toei-eigamura.com/en/

 

ทิปส์เล็กๆน้อยๆ สำหรับพาสูงวัยไปเที่ยว

– ญี่ปุ่นบิน 5-6 ชั่วโมง นอนบนเครื่องยาก ควรบิน Day Flight ถึงญี่ปุ่นก็เข้าโรงแรมนอนเอาแรงเลย ถ้าซื้อ long leg seat จะยิ่งสบายค่ะ ได้เหยียดขายาวๆ จ่ายเพิ่ม 3-4 พันเท่านั้น

– ก่อนบินขอบริการรถเข็นกับ Call Center ของการบินไทย สามารถล็อกรถเข็นให้ได้ทั้ง 2 สนามบิน สุวรรณภูมิ และสนามบินที่ญี่ปุ่น

– ถ้าอยากพาคนดูแลสูงวัยไปด้วย ไปช่วยเก็บของ แพ็คของ และเข็นรถ เรามีจดหมายรับรองที่ร่างไว้ แต่ไม่ได้ใช้ค่ะ ตม. ญี่ปุ่นให้ผ่านฉลุยไม่ถามเลย

– ก่อนจองโรงแรม สอบถามบริการรถเข็นว่ามีให้บริการแขกไหม ควรเลือกโรงแรมที่มีบริการนี้ จะได้สะดวกสบายกับสูงวัย ไม่ต้องขนรถเข็นไปเอง

– ห้องพักที่โรงแรมควรมีขนาดใหญ่ ประมาณ 30 ตรม. เพื่อมีที่ทางวางกระเป๋าได้ จะไม่เดินเตะตอนกลางคืน และควรมีห้องอาบน้ำแยก พื้นไม่ลื่นค่ะ

– ประกันการเดินทางของสูงวัยเกิน 75 ปี เราประกัน 2 ที่เพื่อความชัวร์ -> MSIG ได้ 1 ล้าน และ Allianz Travel ได้ 2 ล้าน รวมๆแล้วได้ 3 ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาลค่ะ