ของดีเมืองอุดร …

เมืองอุดรมีของดี และ 2 วัน 1 คืนในจังหวัดที่มีอาณาเขตปกครองกว้างที่สุดของประเทศไทย ฉันและเพื่อนพ้องจึง สนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจและอิ่มท้องเหลือหลายเด้อ

แม้หมุดหมายของทริปนี้คือทะเลบัวแดง แต่เพราะอุดรธานีมีของดี (จริงๆ) พวกเราจึงใช้เวลาที่เหลือของทริปให้คุ้มค่า ทุกหยดซ่าส์จริงๆค่ะ

DAY ONE

8.30 น. :  รวมตัวกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน Thai Smiles เที่ยวบิน WE4 ที่จะมุ่งหน้าไปสู่อุดรธานี จังหวัดหน้าด่านของอีสาน ตอน 10.10 น. โดยใช้เวลาบินเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ

11.30 น. : ถึงสนามบินอุดรธานีในวันที่อากาศแสนดี ลมหนาวต้นเดือนกุมภาพันธ์โชยมาอีกระลอก ทำให้อุณหภูมิลดลงเหลือ 20 องศา แม้จะเป็นตอนเที่ยงวันและทันทีที่สูดอากาศเมืองอุดรเข้าไปเต็มปอด เราก็อุทานพร้อมกันถึงความสดและบริสุทธิ์ที่สัมผัสได้ตั้งแต่ลมหายใจแรก

12.00 น. : จากสนามบินเรามาเช็คอินที่โรงแรม Centara Udon Thani เพื่อฝากกระเป๋าจะได้เที่ยวสบายตัวหน่อย

12.30 น. : “ครัวคุณนิด” ของดีเมืองอุดรที่เพื่อนของเพื่อนแนะนำมา อาหารพื้นบ้านแบบภาคอีสานแท้ๆร้านนี้ เปิดให้บริการมาแล้วเกือบ 20 ปี วัตถุดิบคัดสรรมาอย่างดี สะอาดและถูกหลักอนามัยค่ะ

ปลาส้มทอด ไก่แปะซะ (เมี่ยงไก่) น้ำตกพวงนมย่าง แกงผักหวาน ส้มตำไทย ผัดหมี่ และข้าวเหนียวมะม่วง คือเมนูทั้งหมดของมื้อแรกในอุดร กว่าครึ่งเป็นเมนูแนะนำของทางร้านและอีกครึ่งเป็นเมนูที่สั่งตามใจฉัน ใครใคร่กินอะไรก็สั่งกันตามใจปาก

แกงผักหวาน

จานชนะเลิศยกให้น้ำตกพวงนมย่างที่เนื้อหมูนุ่มละมุนลิ้น ถัดมาเป็นปลาส้มทอดรสจัดหนักเปรี้ยวกินกับข้าวเหนียวร้อนๆอร่อยหลายๆ

ปลาส้มทอด

ไก่แปะซะหรือพนักงานเรียกว่าเมี่ยงไก่มาชามใหญ่เบ้งเลยค่ะ เหมือนยกไก่ทั้งถาดมาเซ่นไหว้ ป้าๆ กินคู่กับน้ำจิ้มผักสดและขนมจีน คลุกเคล้าทั้งหมดเข้าด้วยกันอร่อยถูกปากทุกคนค่ะ

ไก่แปะซะ หรือ เมี่ยงไก่

15.00 น. : “วัดป่าบ้านตาด” หรือวัดเกษรศีลคุณเป็นของดีเมืองอุดรลำดับที่ 2 ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงสุดจากคนในท้องที่ วัดป่าบ้านตาดอยู่ห่างจากตัวเมือง 30-40 นาทีค่ะ วัดนี้ก่อตั้งเมื่อ 63 ปีที่แล้วด้วยเงินบริจาคของคนในท้องที่เพื่อให้เป็นสถานปฏิบัติธรรมท่านเจ้าอาวาสที่รู้จักกันดีก็คือหลวงตามหาบัว ท่านได้พัฒนาวัดป่าบ้านตาดจนได้รับความเลื่อมใสและในช่วงที่ชาติประสบพิษต้มยำกุ้งหลวงตามหาบัวได้ร่วมช่วยขอบริจาคเงินและทองคำเข้าคลังหลวงเพื่อเยียวยาทุนสำรองของประเทศ

ศาลาการเปรียญเป็นศาลาไม้ใหญ่สองชั้น ชั้นบนมีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น พระอาจารย์ของหลวงตามหาบัวและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงตามหาบัวให้ผู้คนได้สักการะกราบไหว้

บริเวณของวัดเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่และสัตว์มากมายทั้งนก ไก่และนกยูงเดินอย่างไม่กลัวผู้คน วัดยังเปิดให้เข้าชมและกราบไหว้กุฏิของหลวงตามหาบัว ซึ่งยังมีเตียงนอน กระติกน้ำร้อนและข้าวของเครื่องใช้ของหลวงตาเก็บรักษาเอาไว้ในสภาพเดิม (หลวงตามหาบัวละสังขารเมื่อเวลา 3.53 น. วันที่ 30 มกราคม 2554)

16.30 น. : “สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม” เป็นสวนสาธารณะที่อยากมาชมของอุดรธานี ความตั้งใจแรกคืออยากมาวิ่งออกกำลังกายรอบบ่อน้ำ แต่เพราะเวลาที่มีจำกัดจึงต้องตัดความอยากนั้นออกไป คงเหลือแต่มาถ่ายรูปกับเป็ดเหลืองที่ลอยอยู่กลางบ่อซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสัญลักษณ์ของดีเมืองอุดรไปแล้ว

หนองประจักษ์นี้แต่เดิมชื่อหนองนาเกลือ เปลี่ยนชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ผู้ก่อตั้งจังหวัดอุดรธานีในสมัยรัชกาลที่ 4

17.00 น. : เรากลับมาพักที่โรงแรมเก็บแรงไว้ตอนเย็นค่ะ ประกอบกับเพื่อนในกลุ่มมีโรคอาการภูมิแพ้กำเริบเพราะเพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เราจึงใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งในห้องพักแสนสบาย เตรียมตัวอาบน้ำอาบท่า ไปดินเนอร์กันที่ร้านดังของเมือง “ซาหมวย & Sons”

ห้องพัก Centara Udon Thani มีขนาดใหญ่ อยู่สบายเลยค่ะ ห้อง Junior Suite มีห้องน้ำสองห้อง นอนได้ 3 คน ชิลๆ อาหารเช้าเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า มีเมนูท้องถิ่นเช่นไข่กะทะ ข้าวเปียก รวมอาหารเช้านานาชาติ ซึ่งรสชาติดี คุ้มค่ามากๆค่ะ และโรงแรมยังอยู่ติดกับ Central Plaza Udon Thani ช้อปปิ้งมอลล์ใหญ่ของจังหวัดอีกด้วย

ห้องพัก Deluxe คืนละ 2-3 พันบาท ห้อง Junior Suite คืนละ 4-5 พันบาท เตียงเสริมเพิ่มอีก 900 บาท

18.30 น. : “ซาหมวย & Sons” เป็นการรวมพลังของสองพี่น้อง คุณหนุ่มและคุณโจ้ ทั้งสองอยู่ที่อเมริกามาหลายปี มีโอกาสเข้าไปคลุกตัวอยู่ในแวดวงอาหารมิชลินสตาร์แต่ก็ตัดสินใจกลับมาเมืองไทยเพื่อมาดูแลครอบครัวและเปิดร้านอาหาร “ซาหมวย & Sons” ซึ่งมีความหมายว่าลูกสาวคนที่สาม (ชื่อเรียกของคุณแม่) เมื่อ 4 ปีที่แล้ว

อาหารของ “ซาหมวย & Sons” เป็นอาหารไทย/อีสานแท้ แต่นำมาประดิษฐ์ให้อยู่ในร่างทรงของอาหารฝรั่งจึงดูแปลกตาและทันสมัยวัตถุดิบอาหารเป็นของท้องถิ่นตามฤดูกาลและมั่นใจได้ว่าเป็นเกษตรอินทรย์แทบทั้งสิ้น

ความอร่อยนั้นหรือ? บอกเลยว่าคนกรุงอย่างเราที่ช่ำชองการกินมาก็ไม่น้อย ยังต้องยอมคารวะให้กับหลายเมนูของเชฟหนุ่ม … ฝีมือระดับนี้เรียกว่าเป็นหนึ่งในปฐพี ถ้ามาเปิดร้านอาหารในกรุงเทพ คิวจองกันข้ามเดือนแน่นอนค่ะ !!

ค้าวคาวเผือก เมนูเรียกน้ำย่อยที่แป้งทอดได้กรอบบาง ไส้หวานและมัน หอมกลิ่นเครื่องเทศนิดๆ

แกงรัญจวนกระดูกอ่อนชามแซ่บที่แทบจะยกซดกันเลย

น้ำพริกมะขามเปียกกับหมูกรอบทั้งหวานและอร่อยจนต้องสั่งแพ็คใส่กล่องโฟมกลับกรุงกันเกือบทุกคน

ปลาทอดราดน้ำปลากับยำมะม่วงที่เปรี้ยวแซ่บรสดีมากๆ

ก่อนจะปิดท้ายด้วยขนมหวานหลากชนิดฝีมือคุณโจ้ น้องชายเชฟหนุ่มที่เข้ามาคุยให้ความรู้กับเราอย่างเป็นกันเอง จานนี้มีทั้งลอดช่องพุดดิ้ง Greek Yogurt กล้วยบวดชีไอศรีมช็อกโกแล็ต และฝอยทองคลุก Blue Chesses แต้มด้วยผลไม้แห้ง … ผลลัพธ์คงไม่ต้องบอกนะคะ เกลี้ยงภายในพริบตาเดียว

แต่ความอร่อยยังไม่จบแค่นั้นค่ะ เรายังสั่ง Tasting Menu อีกหนึ่งชุด ประกอบด้วย อีสานเกต หรือวุ้นกะทิไข่มดแดง กุ้งอบเกลือกับข้าวเหนียวหัวหงอก คล้ายๆข้าวเหนียวมูล หลนแหนมกับปู ที่ใช้ไข่เค็มมาเป็นซอส ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ภาพลวงตาอินลูชั่น อินฟูลชั่น แกงป่าเป็ดย่าง และอื่นๆอีก 2-3 จาน

บทสรุปความอร่อยของร้านนี้ เราโหวตเป็นเอกฉันท์ให้ไป 5/5 เลยค่ะ อาหารอร่อยจนลืมไม่ลงมันเป็นอย่างนี้เอง 555 พูดแล้วก็ยกสาโทเกรียซดอีกแก้วก่อนกลับและฝันดีราตรีสวัสดิ์

ป.ล. ใครยังมีแรง ลองแวะไปเดินเล่นที่ตลาดคนเดิน UD Town ต่อได้นะคะ แต่ป้าๆขอกลับไปพักเอาแรงเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่ไก่โห่ไปชมทะเลบัวแดงกันค่ะ

DAY TWO

6-7-8 น. : เช้าวันนี้เราลืมตาตามเวลาของกรุ๊ปทัวร์ ตื่นหกโมงเช้า กินข้าวเช้าเจ็ดโมงและล้อหมุนแปดโมงตรง

9.00-11.30 น. : “ทะเลบัวแดง” อำเภอหนองหานกุมภวาปี อยู่ห่างจากใจกลางเมือง 40 นาที ด้วยความเพลีย เพื่อนบางคนงีบต่อบนรถ พักตาดำเอาแรงได้อีกยกหนึ่ง

ลานจอดรถทะเลบัวแดงในช้าวันจันทร์คนไม่เยอะค่ะ คุณน้าที่ขายขนมบอกมา เราซื้อน้ำเปล่าและขนมขึ้นเรือกันหิว และเข้าห้องน้ำห้องท่าที่สะอาดของท่าเดียม ก่อนจะไปลงเรือไฟเบอร์ที่จองไว้ อ่านบล็อกได้ที่นี่ค่ะ “ทะเลบัวแดง”

13.00 น. : “VT แหนมเนือง” แหนมเนืองกลายเป็นเมนู OTOP ของคนอุดรไปแล้วและร้านดังของเมืองที่ขายจนสร้างอาณาจักรได้ก็คือ VT แหนมเนืองค่ะ ด้วยความหิวโซเราสั่งกันเต็มโต๊ะ ทั้งกุ้งพันอ้อย (อร่อยมาก ซื้อกลับบ้าน 5 ไม้ ราคา 190 บาท) แหนมเนือง (อร่อยอีกเช่นกัน ซื้อกล่องใหญ่กลับบ้าน ราคา 240 บาท) แหนมซี่โครงหมูทอด ไส้กรอกอีสาน และสารพันเมนู อิ่มท้องอิ่มใจค่ะ

15.00 น. : “ตลาดผ้านาข่า” เพื่อนของเพื่อนบอกว่าอุดรยังมีของดีอีกที่ที่ต้องแวะ ผ้าหมี่ขิดเป็นผ้าประจำจังหวัดและร้านที่คุณนาย (เพื่อนๆทั้งหลาย) แวะกันก็คือร้านแรกร้านของคุณแม่คุณเดียร์น่า ดาราสาวช่อง 3 ที่ทุกคนปลาบปลื้มค่ะ … น่าเสียดายที่คุณเดียร์น่าไม่อยู่ ไม่เช่นนั้นป้าๆคงจะบ้ายอซื้อกันกลับมาอีกหลายชิ้นค่ะ

17.00 น. : “ศาลเจ้าปู่ย่า” ก่อนบินกลับกรุงเทพ เราแวะกราบไหว้ศาลเจ้าจีนประจำเมืองพร้อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เทพเจ้าทีตีแป่ป้อ ปึงเถ่ากงม่า และพระเจ้าที่เจ้าทาง รวมถึงชมบริเวณศาลเจ้า บึงน้ำ ศาลาจีน และแวะจิบน้ำชาที่คาเฟ่จีนในบริเวณเดียวกัน ก่อนจะรีบบึ่งกลับไปสนามบินเพื่อแพ็คของและขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพค่ะ

18.15 น. : ระยะทางจากเมืองมายังสนามบินใช้เวลา 15-20 นาที ช่วงเย็นรถเยอะหน่อย พอถึงสนามบินเราจึงแทบจะไม่มีเวลาแพ็คของกันเลย แต่คุณนายทั้งหลายก็ยังไม่หยุดช้อปค่ะ เดินไปที่ร้านแพ็คของแต่ก็ยังช้อปขนมกันต่อจนฉันต้องบอกว่า “หยุด เดี๋ยวจะตกเครื่อง !!!”

ดีที่สนามบินต่างจังหวัดคนไม่เยอะ เช็คอินไม่นาน โหลดกระเป๋าก็ไม่มีคิว เราจึงมาถึงเกตได้ทันตอนที่ประตูเปิดไปแล้วครึ่งทาง … ขากลับนี้ Thai Smiles WE9 ใช้เวลาบินน้อยกว่าขามา เราถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพก่อนเวลาถึง 15 นาที ถือเป็นการจบทริปที่งดงามและจะอยู่ในความทรงจำของพวกเราทุกคนค่ะ