ลพบุรี มินิไกด์

ลพบุรีเป็นจังหวัดที่ให้ 4 ดาวได้ทันทีอย่างไม่ลังเลใจเลย ยิ่งลุงกับป้าชอบเมืองประวัติศาสตร์มากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกใจลพบุรี เมืองละโว้เก่าของเรามากขึ้นเท่านั้น …

จังหวัดนี้มีเรื่องเล่าและตำนานน่าฟังมากมาย แต่จะมีเรื่องไหนที่ฟังแล้วต้องอมยิ้มอย่างรู้ทัน เท่ากับจุดกำเนิดของลิงมาเฟียที่เชื่อกันว่าสืบทอดมาจากหนุมานยามที่รบชนะทศกัณฑ์ในครั้งกระโน้น

ลพบุรีเที่ยววันเดย์ทริปได้สบายมากค่ะ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในยุคพระนารายณ์กระจุกตัวอยู่ใกล้กัน จะขับรถหรือจะเดินก็ห่างกันเพียงไม่กี่อึดใจ และถึงแม้ไอแดดจะแผดร่าง แต่ความอลังของประวัติศาสตร์ของเมืองลพบุรีก็ทำให้สองก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยกันเลย

What to Do : ที่เที่ยวลพบุรี

ศาลพระกาฬ ✪✪✪

ศาลศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นจุดออกสตาร์ดสำรวจลพบุรีได้ดีที่สุดค่ะ จากลานจอดรถเราเดินไปยังเกาะกลางถนน … บนเนินสูงนั้นเป็นที่ตั้งของศาลพระกาฬประดิษฐานไว้ด้วยเทวรูปพระนารายณ์ 2 พระองค์ พร้อมกับสิ่งของแก้บนต่างๆที่เจ้าหน้าที่มาดแมนต้องคอยถือไม้ป้องกันลิง โชว์ขู่เพื่อเปิดทางให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปกราบไหว้กันทุกวัน

พระปรางค์สามยอด ✪✪✪✪

ถัดจากศาลพระกาฬ เราเดินข้ามทางรถไฟ ผ่านลิงหนึ่งฝูงไปสู่อีกหนึ่งฝูงที่แยกเขตแดนกันชัดเจน … เพียงแค่ถนนคั้น

“พระปรางค์สามยอด” สร้างด้วยศิลาแลงประดับด้วยปูนปั้น เป็นสถาปัตยกรรมขอมแบบบายนที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นผู้สร้างตามความเชื่อทางศาสนาและเมื่อตกมาอยู่ในแผ่นดินทองของไทย ภายในของพระปรางค์สามยอดก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพุทธศาสนาด้วยการประดิษฐานพระพุทธรูปในรัชสมัยของพระนารายณ์ให้ผู้คนเข้าไปกราบไหว้แทน

พระปรางค์สามยอดมีขนาดไม่ใหญ่นัก เดินวนรอบพระปรางค์ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีค่ะ

ความภูมิใจอีกอย่างในวันนั้นก็เป็นคุณลุงบอดี้การ์ดที่คอยเดินประกบข้าง พร้อมกับถือไม้เท้าป้องกันลิงมาเฟียให้ด้วยความเมตตาป้าเป็นอย่างสูง

 

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ✪✪✪✪

เวลาที่เดินดูซากปรักหักพัง จินตนาการเป็นกุญแจที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ ยามที่ตามอง สมองก็ควรจะปลดล็อกด้วยการนึกถึงภาพในอดีต นั่งไทม์แมชชีนย้อนไปในวันที่ซากเหล่านี้มีกลับมาชีวิตอีกครั้ง … วิธีนี้เป็นเทคนิคการชมโบราณสถานส่วนตัวที่ใช้มาหลายปีและก็สร้างความสนุกสนานในการชมมากยิ่งขึ้น

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ตั๋วเข้าชมโบราณสถานสำคัญถูกเหมาจ่ายตั้งแต่ตอนเข้าชมพระปรางค์สามยอด … ราคา 30 บาท เข้าโบราณสถานได้ 4 แห่ง ประกอบด้วยพระปรางค์สามยอด วัดพระศรีรัตนมหาวิหาร บ้านหลวงราชฑูต และพระตำหนักไกรสรสีหราช คุ้มแสนคุ้มค่ะ

วัดพระศรีฯก่อสร้างด้วยศิลาแลงบนพื้นที่กว่า 20 ไร่ สันนิฐานว่าถูกสร้างขึ้นในยุคของขอม จึงมีพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นประธานอยู่ตรงกลางพื้นที่ โดยในยุคสมัยของพระนารายณ์ ได้มีการสร้างวิหารเก้าห้อง หรือวิหารแนวยาวที่มีช่วงเสา 9 ช่วง ถือเป็นเอกลักษณ์ของยุคนั้น

ตรงทางเข้ามีจุดสแกน QR Code ลิงค์นี้จะพาเราไปยัง You Tube ช่วยบรรยายความรู้ของโบราณสถานพร้อมกับภาพได้อย่างน่าสนใจค่ะ ใครอยากรู้สึกเหมือนมีไกด์ส่วนตัวก็แค่สแกนโค๊ตเท่านั้น ^^

 

บ้านหลวงรับราชฑูต ✪✪✪✪

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าละครดังบุพเพสันนิวาสช่วยให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์ของชาติไทยในยุคพระนารายณ์มากขึ้น และหนึ่งในตัวละครแสนเกลียดของหลายคนก็คงเป็นฝรั่งชาวกรีกผู้นี้ที่กลายมาเป็นคนสนิทและมีบทบาทสำคัญอย่างมากเมื่อหลายร้อยปีก่อน

เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) สร้างบ้านหลังนี้ตามพระราชบัญชาของพระนารายณ์ เพื่อต้อนรับคณะราชฑูตจากฝรั่งเศสในปีพ.ศ. 2228 และ 2230 จึงมีชื่อว่า “บ้านหลวงรับราชฑูต”

สถาปัตยกรรมของบ้านหลวงรับราชฑูตเป็นสไตล์ยุโรป แบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ตรงกลางเป็นโบสถ์ศาสนาคริสต์และรอบข้างเป็นอาคารหลังใหญ่อีก 2 อาคาร โดยหนึ่งในอาคารนั้นยังมีห้องใต้ดินเพื่อใช้เก็บรักษาไวน์อีกด้วย และถ้าสังเกตุดูดีๆจะเห็นว่าขอบประตูหน้าต่างล้วน เป็นรูปแบบของฝั่งยุโรปมากกว่าของไทย เชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งพระอัจฉริยภาพของพระนารายณ์ในการสานสัมพันธุ์ทางการฑูตกับฝรั่งในยุคนั้น

และถ้าเดินต่อไปยังด้านหลังของตัวบ้านจะยังมีห้องครัวที่นางมารี กีมาร์ เดอร์ ปินา หรือท้าวทอง กีบม้า ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์คิดค้นขนมทองหยิบ ทองหยอด และฝอยทองที่ตกทอดลงมาถึงปัจจุบัน … ความรื่นรมย์ในระหว่างที่เดินชมในวันนี้ ยอมรับเลยว่า ต้องยกความดีความชอบให้กับคุณรำแพง นักเขียนนวนิยายบุพเพสันนิวาสค่ะ ดูหนังแล้วเดินตามรอย จินตนาการได้ง่ายและสนุกขึ้นมากจริงๆ

 

พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ✪✪✪✪✪

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงไฮไลท์ของหน้าประวัติศาสตร์ พระราชวังที่ประทับของพระนารายณ์ มหากษัติย์องค์ที่ 27 ของกรุงศรีอยุทธยา ผู้นำพามาซึ่งความรุ่งเรืองในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการต่างประเทศที่สุดท้ายแล้วช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมของต่างชาติได้

พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือวังนารายณ์ ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2209 และถูกอุปโลกให้เป็นราชธานีที่สองหรือเมืองละโว้ในสมัยนั้น พระราชวังถูกออกแบบโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส งดงามด้วยการผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับยุโรป

พระนารายณ์ทรงโปรดพระราชวังแห่งนี้มากเช่นเดียวกับที่โปรดเมืองลพบุรี สิ่งก่อสร้างสำคัญต่างๆ เช่นกำแพงเมืองหรือป้อมปราการจึงถูกสร้างในยุคช่วงนี้ จนเมื่อหมดสมัยของพระนารายณ์ พระราชวังรวมถึงสิ่งก่อสร้างอื่นๆก็ถูกทิ้งร้างและเสื่อมโทรมลง จนรัชสมัยของรัชกาลที่ 4 กลับมาทำนุบำรุงอีกครั้ง

หัวใจของละโว้

บรรยากาศเขียวขจีของพระนารายณ์ราชนิเวศ์ ที่ระหว่างเดินชมมีเสียงเพลงละครบุพเพสันนิวาสคลออยู่เบาๆ

กำแพงเมืองที่เป็นเอกลักษณ์ของพระราชวัง

พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ พระที่นั่งที่พระนารายณ์ทรงสวรรคต

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ จัดแสดงโบราณวัตถุก่อนประวัติศาสตร์สมัยทวารวดีและขอมจนมาถึงเมืองลพบุรี และที่ชั้นบนของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้บางส่วนของรัชกาลที่ 4 ครั้งที่เคยมาพำนักที่พระราชวังแห่งนี้

พระที่นั่งไกรสรสีหราช ✪✪✪

จุดเช็คอินสุดท้ายของหน้าประวัติศาสตร์อยู่ที่พระที่นั่งไกรสรสีหราช พระที่นั่งเย็น หรือตำหนักทะเลชุบศร ที่อยู่ห่างจากตัวเมืองลพบุรีประมาณ 3 กิโลเมตร

พระนารายณ์ทรงประทับ ณ ตำหนักนี้ยามเมืองประพาสป่า และในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำหลากมารวมกันเป็นแอ่งน้ำใหญ่ จึงเรียกว่าทะเลชุบศร ในอดีตเป็นจุดชักน้ำผ่านท่อน้ำดินเผาไปยังพระนารายณ์ราชนิเวศน์อีกด้วย

นอกจากนั้นพระที่นั่งไกรสรสีหราชยังเป็นจุดชมดาราศาสตร์ เพราะเป็นพื้นที่เปิดกว้าง มีขนาดใหญ่พอจะติดตั้งเครื่องมือในการดูดาวและมองท้องฟ้าได้ชัดเจน และตามบันทึกของชาวฝรั่งเศส จดบันทึกไว้ว่าพระนารายณ์ได้มาชมจันทรุปราคา ณ ที่พระที่นั่งแห่งนี้ในปี พ.ศ. 2228 ถือเป็นจุดกำเนิดดาราศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศไทย

ปัจจุบันพระที่นั่งไกรสรสีหราช หลงเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังพอจินตนาการได้ถึงเค้าโครงเดิมซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวยกสูง มีส่วนกำแพงที่เป็นทางเดินเข้าห้องโถงและหน้ามุขต่างๆ ถือเป็นการปิดทริปสำรวจลพบุรีในหนึ่งวันอย่างสมบูรณ์แบบและอิ่มเอิบใจค่ะ

 

Where to Eat : ร้านอร่อยนครปฐม

ล้วน ✪✪✪

พอรู้ว่าร้านดังของลพบุรีเป็นก๋วยเตี๋ยว มีหรือที่จูน ศศิวิมลจะพลาด … เรื่องเส้นนี่ชอบนักค่ะ

ล้วนตั้งอยู่ตรงวงเวียนศรีสุริโยทัยหรือวงเวียนสระแก้ว หน้าร้านมีป้ายโค้กสีแดงพาดอยู่ ขับวนรอบวงเวียนรับประกันว่าไม่พลาดสายตาแน่นอน

เมนูดังของล้วนคือลูกชิ้นหมูและหมูหมักที่ร้านทำเองตามสูตรเฉพาะ … ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสและลูกชิ้นหมูจึงเป็นสองเมนูที่ขายดิบขายดี รสชาติของก๋วยเตี๋ยวชามนี้บอกเลยว่ากลมกล่อมค่ะ เส้นเหนียวดี หมูหมักนุ่มหนึบ ปรุงน้ำปลาและพริกป่นอีกนิด แซ่บขึ้นเหลือหลาย จะติก็เพียงหมูปิ้งที่น้ำจิ้มข้นคลั๊ก จัดจ้านแต่กลับไม่ถูกใจค่ะ ส่วนที่จอดรถต้องหาจอดตามริมถนน ร้านไม่มีแอร์แต่ก็ไม่ร้อนเพราะค่อนข้างโปร่ง ลูกค้าเยอะค่ะ เข้าออกทั้งวันไม่ขาดสายกันเลย (ถนนนารายณ์มหาราช อำเภอเมือง เปิด 08.00 – 17.00 น. ทุกวัน)

 

ฅ. กาแฟ ซดสด ✪✪✪✪

จริงๆแล้ว ตั้งใจจะไปอีกร้านกาแฟ แต่พอไปถึงที่กลับดูท่าไม่น่าไว้วางใจ เลยตัดสินใจเลี้ยวรถกลับมาที่ ฅ. กาแฟ ซดสด แทน และก็เหมือนดังบุพเพสันนิวาสให้มาพบกันและก็ถูกใจลุงกับป้ามากเหลือเกินค่ะ

เมนูแนะนำคือเมนูดังตั้งแต่ปี 2555 น้ำมะพร้าวหอมนมสด ก่อนจะต่อด้วยชาไทยปั่น แก้วธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดาเลย

น้ำมะพร้าวหอมนมสด บอกเลยว่าสดชื่นจริงจัง น้ำมะพร้าวปั่นกับนมสด เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ รสชาติหวานอ่อนๆ แถมยังหอมน้ำมะพร้าวอีกด้วย ชอบมากๆค่ะ

บรรยากาศภายใน เหมือนเดินเข้ามาในร้านขายดอกไม้ ร่มรื่นด้วยแมกไม้และกล้วยไม้โทนสีม่วง … ป้ายคู่สร้างคู่สมสะดุดตาในแทบทุกมุม จนนึกว่าเป็นร้านของคุณดำรง พุฒตาล แต่หนุ่มบาริสต้าบอกว่าไม่ใช่ อยากรู้ให้ไปอ่านประวัติที่ติดไว้หน้าร้าน จึงได้รู้ว่า ฅ. กาแฟ ซดสด โด่งดังและมีชื่อเสียงมาจากหนังสือคู่สร้างคู่สมนั่นเอง

ในวันธรรมดาลูกค้าของร้านมีเข้าออกตลอดเลยค่ะ ช่วงวันหยุดพนักงานบอกว่าคนแน่นมาก ที่จอดรถหน้านร้านจอดได้เพียงไม่กี่คัน และถ้าเต็มก็ต้องจอดเรียงกันริมถนนแทนค่ะ (ถ.สราญรมย์ เทศบาลเมือง เปิด 07.30 – 17.30 น. ทุกวัน)

 

ประวัติลพบุรี

ลพบุรีเป็นจังหวัดในภาคกลางที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน (มาก) ย้อนต้นกำเนิดไปได้ถึงยุคทวารวดี ผ่านมาถึงยุคของขอม มีศิลปะของพระปรางค์สามยอดแบบบายนให้เห็น ก่อนจะมาถึงช่วงอยุธยายุคพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199-2231) หรือประมาณสามร้อยปีที่แล้วที่ลพบุรีรุ่งเรื่องสุดขีด

ชื่อของลพบุรีเชื่อกันว่าผันมาจากคำว่า “ลวะ” ในภาษาสันสกฤตที่แปลว่าน้ำ เพราะเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ เพาะปลูกอะไรก็ขึ้น แต่บางคนก็เชื่อว่ามาจากภาษามอญที่มีความหมายว่าภูเขา ซึ่งหลังจากขับรถเที่ยวเมืองก็เห็นด้วยว่าภูเขาในลพบุรีมีรูปทรงแปลกตาจริงๆค่ะ

การเดินทาง

จากกรุงเทพ-ลพบุรี ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง ระยะทาง 160 กิโลเมตร