ทริปหอยทาก ออสเตรีย-ฮังการี-เช็ค : วันที่ 6 – 7 ท่องเมืองเสียงดนตรีของ Mozart

ในปี  1756 ชายชาวออสเตรียได้ให้กำเนิดบุตรชายใจกลางเมือง Salzburg ห้าปีต่อมาเด็กชายผู้นี้เริ่มประพันธ์เพลง และเปิดการแสดงทั่วยุโรปต่อหน้าชนชั้นนำและราชวงศ์ต่างๆ เขาถูกเรียกว่าเป็น Child Prodigy หรือเด็กพิเศษแห่งวงการดนตรีคลาสสิก

Wolfgang Amadeus Mozart มีชีวิตวัยเด็กที่หรูหรา ท่องเที่ยวไปทั่วยุโรป แต่ชีวิตในวัยรุ่นของเขากลับไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Mozart ย้ายกลับมาอยู่ที่ Salzburg ทำงานประจำและรับเงินเดือนในโบสถ์แห่งหนึ่งของเมือง ในที่สุด เขาตัดสินใจทิ้งชีวิตที่บ้านเกิด ย้ายเข้าสู่เมืองหลวง Vienna ที่ซึ่งเขาได้แต่งงานกับหญิงสาวที่รักท่ามกลาง ความไม่เห็นด้วยของครอบครัว

Mozart เสียชีวิตในวัยเพียง 35 ปี โดยในช่วง 5 ปีสุดท้ายของชีวิต เขาได้ประพันธ์เพลงไว้มากมายกว่า 600 บทเพลง ที่นำพาชื่อเสียงอันเป็นนิรันด์ให้กับเขาจวบจนทุกวันนี้

Salzburg Guide

Mirabell Palace and Gardens

จากโรงแรมเรานั่งรถแทรมเพียง 2 ป้าย ก็จะถึงสวนดอกไม้ชื่อดังของ Salzburg แต่ก่อนจะไปชมมวลดอกไม้ ฉันแนะนำให้แวะมาดูห้อง Marble Hall ที่ตั้งอยู่ใน Mirabell Palace ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1606 ก่อน ห้องหินอ่อนนี้อยู่ที่ชั้น 2 ของตึก เมื่อเดินขึ้นบันไดวนหินอ่อน ก็จะเจอห้องโถงหรูหรา เสียดายที่วันนี้ถูกกั้นให้ชมได้จากช่องประตูเท่านั้น ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า Marble Hall ก็จะกระหึ่มไปด้วยเสียงเพลง คอนเสริต์ที่จัดขึ้นอยู่บ่อยครั้งในห้องโถงนี้

Mirabell Gardens ในวันนี้สวยงามเหลือเกินค่ะ ฟ้าใสไร้เมฆ สวนมิราเบลมีขนาดกะทัดรัด เดินได้ทั่วภายในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง หากบางคนนั่งได้ทั้งวัน เพราะสวยหย่อมนี้มีเก้าอี้นั่งให้ชมรูปปั้น น้ำพุ และดอกไม้ คุณยายถูกใจเป็นพิเศษ ขอถ่ายรูปเดี่ยวอยู่หลายรูป หลานสาวเองก็จดจำได้ว่าสวนนี้มีฉากอยู่ในหนัง The Sound of Music ที่เพิ่งจะดูบนเครื่องบิน สรุปเป็นเช้าที่มีความสุขทั้งครอบครัวค่ะ (เข้าชมฟรีทั้ง Marble Hall และ Mirabell Gardens)

Makart Steg

Salzburg ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง มีแม่น้ำสายเล็กคั้นกลาง จึงมีสะพานเชื่อมเมืองอยู่หลายเส้น เราเดินข้ามสะพาน Makart Steg ในวันที่สวยงาม คุณยายและไม้เท้ากายสิทธิ์หยุดถ่ายรูปกลางสะพานคนเดิน ท่ามกลางสัญญารักของหนุ่มสาว กุญแจ Padlock สีสันสดใส

วิวเมืองเมื่อมองจากกลางสะพาน

Salzburg Old Town

หัวใจของเมือง Salzburg ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลก Unesco World Heritage อย่างไม่ต้องสงสัย ใจกลาง เมืองนี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น และกลายเป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ของ Salzburg และของโลก

Mozart Birthplace

อาคารสีเหลืองแห่งนี้ เป็นที่ให้กำเนิดเด็กชาย Mozart เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน บ้านหลังนี้เป็นของ Leopold Mozart บิดา และ Anna Maria Walpurga มารดาของ Mozart ในจำนวนพี่น้องเจ็ดคน มีเพียง Mozart และพี่สาวเท่านั้นที่รอดชีวิตในวัยเด็ก (อัตราการเสียชีวิตของเด็กในโบราณสูง หลายคนจึงมีความเชื่อว่า เวลาวาดภาพเด็ก ต้องวาดให้หน้าแก่ เพื่อเป็นการเสริมดวงชะตาให้กับเด็กคนนี้)

ปัจจุบันอาคารหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราว วิถีชีวิต และผลงานของ Mozart น่าเสียดายที่พิพิธภัณฑ์เกือบ ทุกที่ใน Salzburg ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป ฉันเลยไม่มีภาพห้องนอน ห้องที่ให้กำเนิดบิดาแห่งดนตรีคลาสสิกมาฝากกัน

Getreidegasse

ฉันเคยมาเดินเล่นที่ถนนช้อปปิ้งสายนี้เมื่อหลายปีก่อน จุดเด่นของถนน Getreidegasse อยู่ที่ป้ายชื่อร้านที่ยื่นออกมาเหนือถนน แต่ละร้านจะดีไซน์โครงเหล็กเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตน ให้อารมณ์หรูหราเหมือนฝรั่งเศส ประกอบกับร้านรวงสองข้างทางมีสินค้าน่าซื้อมากมาย ทำให้หลายคนที่มาเดินเล่นต้องควักเงินเสียสตางค์ เช่นเครื่องแก้ว Swarovski แบรนด์ดังของ Austria หรือของฝากจาก Mozart ไม่ว่าจะเป็นช้อกโกแล็ต เป็ดเหลือง ปากกา สมุดและอื่นๆที่เอาใบหน้าของศิลปินเอกของโลกมาเป็นสัญญลักษณ์

Sound of Music World

พิพิธภัณฑ์ The Sound of Music ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของถนนช้อปปิ้ง Getreidegasse หลานสาวถูกอกถูกใจหนังเรื่องนี้ เลยขอให้พาไปชม อาคารหลังนี้มีเพียง 2 ชั้นเท่านั้น ชั้นล่างเป็นร้านขายของที่ระลึก และชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ห้าม ถ่ายรูปค่ะ

พิพิธภัณฑ์แบ่งสัดส่วนเป็นห้องๆ ประหนึ่ง Villa ของ Trapp Family ภายในมีเรื่องราวให้อ่านและชมจนเข้าใจได้ถึง ความยากลำบากของชีวิตในยุคนาซี และการตัดสินใจย้ายหนีจาก Austria ไปสู่อเมริกาของหัวหน้าครอบครัว ทิ้งให้ Villa Trapp กลายเป็นบ้านร้างในที่สุด … จากบทประพันธ์ที่เขียนจากเรื่องจริง ไปสู่ละครเวที และหนังดัง ตำนานของตระกูล Trapp คงยังจะอยู่ในใจพวกเราทุกคนตราบนานแสนนาน

Residenzplatz

จตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองเก่า รายรอบไปด้วยอาคารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตรงกลางมีน้ำพุใหญ่สีทอง ในฤดูร้อน มีแผงลอยขายภาพวาด และเป็นจุดจอดอีกหนึ่งแห่งของสามล้อชมเมือง Rikscha Tours ที่พาสูงวัยเที่ยวโดยไม่ต้องเมื่อยขา ไกด์เล่าเรื่องราวของ Salzburg ให้ฟัง ภายในเวลา 25 นาที ราคา 23 ยูโรค่ะ (Rikscha Tours มีให้เลือกหลาย โปรแกรม ต่างเส้นทาง และเวลา ราคาตั้งแต่ 23-40 ยูโร)

Salzburg Cathedral

ด้านหลังของ Residenzplatz เป็นที่ตั้งของโบสถ์สวยประจำเมือง เสียดายที่ในวันนี้ด้านหน้าของโบสถ์กำลังบูรณะ ฉันเลยอดชมหอระฆังสองหอที่เป็นเอกลักษณ์

Salzburg Cathedral ก่อสร้างขึ้นในปี 774 ก่อนจะถูกทำลาย และสร้างใหม่อย่างในปัจจุบัน ศิลปะบาโร็คเป็นดีไซน์ภายในโบสถ์ งานปูนปั้นจึงดูอ่อนช้อยและสวยงาม สีของปูน ที่สะท้อนกับแสงพระอาทิตย์ ทำให้กลายเป็นสีขาวผ่อง ฉันหยิบกล้องขึ้นถ่ายรูปทันใด และส่งภาพสวยกลับไปอวดคุณลุงที่กำลังมุ่งหน้ามาเจอเราที่ Salzburg

Dom Quartier Museum

พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ไม่ควรพลาดของเมืองแห่งนี้อยู่ในตึกที่เชื่อมกับ Salzburg Cathedral ที่ชั้น 2 มีคอลเล็กชั่นของเก่า และงานศิลปะที่จัดยาวไปจนสุดอีกหนึ่งอาคารใกล้ๆกัน ภายในไม่ให้ถ่ายรูปอีกเช่นเคย ถามว่าประทับใจไหม? ฉันให้คะแนนกลางๆค่ะ ไม่มีไฮไลท์เด่น แต่เพราะค่าตั๋วรวมอยู่ใน Salzburg Card เลยมาดูในวันว่างของบ่ายนี้

Kapitelplatz

ด้านหลังของ Dom Quartier Museum ยังมีอีกหนึ่งจตุรัสที่ห้ามพลาดสำหรับสายอาร์ตยุคใหม่ นอกจากจะเป็นจุดชมวิวป้อมปราการของเมือง กลางจตุรัสยังมีรูปปั้นสีทอง Golden Ball ที่มีชื่อว่า Sphaera ตั้งอยู่ด้วย รูปปั้นนี้เป็นผลงานของศิลปินชาวเยอรมัน Stephan Balkenhol ผู้ซึ่งรังสรร Sphaera สูง 9 เมตร กับชายผู้ไร้อารมณ์อยู่บน golden ball กลายเป็นจุดตัดระหว่างโลกเก่าและใหม่ที่ไม่ควรพลาดใน Salzburg

Salzburg Fortress

ถัดจาก Kapitelplatz ฉันก็เดินตรงไปยัง Salzburg Fortress ซึ่งอยู่ด้านหลัง ตั้งใจจะขึ้นรถรางไปชมวิวเมืองบนเนินเขา Festungsbert ที่มีหน้าที่ป้องกันเมืองมาตั้งแต่ปี 1000s แต่คิวขึ้นรถรางของบ่ายวันนั้นยาวเลยออกมาจากทางเข้าหลายสิบเมตร ฉันเลยถอดใจ ไม่ขึ้นไปชมเนินเขาและปราสาท Hohensalburg Castle ซึ่งเปิดให้เข้าชมห้องหับต่างๆ ภายใน ทั้งๆที่เข้าฟรีเพราะค่าตั๋วรวมอยู่ใน Salzburg Card … เสียดายจริงๆค่ะ

Mozartplatz Square

จตุรัสที่แฟนคลับของ Mozart ไม่ควรพลาด ร่างของศิลปินเอกถูกนำกลับมาฝังอยู่ที่บ้านเกิด ตรงกลางลานเป็นรูปปั้น บรอนซ์ของท่านเพื่อให้ทุกคนรำลึกของอัครศิลปินผู้นี้

Mozart’s Residence (Mozart Wohnhaus)

บ้านใหญ่สีครีมหลังนี้ ตั้งอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ ห่างจากบ้านที่ให้กำเนิด Mozart ประมาณ 10 นาที บ้านหลังนี้เป็นที่อยู่ อาศัยของเขาและครอบครัว เขาเติบโตและใช้ช่วงชีวิตวัยหนุ่มในที่นี่  ภายในพิพิธภัณฑ์พยายามเก็บรักษาทุกอย่างให้ เหมือนเดิมเมื่อครั้งที่ Mozart ยังใช้ชีวิตอยู่

Salzburg Card

บัตรเที่ยวชมเมืองใบนี้ คุ้มค่ามาก สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวและชมให้ครบทุกซอกทุกมุมของ Salzburg เพราะรวบรวม พิพิธภัณฑ์ และแลนด์มาร์คกว่า 49 แห่งให้เราเข้าฟรี เช่น Hohensalzburg Fortress (ไฮไลท์ที่พลาดเพราะคิวยาว) Mozart’s Birthplace, Mozart’s Residence, Museum of Modern Art Salzburg, Salzach Cruise (เรือล่องแม่น้ำ) Sound of Music World และอีกมากมาย ร่วมถึงใช้บริการรถแทรม และบัสฟรีตลอดสาย (แต่จริงๆแล้วภายในเมือง เดินถึงกันหมด นอกเสียจากจะพักออกมานอกเมืองค่ะ)

Salzburg Card หาซื้อได้ตามโรงแรม บูธนักท่องเที่ยว สถานีรถไฟ และสนามบิน หรือสั่งออนไลน์ได้ที่ Salzburg.info ได้ในราคา 29 ยูโร สำหรับ 24 ชั่วโมง 38 ยูโร สำหรับ 48 ชั่วโมง และ 44 ยูโร สำหรับ 72 ชั่วโมง (ราคาของเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะถูกลง 50%) และราคาในช่วงฤดูหนาวตั้งแต่มกราคม-เมษายน และ พฤศจิกายน-ธันวาคม จะถูกกว่า ฤดูร้อน .. แน่นอนว่าฉันซื้อ Salzburg Card สำหรับ 24 ชั่วโมง และท่องเมืองแห่งเสียงดนตรีนี้อย่างคุ้มค่าค่ะ

Arte Hotel Salzburg

ห้อง Junior Suites ของโรงแรมนี้นอนได้ 4 คนค่ะ รูปทรงของห้องเป็นแนวยาว สี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมขวาเป็นห้องนอนหลัก ตรงกลางเป็นห้องอาบน้ำ ห้องสุขาแยกออกมาอีก 1 ห้องเล็กๆ และด้านซ้ายของห้องเป็นห้องรับแขก ซึ่งในวันนี้ Sofa Bed เปลี่ยนเป็นเตียง Queen Size มีม่านบางๆกั้น และมีทีวีทั้งสองห้อง ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เป็นสัดเป็นส่วน แม้จะอยู่ในห้องเดียวกัน

โรงแรมนี้ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟหลักของ Salzburg มองจากห้องลงไป จะเห็นรางรถไฟเป็นแนวยาว ตอนแรกยังคิด กลัวในใจว่าจะได้ยินเสียงรถไฟวิ่งรบกวนตอนกลางคืนไหม สามีเป็นคนนอนหลับยาก แต่กลับไม่ได้ยินอะไรเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะกระจกรอบห้องหนากันเสียงได้ดี หรือเพราะเป็นรถไฟฟ้าเสียงจึงเงียบกริบ แต่เอาเป็นว่าหลับสบายไร้กังวล

ดีไซน์ของ Arte Hotel Salzburg เรียบเท่ สไตล์ปูนเปลือยค่ะ ทุกอย่างดู Greyhound มากๆ และวิวสวยค่ะ โดยเฉพาะวิวของห้องอาหารเช้าสวยเลยตอนพระอาทิตย์ขึ้น คุณพ่อถูกใจขอชักรูปเดี่ยวไปอวดเพื่อนๆหนึ่งรูป

ส่วนอาหารเช้าก็ดีค่ะ มีให้เลือกหลากหลาย กาแฟกลมกล่อมมาก ต้องลอง คราวนี้ฉันรวม ABF เข้าไปในห้องพักด้วย เพราะโรงแรมอยู่นอกเมือง กลัวสูงวัยตื่นเช้าและหาอาหารเช้าไม่ถูกใจแล้วจะหงุดหงิด ซึ่งเป็นไอเดียที่เวริ์คมาก สูงวัยชอบใจจริงๆ (โรงแรมอยู่ห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 3-4 ป้ายสถานี เดินประมาณ 15-20 นาที โลเคชั่นใช้ได้ แต่ถ้าหน้าหนาวก็จะทรมานหน่อย ต้องใช้รถรางเข้าเมือง เพราะถ้าเดินก็จะแข็งตายได้)

ข้อติของโรงแรมนี้ คือ ไม่มีน้ำดื่มบริการในห้องให้เลย มีแต่ไวน์ซึ่งเสียเงิน คนไทยไม่คุ้นดื่มน้ำก๊อก และฉันก็ไม่อยากให้สูงวัยดื่มด้วย เลยต้องเดินไปซื้อน้ำขวดที่ปั๊มน้ำมันตรงข้ามโรงแรม และอีกอย่าง จำนวนพนักงานน้อยค่ะ จะขออะไรที เช่นขอหมอนเพิ่ม ก็จะรอนานหน่อย สอบถามข้อมูลที่ล็อบบี้ บางทีก็ต้องรอคิวลูกค้าคนอื่น แต่ด้วยความสบายของห้องพัก อาหารเช้าเลิศ ก็ยังให้คะแนน 8/10 ค่ะ (ชั้นใต้ดินเป็นที่จอดรถค่ะ ค่าจอดคืนละ 15-18 ยูโร)