ความสุขแบบเต่าๆ – Cape Shark Villa

หลังจากวิกฤตครอบครัวคลี่คลายลง สมาชิกมีอาการดีขึ้นตามลำดับ เราก็ขอไปเบรกใจไกลๆสักหนึ่งอาทิตย์

ลุงถามว่า อยากไปไหน? เราตอบว่า “อยากติดเกาะ”

เกาะไหน?

เกาะเต่าสิ เราตอบ … จะได้ใช้ชีวิต chill & slow สมใจและสมชื่อเต่าจริงๆ

Cape Shark Villa …

เคยผ่านตาวิลล่านี้มาบ้าง แต่มารู้จักสนิทสนมก็ช่วงโควิดระเบิดกลางปี 64 เพื่อนเรามาใช้ชีวิตเป็นชาวเกาะอยู่หลายเดือน เราเห็นรูปวิลล่าผ่าน Instagram ของเพื่อนก็ถูกใจบรรยากาศและความเป็นบ้านส่วนตัวริมเขาที่วิวสวยเท่ากับจุดชมวิว

หมอนวดที่ใช้ชีวิตบนเกาะเต่ากว่า 15 ปี เล่าให้เราฟังว่า … สมัยก่อน อ่าวตรงนี้มีฉลามทรายและฉลายครีบดำเป็นฝูง เลยตั้งชื่อว่าอ่าวฉลาม (Cape Shark) แต่ตอนนี้ปลาฉลามหายไปเยอะ ปะการังก็เสียหาย แต่ยังโชคดีที่ความอุดมสมบูรณ์ยังมีอยู่ จึงมีเต่าทะเลหลงเหลือให้คนมาดูกันที่นี่ เลยตั้งชื่อว่าเกาะนี้ว่าเกาะเต่าไง

Cape Shark Villa แท้จริงแล้ว เป็นบ้านพักตากอากาศที่ขายให้กับคนทั่วไป หลังละ 5, 7, 10 หรือ 22 ล้านบ้าง เจ้าของบ้านพักที่ซื้อไปก็สามารถเอาเข้าโครงการบริหารรายได้ ให้กลายเป็นโรงแรมเพื่อให้แขกคนอื่นๆมาใช้บริการ ส่วนเจ้าของก็ได้เงินส่วนแบ่ง คอนเซปต์เดียวกับหลายๆสินทรัพย์ตามจุดท่องเที่ยวดังๆ

เสน่ห์ของ Cape Shark Villa คือทุกห้องตั้งอยู่เหนือระดับทะเลหลายสิบเมตร หันหน้าออกตรงสู่ทะเลกว้าง ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น เห็นวิวทะเลจนอิ่มใจ นอกจากนั้นยังลมโกรกดีชะมัด วิวสวยทั้งเบื้องหน้าและเบื้องล่าง มองได้ทั้งวันไม่เบื่อเลย

แต่เสน่ห์นี้ ก็มีข้อควรระวัง คือ การเดินทางขึ้นลงภายในวิลล่านั้นสูงและชันมาก พื้นที่ส่วนกลางที่เป็นแนวราบแทบจะไม่มีเลย หน้าหาดก็ไม่มีเช่นกัน ใครคิดจะเดินออกกำลังกาย หรือเดินย่อยอาหารก็ต้องเปลี่ยนเป็นเดินขึ้นลงเขาแทน เหนื่อยหอบ และปวดน่องจนต้องกลับมาทายาในวันแรกๆ แต่ความลำบากนี้ก็พอมีทางออก สำหรับคนข้อเข่าไม่ดี ให้เรียกรถ Suzuki คันนี้มารับส่ง ช่วยชีวิตได้ แต่ก็ต้องจับเหล็กให้แน่นๆ เพราะบางจุด พื้นเอียงแทบจะเก้าสิบองศากันเลยทีเดียว

ห้องพักของเรา Villa C23C เป็นวิลล่าหนึ่งห้องนอนขนาดกะทัดรัด ซึ่งสามีชอบมาก เราเคยไปพักที่ Soneva Kiri สามีบอกว่าใหญ่ไป เอาขนาดนี้แหล่ะกำลังดี

ห้องรับแขกก็นั่งสบาย ลมเย็นโชยผ่านหน้าต่าง 3 ด้านตลอด ห้องครัวเป็นแบบแพนทรีแต่ full kitchen คืออุปกรณ์ทำครัวครบ แต่พื้นที่ที่เรานั่งมากที่สุดก็ตรงเฉลียงรับลมทะเล ที่ทำเป็นโต๊ะอาหาร โต๊ะทำงาน ร่วมถึงที่นอนดูละครย้อนหลัง

สระน้ำอินฟินิตี้ขนาดจิ๋วเท่ากับอ่าง Onsen นี้เล็กแต่วิวดี เรามักแช่กันช่วงพระอาทิตย์ตกดิน พร้อมกับจิบไวน์ขาวเย็นๆ มองแสง twilight ที่สาดแสงอยู่ตรงเนินเขาข้างๆ … มีความสุขแบบเต่าๆดีค่ะ

ในห้องยังมีของใช้กระจุกกระจิก เช่น จักสาน ถาด กระเป๋า หมวก และของตกแต่ง เช่น เทียน หมอน วันๆ ในขณะที่ลุงนั่งทำงาน เราก็หามุมกินข้าว และ set up ฉากสวยๆ ถ่ายรูปไว้เก็บเป็นที่ระลึก

กลับมาที่เรื่องของอาหารการกิน Cape Shark Villa ไม่มีห้องอาหารกลาง ไม่มี room service แต่ทุกห้องพักจะมีเมนูอาหารของหลายร้านดังในเกาะเต่าวางไว้ให้สั่งเอง ทั้งอาหารไทย ฝรั่ง อิตาเลียน ไปจนถึงญี่ปุ่น วิธีการสั่งก็แค่ยกหูโทรตรงกับร้าน อาหารก็จะมาเสิร์ฟให้ถึงวิลล่าภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น

ร้านประจำของเรา คือ ร้านปิ่นโต ขายอาหารใต้ อาหารไทย ที่มีส้มตำทอดอร่อยมากๆ อาหารจะเสิร์ฟมาในรูปแบบรักษ์โลกของปิ่นโตเถาเล็ก แถมสะดวกเราด้วยที่ไม่ต้องล้างจาน อีกร้าน คือ French Market ที่แป้งพิซซ่าหนาหนึบ อร่อย ดีงาม

หรือถ้าใครติดเกาะหลายวัน ก็นั่งรถของโรงแรมเข้าไปซื้อของสด ผัก ผลไม้ได้ที่ร้านต่างๆตรงแม่หาด มีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต อาหารแช่แข็ง ขนมนำเข้า อาหารทะเล กุ้ง ปลาหมึก ปลา เอามาทำอาหารกินเองได้ที่ห้อง (โรงแรมมีรถรับ-ส่งไปที่ตัวเมือง) ราคาสินค้าบนเกาะเต่าแพงกว่าบนบกแน่นอนอยู่แล้ว ข้ามน้ำทะเลมา แต่ก็ไม่ได้สูงจนเกินไป เอาจริงๆ เราว่าค่าอาหารที่เกาะเต่าถูกกว่าหัวหินและภูเก็ตอีก

ใครสนใจอยากพักที่ Cape Shark Villa จองได้ผ่าน Line Official ของโรงแรม เรตราคาในช่วงโควิด High Season เราจ่ายคืนละ 5,500 บาท รวมอาหารเช้า

ขอทิ้งท้ายสำหรับคนที่สนใจพัก Cape Shark Villa ว่ามีข้อควรระวังอยู่บ้าง สำคัญที่สุด ก็คือการเดินทางระหว่างวิลล่ากับตัวเมืองนั้นไม่ต่างอะไรกับรถไฟเหาะ แต่ไม่ตีลังกา สูงวัย และเด็กเล็ก ควรนั่งในรถ ท้ายกระบะให้เป็นที่ของคนหนุ่มสาว และพนักงาน reception จะดูแลลูกค้าถึงแค่ห้าโมงเย็นเท่านั้น ถ้าจะแจ้งเมนูอาหารเช้า หรือขอให้ติดต่อ/สอบถามอะไร ต้องแจ้งก่อนห้าโมงเย็นเท่านั้น

รวมถึงคายัคที่ Sun Deck 3 มีบริการถึงห้าโมงเย็น พนักงานจะมาช่วยเอาคายัคลงและเก็บให้ แนะนำว่าไม่ควรทำเองเพราะเป็นแนวโขดหิน และถ้าคลื่นลมแรง ก็ควรงดพายคายัคเช่นกัน เปลี่ยนเป็นดำน้ำตื้นริมอ่าวจะปลอดภัยกว่า

ท้ายสุดเป็นเรื่องความปลอดภัย ตรงบันไดทางลงแต่ละ Sun Deck มีตระไคร้น้ำเกาะ และลื่นมาก ห้ามวิ่งหรือก้ากั่นกระโจนลงทะเลเด็ดขาด วันแรกที่มา เราเดินลงไปถ่ายรูปที่ Sun Deck 2 กับลุง ลุงลื่นหกล้มจนได้แผลมาหลายจุด พร้อมกับการจากไปของกล้องถ่ายรูป + เลนส์ที่รัก ภาพถ่ายของทริปนี้เลยมาจากกล้องมือถือเกือบทั้งหมดค่ะ

ก่อนจบ … เรามีภาพของห้อง C5C ที่จองยากที่สุดในเกาะเต่ามาฝากกัน ห้องนี้เราขอนมัสเต … คนคิด และ เบญจางคประดิษฐ์ … คนสร้าง เพราะเป็นห้องที่สันโดษสุด สร้างอยู่ตรงง่ามเขา บนโขดหิน และประชิดริมทะเล แบบคลื่นซัดโครมๆได้ตรงหน้า เราถือโอกาสวิ่งไปชมห้องหลังจากแขก Check Out และเก็บรูปมาฝากกัน

เครดิตภาพ : Cape Shark Villa

ข้อมูลอื่นๆ

  • โรงแรมไม่มีห้อง spa มีหมอนวดมาที่ห้อง ราคาเริ่มต้น 500 – 1,500 บาท และแจ้ง reception ก่อน 1-2 ชั่วโมง
  • โรงแรมไม่มีห้องออกกำลังกาย และไม่มีพื้นราบให้วิ่งจ๊อกกิ้งได้ แต่มี Sun Deck ทั้ง 3 พร้อมกับเสื่อโยคะ
  • มีบริการแว่นตาดำน้ำ และตีนกบ พร้อมกับฟรีคายัค
  • แม่บ้านทำความสะอาดวันละครั้ง และช่วยล้างจาน
  • มีบริการซักรีดเสื้อผ้า คิดกิโลละ 90 บาท
  • รถรับส่งระหว่างโรงแรมและตัวเมือง หาดทรายรี มีวันละ 2-3 รอบ
  • แท็กซี่สำหรับเดินทางในเกาะ แนะนำของคุณเบียร์ ติดต่อ 080-679-1961/ 082-279-9795 (kohtao@gmail.com)

Address & Location

21/48 Moo 3 Koh Tao, Koh Tao Suratthani 84280 +66 77 457 121        hotelbooking@capesharkvillas.com