มะนิลา …ในวันที่เมืองเก่าพบกับเมืองใหม่ – ฟิลิปปินส์

ปีนี้เก็บประเทศใหม่ที่ไม่เคยไปเที่ยวได้ 3 ประเทศแล้วค่ะ เริ่มจากเนปาล ถัดมายังศรีลังกา และมาฟิลิปปินส์ในกลางเดือนนี้

ถึงแม้ฟิลิปปินส์จะต้อนรับเราอย่างมิสแกรนด์ด้วย Super Typhoon ในวันแรก แต่ก็ยังถือว่าโชคดีที่วันถัดมา ฟ้าหลังฝน เราก็ยังได้เห็นมะนิลาอย่างที่ตั้งใจ

บล็อกมะนิลานี้จะสรุปอย่างไวๆ ให้รู้จักเมืองตากาล็อกใน 15 นาที หลังจากบล็อกจบค่ะ

  • ฟิลิปปินส์ ใช้เวลาบินจากกรุงเทพประมาณ 3 ชั่วโมง การบินไทยมีไฟลท์บินตรง 2 เที่ยวต่อวัน
  • ชื่อฟิลิปปินส์ได้มาจาก Prince Philip ของประเทศเสปน ซึ่งฟิลิปปินส์เคยอยู่ภายใต้อาณานิคมของสเปนกว่าสามร้อยปี
  • ฟิลิปปินส์ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ รวมๆกว่า 7,000 เกาะ มีภาษาตากาล็อกเป็นภาษาหลัก และภาษาอังกฤษคือภาษารอง
  • เปโซ (peso) คือสกุลเงินของฟิลิปปินส์ และอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 100 เปโซเท่ากับ 5 บาท
  • มะนิลา เป็นเมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ตั้งอยู่บนเกาะลูซอน ริมอ่าวมะนิลา (Manila Bay) ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี ปลอดภัยจากพายุ และแผ่นดินไหว

ภาพจากอินเตอร์เน็ต

Intramuros

อินทรามูรูส ตามการออกเสียงของชาวฟิลิปปินส์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของมะนิลา ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองในเมือง” สร้างขึ้นโดยชาวสเปนเมื่อ 400 กว่าปีก่อน ด้วยการขุดคูน้ำ และสร้างกำแพงล้อมรอบพื้นที่ด้านใน เพื่อให้เมืองนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับชาวสเปนในการใช้ชีวิตที่นี่

ภายในกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งนี้มีครบทุกสิ่งอย่าง เช่น Manila Cathedral โบสถ์อันยิ่งใหญ่ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว พายุและสงครามมากหลายครั้งหลายครา จนกลายเป็นโบสถ์สำคัญของเมืองที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมด้านในได้ โบสถ์แห่งนี้ยังเคยต้อนรับโป๊ปจากเมืองวาติกันอีกด้วย ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติของฟิลิปปินส์ ดังนั้นคนท้องถิ่นก็จะแวะมาที่โบสถ์เพื่อเข้าชมและขอพรจากพระแม่ในทุกๆวัน

San Agustin Church and Convent (โบสถ์ซานอะกุสติน) โบสถ์เก่าแก่ที่สุดของฟิลิปปินส์ที่สร้างด้วยหินทั้งหลัง ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ประตูเข้าโบสถ์เป็นไม้แกะสลักทั้งแผ่นสวยงามมาก เสียดายที่โบสถ์ปิดเพราะไต้ฝุ่นเมื่อวาน เลยอดชมงานแกะสลักด้านใน

Casa Manila บ้านสไตล์ยุโรปของชนชั้นนำสเปน ให้บรรยากาศเหมือนยุโรปจริงๆ มีสวนกลางแจ้ง มีน้ำพุ และบันไดหิน ถ้าสังเกตจะเห็นว่า การสร้างมีจุดแตกต่างจากยุโรป เพราะฐานของบ้านเป็นหินเพื่อให้ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว ส่วนด้านบนเป็นบ้านไม้ หน้าต่างเรียงราย เพื่อรับลมเย็นสบายตามภูมิประเทศในเขตร้อนชื้น ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมวิถีชีวิตของชาวเสน ชมเสร็จแนะนำให้แวะกินข้าวเที่ยงที่ Babara’s ร้านอาหารเก่าแก่ของอินทรามูรูส ที่มีพนักงานสาวในชุดประจำชาติฟิลิปปินส์ยืนยิ้มสวยให้ถ่ายรูปคู่อีกด้วย

สุดท้าย Fort Santiago (ฟอร์ต ซานทิเอโก) ป้อมปราการใหญ่ที่ปกป้องชาวสเปนที่อาศัยอยู่ด้านใน นี้มีคุกใต้ดินที่ใช้กักขังฮีโร่ของชาวฟิลิปปินส์ แต่วันนี้ปิดเพราะไต้ฝุ่นเมื่อวานค่ะ

BGC (Bonifacio Global City)

ย่านเมืองใหม่ที่ทันสมัยและปลอดภัยที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวในมะนิลา ตั้งอยู่ในเขตของ Taguig กินอาณาบริเวณประมาณ 1,500 ไร่

กว่า 30 ปีที่ BGC ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นเมืองในอุดมคติของชาวฟิลิปปินส์ ผังเมืองของ BGC ถูกจัดแบ่งอย่างเป็นระเบียบ เป็นบล็อกๆ การจราจรไหลลื่น รถไม่ติดขัด ชื่อถนนตั้งเป็น Avenue หรือ Street ทางเท้ากว้างขวาง สะอาดสะอ้าน และสบายตา เพราะสายไฟกับเคเบิ้ลถูกฝังลงพื้นดิน ไม่มีสายไฟที่รกตา หรือ Black Spaghetti ตามที่คนฟิลิปปินส์เรียก

ใน BGC ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทข้ามชาติ รวมถึงบริษัทการเงินใหญ่ๆ เช่น Citibank, JP Morgan Chase หรือ Ant Financial เช่นเดียวกับคอนโดมิเนียมไฮเอนด์สำหรับ Expat และชาวฟิลิปปินส์ที่มีฐานะ จึงกลายเป็นเมืองขนาดย่อม ที่มีทั้งตลาดสด Market Marketและห้างสรรพสินค้าที่มีแบรนด์ดังๆจากทั่วโลก เช่น SM Aura, Mitsukoshi และ Uptown Mall

ส่วนอาหารการกินก็ครบครันแนะนำให้มาที่ Bonifacio High Street และ One Bonifacio ก็จะเจอร้านอาหารดังๆเรียงรายสองข้างทาง ร้านอาหารเชนก็มากันพร้อมหน้า ตกกลางคืนบาร์ไลฟ์มิวสิคก็มี และตรงกลางยังเป็นพื้นที่สวนให้นั่งเล่น Pet friendly อีกด้วย ตอนกลางคืนอากาศดี ไม่ร้อนเลย อารมณ์เหมือนสิงคโปร์มากๆค่ะ (โรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่แนะนำใน BGC อ่านได้ที่บล็อกถัดไปค่ะ)

หมาหน้าตาดีลงมาเดินโชว์ตัวกลางสวน …

สังคมของ Pet Lover ที่มะนิลา อิสระเสรีมาก เดินเข้าห้างได้พร้อมสายจูงและโอบิ ไม่ต้องนั่งรถเข็นค่ะ

สวนสาธารณะ Track 30th สำหรับวิ่งออกกำลังกายใน BGC

Street Art ใน BGC

Jeepney รถจี๊ปที่ปรับเป็นรถสองแถวที่ได้รับความนิยมของฟิลิปปินส์ค่ะ

Rizal Park (รีซัล พาร์ค)

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ของมะนิลา สร้างขึ้นในปี 1913 เพื่ออุทิศให้แก่วีรบุรุษของฟิลิปปินส์ ดร. โฮเซ่ รีซัล ( Jose Rizal) นายแพทย์และนักเขียนนวนิยายสะท้อนสังคม เรื่อง Touch Me Not ซึ่งปลุกกระแสต่อต้านผู้ปกครองชาวสเปนจนนำไปสู่การประหารชีวิตของเค้าในวัยเพียง 35 ปีเท่านั้น

ในสวนรีซัล มีลานกว้างที่บอกเล่าเรื่องราวในวันประหารชีวิต ผ่านประติมากรรมรูปปั้นเท่าคน ตั้งแต่ตอนที่ ดร. รีซัลเดินเข้ามายังแดนประหาร จนถึงลมหายใจสุดท้าย ทั้งสายตาและสีหน้าของรูปปั้น สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นในเรียกร้องอิสระภาพให้กับชาติฟิลิปปินส์ ใกล้ๆกันยังมีจดหมายฉบับสุดท้าย My Last Farewell ที่เค้าเขียนให้กับครอบครัว และชาวฟิลิปปินส์ก่อนประหารชีวิตอีกด้วย

นับเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของฟิลิปปินส์ ที่เป็นมากกว่าสวนสาธารณะ ประติมากรรมทุกชิ้นปั้นได้อย่างสมจริงมาก ยิ่งได้รู้ประวัติศาสตร์ก็จะยิ่งรู้สึกเศร้าใจ เพราะอิสรภาพมักแลกมาด้วยเลือดเนื้อในทุกยุคทุกสมัย


Manila American Cemetery and Memorial

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์เพื่อรบกับญี่ปุ่น เป็นระยะเวลากว่า 3 ปีครึ่ง สงครามครั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตทหารอเมริกันรวมถึงทหารฟิลิปปินส์หลายหมื่นนาย สหรัฐอเมริกาจึงสร้างสุสานไว้อาลัยทหารหาญกว่า 36,000 คน บนพื้นดินแห่งนี้

ภายในสุสาน มีแผนที่โมเสค The 25 Maps แสดงแผนการรบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และ Wall of Missing ที่วางไว้เป็นวงกลม หินอ่อนแกะสลักรายชื่อของทหารหาญทุกนาย ก่อนที่จะเจอกับ The Altar โบสถ์ขนาดเล็ก และรูปโมเสคของแม่พระให้ชาวคริสต์ได้เข้ามาสวดมนต์ภาวนา

สุสานนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ BGC และเปิดให้ผู้คนได้เข้าชมสุสานที่สวยงามและเขียวขจีที่ทหารหาญจะได้พักร่างอย่างสงบสุขตราบชั่วนิรันดร์