ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมอยู่กับที่ การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีนี้ จึงเป็นข้ออ้างที่ดี ที่จะแพ็คกระเป๋า และออกไปทำความรู้จักบ้านพี่เมืองน้อง ที่จะกลายมาเป็นสายเลือดเดียวกันในอีกไม่ช้าค่ะ
“กัวลาลัมเปอร์” เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย และเป็น 1 ใน 10 เมืองหลวงของกลุ่มอาเซียน ที่ความเจริญติดจรวด รั้งแทบไม่อยู่กันเลยเชียว
4 วัน 3 คืนในเมืองหลวงแห่งนี้ จะมีอะไรให้เที่ยวบ้าง เรามาย่างเท้า ก้าวชมไปพร้อมๆกันนะคะ
Day 1…Walking Tour & Bijan Restaurant
9.00 น.
เช้าตรู่ของวันแรกนี้ เราเลือกทำความรู้จักกัวลาลัมเปอร์ผ่านบริษัททัวร์มือฉมัง Malaysian Heritage องค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความเข้าใจทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศมาเลเซีย
โปรแกรมทัวร์ขององค์กรนี้ ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดจากลูกทัวร์เป็นจำนวนมาก จึงรั้งอันดับ 1 กิจกรรมท่องเที่ยว ใน Tripadvisor มา 2-3 ปีแล้วค่ะ… Walking Tour สุดฮิตต้องยกให้กับ “Eat, Pray & Love” ทัวร์เดินชม เดินกินและแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 ชั่วโมงเต็ม ในราคาคนละ 51 เหรียญสหรัฐ
มื้อแรกของเช้านี้ คุณไกด์พาเราไปกินกันที่ร้านกาแฟห้องแถว … Roti Expert เป็นผู้ชำนาญด้านโรตี วาดลวดลาย บีบ นวด และตีแป้ง ก่อนจะจัดให้เป็นรูปทรงแปลกตา หรือ”โรตีทิชชู” ที่มาวางอยู่บนโต๊ะ โรตีทิชชูทรงกรวยนี้เคลือบด้วยน้ำตาลบางๆ จึงหวานกรอบ ทานกับชาชักหอมๆมันๆที่เสริฟ์มาพร้อมกัน อร่อย และสบายท้องดีค่ะ
หลังจากอิ่มท้อง เราก็ย้ายร่างเดินกันไปต่อตามแนวเมืองเก่า เพื่อแวะสักการะวัดจีนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Sin Sze Si Ya Temple วัดนี้มีความสำคัญเพราะชาวจีนนิยมมาแก้เคล็ดปีชงกันด้วยค่ะ
ระหว่างทางไกด์จะบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองให้ฟังอย่างน่าสนใจ การบรรยายทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็เข้าใจง่าย สำเนียงชัดไม่ใช่จีนลิช หรือซิงค์ลิชอย่างที่มักได้ยินกัน
ภาพช็อปเฮ้าส์เก่า และอาคารใหม่ที่สร้างสลับกัน ถูกเฉลยจากคุณไกด์ว่า “กัวลาลัมเปอร์นั้นเคยถูกน้ำท่วมใหญ่ รวมสงครามโลกทั้งสองครั้ง ช็อปเฮ้าส์ที่เสียหาย เจ้าของบางคนก็ย้ายออกไป ปล่อยให้รกร้างเสื่อมโทรม จนรัฐบาลต้องเข้ามายึด และทุบทิ้งสร้างเป็นอาคารใหม่ เพราะค่าใช้จ่ายในการอนุรักษณ์ตึกเก่านั้นสูงลิบกว่าการสร้างใหม่”
11.00 น.
เราเดินมาถึงหน้าวัดแขกพอดี และก็เป็นช่วงเวลาศักดิ์สิทธ์ของวัน ที่ทางวัดจัดให้มีพิธีกรรมทรงน้ำเทพเจ้าให้ผู้คนเข้าชม จึงมีชาวอินเดียบางส่วนมารอชมและรับพรจากเทพเจ้าอยู่ก่อนหน้า
12.00 น
มื้อเที่ยงของวันนี้ คุณไกด์พาเรามาทานกันที่เพิงขายอาหารของคนท้องถิ่นค่ะ เราได้ชิมก๋วยเตี๋ยวปลาอร่อย ลูกชิ้นปลาโฮมเมด ทำจากเนื้อปลา 100% คล่องคอด้วยน้ำลอดช่องหวานชื่นใจ ดับกระหาย คลายร้อน และก๋วยเตี๋ยวอีก 2-3 จาน ที่ชื่อจำยากชมัด แต่รสชาติดีค่ะ
มื้อเที่ยงนี้เรียกเสียงฮือฮา จากเพื่อนร่วมกรุ๊ปได้พอสมควรเลยค่ะ โดยเฉพาะคู่หนุ่มสาวชาวยุโรป ที่ทานอาหารรสจัดไม่ได้ ใช้ตะเกียบไม่คล่อง มื้อนี้จึงน่าจะ exotic แปลกประหลาด แหวกแนวของพวกเค้าจริงๆ^^
หลังจากอิ่มแปร้ คุณไกด์ก็พาเราเดินผ่านตลาดสด หนึ่งในสามตลาดของเมืองที่ขายเนื้อหมู เนื้อที่หายากที่สุดในเมืองมุสลิมแห่งนี้ค่ะ
จากนั้นเราก็เดินตัดเข้าไปยังไชน่าทาวน์ หรือ Jalan Petaling ถนนคนเดิน ที่ตลอดเส้น มีร้านขายของที่ระลึก และของก็อปปี้แบรนด์เนม ทั้งกระเป๋าและนาฬิกาเรียงรายอยู่สองข้างทาง
เราเดินต่อไปอีกไม่ไกลนัก ก็จะมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของมัสยิดจาเม็ค (Masjid Jamek) มัสยิดที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่กว่าร้อยปี เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวมุสลิมในกัวลาลัมเปอร์ค่ะ
13.00 น.
เราปิดฟินาเล่ ทัวร์กิน เดินและไหว้พระ กันที่ร้านอาหารอินเดียค่ะ มื้อนี้ คุณไกด์พาเราไปลองกินแบบอินเดียแท้ ต้องจวกด้วยมือบนใบตองที่ใช้แทนจานข้าว
ก่อนอิ่ม คุณไกด์กระซิบว่า “หากอาหารร้านนี้อร่อย ให้เราพับใบตองหันหน้าออกจากตัว” เพื่อเป็นการชมเชยฝีมือพ่อครัวด้วยนะ … แน่นอนว่า เราปฏิบัติตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพ่อครัวที่มายืนตาเขม็งอยู่ที่หัวบันไดค่ะ^^
Tips: โปรแกรมทัวร์นี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่แข็งแรง และชอบกิจกรรมเอ้าดอร์ เพราะต้องเดินประมาณ 2 กิโล ภายใน 4 ชั่วโมง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว แม้จะได้ความรู้เต็มเปี่ยม แต่สภาพอากาศก็ทำให้ล้าได้พอสมควร ดังนั้นคนชราและเด็กจึงไม่เหมาะกับโปรแกรมนี้อย่างแน่นอนค่ะ
15.00 น.
เรากลับมาพักเหนื่อย แช่ตัวในห้องแอร์เย็นๆกันที่โรงแรมค่ะ Intercontinental Hotel เป็นโรงแรมที่เข้าพักในคืนนี้ โลเคชั่นตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ แต่ไม่ถึงกับดีเยี่ยมเพราะกว่าจะเดินถึงตึกแฝด Petronas Twin Towers อย่างที่โฆษณาไว้ก็ใช้เวลาเกือบ 15 นาที ยิ่งเดินในสภาพอากาศที่ร้อนตับระเบิดเช่นนี้ ยิ่งไม่สนุกและเพลินใจเท่าไหร่นัก
18.00 น.
ค่ำนี้เราจองดินเนอร์ไว้ที่ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง Bijan (บิจัน) บรรยากาศของร้านดูสงบทว่าเก๋ไก๋ มีที่นั่งให้เลือกทั้งเฉลียงด้านนอกและห้องแอร์ด้านใน แต่ปริมาณยุงที่ยัวเยี้ยในช่วงพลบค่ำ เราจึงย้ายมานั่งในห้องแอร์ที่เย็นสบายแทนค่ะ
จานเรียกน้ำย่อยเป็น Platter รวม มีให้เลือก 4-5 อย่าง จิ้มกับน้ำจิ้มหวานๆเปรี้ยวๆ อร่อยดีค่ะ …
มื้อนี้เราสั่งมาทานกัน 4 จานค่ะ รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อย แต่ไม่มีจานไหนเข้าตากรรมการ และยิ่งถ้าคุณชอบอาหารรสจัด ที่นี่คงไม่ตอบโจทย์รสลิ้นของคุณอย่างแน่นอนค่ะ
แต่เพราะบริการที่ดีเยี่ยม บรรยากาศที่บูติก จึงทำให้นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และคนท้องถิ่นแวะเข้ามาทานกันไม่ขาดสาย หากสนใจไปลิ้มลองอาหารเมเลย์ของร้านนี้ แนะนำอย่างยิ่งให้จองโต๊ะก่อนล่วงหน้า พร้อมระบุที่นั่งไปในคราเดียวค่ะ
20.00 น.
ก่อนเข้านอนของราตรีนี้ เราขอแวะไปชมตึกแฝดกันอีกสักครั้ง ยามค่ำคืนแสงไฟที่สาดส่องตัวตึกทั้ง 80 ชั้น ทำให้ Petronas Twin Towers ดูมลังเมลือง น่าหลงใหลเหลือเกิน
Tips: แท็กซี่เป็นวิถีการเดินทางที่สะดวกที่สุด หลายคันปฏิเสธการใช้มิเตอร์ โดยราคาเหมาจะอยู่ที่ 10-20 ริงกิตสำหรับการเดินทางภายในตัวเมือง ยกเว้น Blue Taxi ที่เปิดมิเตอร์ทุกครั้ง และรถมีสภาพค่อนข้างใหม่ … การใช้บริการรถแท็กซี่ที่กัวลาลัมเปอร์ต้องระวังเรื่องเงินทอน คนขับมักตีหน้าเฉย บอกว่าไม่มีเงินทอนซะอย่างงั้น ดังนั้นจึงควร (เป็นอย่างยิ่ง) ที่จะมีแบงค์ย่อยติดตัวให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องหงุดหงิด หรือจ่ายเงินเกินกว่าที่ตกลงกันเอาไว้
Day 2…Petronas Tower & Bukit Bintang Shopping Street
10.00 น.
เช้าวันนี้เราจะได้ขึ้นไปชม Petronas Twin Towers หรือทัวร์ชมตึกแฝดที่ซื้อได้ล่วงหน้าที่เว็ปไซต์ของตึกค่ะ ราคาตั๋ว ผู้ใหญ่ 80 ริงกิต เด็ก 30 ริงกิต ทัวร์ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง และไกด์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แต่คราวนี้ฟังยากสักนิดค่ะ
Skybridge หรือสะพานลอยฟ้าของตึกแฝดนี้เป็นไฮไลท์แรกที่หยุดชม สะพานนี้ใช้วิธีพาดอยู่บนตึกทั้งสอง ไม่ได้เชื่อมเข้ากับตัวอาคารดังที่คิดไว้ นั่นเพราะผู้ออกแบบต้องการให้สะพานมีความยืดหยุ่นยามมีลมพายุ หรือแผ่นดินไหว จึงใช้วิธีวางพาดแทนการเชื่อมค่ะ
Skybridge เป็นสะพานลอยฟ้าที่สูงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ ตั้งอยู่ที่ชั้น 41-42 ของตึกแฝด และเคยเป็นฉากสำคัญของหนังดัง Entrapment ที่ณอน คอร์เนรี่กระโดดร่มลงไปด้วยค่ะ
วิวบนสะพาน เผยให้เห็นความกว้างใหญ่ของกัวลาลัมเปอร์ และสวน KLCC Park ที่อยู่ด้านล่างค่ะ
จากสะพานลอยฟ้า เราขึ้นลิฟท์ต่อไปที่ชั้น 80 ซึ่งเป็นจุดชมวิว Observation Deck นอกจากวิวสวย กิจกรรมสนุก และวิดิทรรศ์ที่มีให้ชมบนชั้นนี้ ไฮไลท์ของเราอยู่ที่โดมหัวเสาของตึกแฝดในระยะประชิดตัว กลายเป็นจุดถ่ายรูป selfie ได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ
Petronas Twin Towers เคยเป็นตึกสูงที่สุดของโลกตั้งแต่ปี 1998-2004 ก่อนที่ Taipei 101 จะคว้าตำแหน่งนี้ไปได้
ตึกแฝดนี้มีทั้งหมด 88 ชั้น Tower 1 เป็นสำนักงานของ Petronas บริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดของประเทศ ส่วน Tower 2 เป็นสำนักงานของบริษัทชั้นนำระดับโลกเช่น IBM , Boeing และอื่นๆ
รัฐบาลมาเลเซียกำหนดแผนการก่อสร้างว่า “ต้อง” แล้วเสร็จภายใน 6 ปี จึงทำให้มีสองบริษัทที่ได้สัมปทานก่อสร้างตึกนี้ บริษัทของญี่ปุ่นได้สร้างตึกแรก และบริษัทของเกาหลีสร้างตึกที่สองค่ะ
Tips: ทัวร์ชมตึกแฝด ควรซื้อก่อนล่วงหน้า เพราะถ้ามาซื้อที่หน้างาน อาจต้องรอแถว และตั๋วอาจหมดได้ เนื่องจากมีการกำหนดจำนวนคนขึ้นในแต่ละวันค่ะ
11.00 น.
เราแวะช็อปปิ้ง ชมสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกที่ Suria KLCC ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ที่ฐานของตึกแฝด
13.30 น.
มื้อกลางวันนี้ เราตั้งใจมาทานกันที่นี่ หลายคนโหวตให้เป็นศูนย์อาหารอันดับหนึ่งในดวงใจกันเลยเชียว Lot 10 มีร้านอาหารอร่อยมากมาย ตกแต่งทางเข้าด้วยสีแดงฉาน ดูน่าเข้า และมีไวไฟฟรีให้บริการอีกด้วยค่ะ
ร้านเด็ดที่ห้ามพลาดเป็น Hutong Dim Sum ซึ่งมีซาลาเปาไส้หมูแดงลูกมหึมา ฉ่ำเยิ้มให้เราทานอีกด้วยค่ะ
15.00 น.
หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็ขอเดินย่อยช็อปปิ้งกันต่อบนถนนช็อปปิ้งชื่อดังสายนี้ “Bukit Bintang” ที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่ คล้ายกับ Oxford Street ของอังกฤษหรือ Orchard Road ของสิงคโปร์เลยค่ะ
ศูนย์การค้าน่าช็อปเช่น Pavilion และ Starhill Gallery ที่มี Sephora สาขาใหญ่อยู่ด้านหน้า
17.00 น.
เราเดินทางกลับโรงแรม เพื่อเช็คเอ้าท์ และไปที่สนามบิน ทริปกัวลาลัมเปอร์นี้ ถึงแม้จะสั้น เพียงแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น แต่เราก็ทำให้เรารู้จักกัวลาลัมเปอร์มากขึ้นอีกนิด
ทัวร์เดินกินและไหว้พระในย่านเมืองเก่า ทำให้เราเห็นวิถีชีวิตและความสามัคคีของคนต่างเชื้อชาติ เช่นเดียวกับย่านเมืองใหม่ ที่ความเจริญหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย … จริงแล้วที่ “กัวลาลัมเปอร์” เป็นประตูสู่เอเชีย เมืองที่ติด 1 ใน 10 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกค่ะ
Tips: นอกจากรีวิว 48 Hours in Kuala Lumpur แล้ว มาเลเซียยังมีเมืองน่าเทียวอีกหลายเมืองนะคะ เช่น ลังกาวี และ ปีนัง ที่ได้รีวิวไว้แล้วค่ะ
Cautions: หากต้องเดินทางไปสนามบินในช่วงเย็น (หลังเลิกงาน) ของวันทำงาน ต้องเผื่อเวลารถติดไว้บ้าง อาจใช้เวลาถึง 1.30-2.00 ชั่วโมงกว่าจะถึงสนามบินค่ะ
9 Jun 2014
0 Comments
ไกด์พาเที่ยวเมืองหลวงของมาเลเซีย “กัวลาลัมเปอร์” – Malaysia
ด้วยนิสัยที่ไม่ยอมอยู่กับที่ การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีนี้ จึงเป็นข้ออ้างที่ดี ที่จะแพ็คกระเป๋า และออกไปทำความรู้จักบ้านพี่เมืองน้อง ที่จะกลายมาเป็นสายเลือดเดียวกันในอีกไม่ช้าค่ะ
“กัวลาลัมเปอร์” เป็นเมืองหลวงของประเทศมาเลเซีย และเป็น 1 ใน 10 เมืองหลวงของกลุ่มอาเซียน ที่ความเจริญติดจรวด รั้งแทบไม่อยู่กันเลยเชียว
4 วัน 3 คืนในเมืองหลวงแห่งนี้ จะมีอะไรให้เที่ยวบ้าง เรามาย่างเท้า ก้าวชมไปพร้อมๆกันนะคะ
Day 1…Walking Tour & Bijan Restaurant
9.00 น.
เช้าตรู่ของวันแรกนี้ เราเลือกทำความรู้จักกัวลาลัมเปอร์ผ่านบริษัททัวร์มือฉมัง Malaysian Heritage องค์กรอิสระที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมความเข้าใจทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศมาเลเซีย
โปรแกรมทัวร์ขององค์กรนี้ ได้รับความนิยมอย่างสูงสุดจากลูกทัวร์เป็นจำนวนมาก จึงรั้งอันดับ 1 กิจกรรมท่องเที่ยว ใน Tripadvisor มา 2-3 ปีแล้วค่ะ… Walking Tour สุดฮิตต้องยกให้กับ “Eat, Pray & Love” ทัวร์เดินชม เดินกินและแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 4 ชั่วโมงเต็ม ในราคาคนละ 51 เหรียญสหรัฐ
มื้อแรกของเช้านี้ คุณไกด์พาเราไปกินกันที่ร้านกาแฟห้องแถว … Roti Expert เป็นผู้ชำนาญด้านโรตี วาดลวดลาย บีบ นวด และตีแป้ง ก่อนจะจัดให้เป็นรูปทรงแปลกตา หรือ”โรตีทิชชู” ที่มาวางอยู่บนโต๊ะ โรตีทิชชูทรงกรวยนี้เคลือบด้วยน้ำตาลบางๆ จึงหวานกรอบ ทานกับชาชักหอมๆมันๆที่เสริฟ์มาพร้อมกัน อร่อย และสบายท้องดีค่ะ
หลังจากอิ่มท้อง เราก็ย้ายร่างเดินกันไปต่อตามแนวเมืองเก่า เพื่อแวะสักการะวัดจีนเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง Sin Sze Si Ya Temple วัดนี้มีความสำคัญเพราะชาวจีนนิยมมาแก้เคล็ดปีชงกันด้วยค่ะ
ระหว่างทางไกด์จะบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองให้ฟังอย่างน่าสนใจ การบรรยายทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ก็เข้าใจง่าย สำเนียงชัดไม่ใช่จีนลิช หรือซิงค์ลิชอย่างที่มักได้ยินกัน
ภาพช็อปเฮ้าส์เก่า และอาคารใหม่ที่สร้างสลับกัน ถูกเฉลยจากคุณไกด์ว่า “กัวลาลัมเปอร์นั้นเคยถูกน้ำท่วมใหญ่ รวมสงครามโลกทั้งสองครั้ง ช็อปเฮ้าส์ที่เสียหาย เจ้าของบางคนก็ย้ายออกไป ปล่อยให้รกร้างเสื่อมโทรม จนรัฐบาลต้องเข้ามายึด และทุบทิ้งสร้างเป็นอาคารใหม่ เพราะค่าใช้จ่ายในการอนุรักษณ์ตึกเก่านั้นสูงลิบกว่าการสร้างใหม่”
11.00 น.
เราเดินมาถึงหน้าวัดแขกพอดี และก็เป็นช่วงเวลาศักดิ์สิทธ์ของวัน ที่ทางวัดจัดให้มีพิธีกรรมทรงน้ำเทพเจ้าให้ผู้คนเข้าชม จึงมีชาวอินเดียบางส่วนมารอชมและรับพรจากเทพเจ้าอยู่ก่อนหน้า
12.00 น
มื้อเที่ยงของวันนี้ คุณไกด์พาเรามาทานกันที่เพิงขายอาหารของคนท้องถิ่นค่ะ เราได้ชิมก๋วยเตี๋ยวปลาอร่อย ลูกชิ้นปลาโฮมเมด ทำจากเนื้อปลา 100% คล่องคอด้วยน้ำลอดช่องหวานชื่นใจ ดับกระหาย คลายร้อน และก๋วยเตี๋ยวอีก 2-3 จาน ที่ชื่อจำยากชมัด แต่รสชาติดีค่ะ
มื้อเที่ยงนี้เรียกเสียงฮือฮา จากเพื่อนร่วมกรุ๊ปได้พอสมควรเลยค่ะ โดยเฉพาะคู่หนุ่มสาวชาวยุโรป ที่ทานอาหารรสจัดไม่ได้ ใช้ตะเกียบไม่คล่อง มื้อนี้จึงน่าจะ exotic แปลกประหลาด แหวกแนวของพวกเค้าจริงๆ^^
หลังจากอิ่มแปร้ คุณไกด์ก็พาเราเดินผ่านตลาดสด หนึ่งในสามตลาดของเมืองที่ขายเนื้อหมู เนื้อที่หายากที่สุดในเมืองมุสลิมแห่งนี้ค่ะ
จากนั้นเราก็เดินตัดเข้าไปยังไชน่าทาวน์ หรือ Jalan Petaling ถนนคนเดิน ที่ตลอดเส้น มีร้านขายของที่ระลึก และของก็อปปี้แบรนด์เนม ทั้งกระเป๋าและนาฬิกาเรียงรายอยู่สองข้างทาง
เราเดินต่อไปอีกไม่ไกลนัก ก็จะมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของมัสยิดจาเม็ค (Masjid Jamek) มัสยิดที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่กว่าร้อยปี เป็นศูนย์รวมศรัทธาของชาวมุสลิมในกัวลาลัมเปอร์ค่ะ
13.00 น.
เราปิดฟินาเล่ ทัวร์กิน เดินและไหว้พระ กันที่ร้านอาหารอินเดียค่ะ มื้อนี้ คุณไกด์พาเราไปลองกินแบบอินเดียแท้ ต้องจวกด้วยมือบนใบตองที่ใช้แทนจานข้าว
ก่อนอิ่ม คุณไกด์กระซิบว่า “หากอาหารร้านนี้อร่อย ให้เราพับใบตองหันหน้าออกจากตัว” เพื่อเป็นการชมเชยฝีมือพ่อครัวด้วยนะ … แน่นอนว่า เราปฏิบัติตาม เพื่อเป็นกำลังใจให้กับพ่อครัวที่มายืนตาเขม็งอยู่ที่หัวบันไดค่ะ^^
Tips: โปรแกรมทัวร์นี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่แข็งแรง และชอบกิจกรรมเอ้าดอร์ เพราะต้องเดินประมาณ 2 กิโล ภายใน 4 ชั่วโมง ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว แม้จะได้ความรู้เต็มเปี่ยม แต่สภาพอากาศก็ทำให้ล้าได้พอสมควร ดังนั้นคนชราและเด็กจึงไม่เหมาะกับโปรแกรมนี้อย่างแน่นอนค่ะ
15.00 น.
เรากลับมาพักเหนื่อย แช่ตัวในห้องแอร์เย็นๆกันที่โรงแรมค่ะ Intercontinental Hotel เป็นโรงแรมที่เข้าพักในคืนนี้ โลเคชั่นตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ แต่ไม่ถึงกับดีเยี่ยมเพราะกว่าจะเดินถึงตึกแฝด Petronas Twin Towers อย่างที่โฆษณาไว้ก็ใช้เวลาเกือบ 15 นาที ยิ่งเดินในสภาพอากาศที่ร้อนตับระเบิดเช่นนี้ ยิ่งไม่สนุกและเพลินใจเท่าไหร่นัก
18.00 น.
ค่ำนี้เราจองดินเนอร์ไว้ที่ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง Bijan (บิจัน) บรรยากาศของร้านดูสงบทว่าเก๋ไก๋ มีที่นั่งให้เลือกทั้งเฉลียงด้านนอกและห้องแอร์ด้านใน แต่ปริมาณยุงที่ยัวเยี้ยในช่วงพลบค่ำ เราจึงย้ายมานั่งในห้องแอร์ที่เย็นสบายแทนค่ะ
จานเรียกน้ำย่อยเป็น Platter รวม มีให้เลือก 4-5 อย่าง จิ้มกับน้ำจิ้มหวานๆเปรี้ยวๆ อร่อยดีค่ะ …
มื้อนี้เราสั่งมาทานกัน 4 จานค่ะ รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อย แต่ไม่มีจานไหนเข้าตากรรมการ และยิ่งถ้าคุณชอบอาหารรสจัด ที่นี่คงไม่ตอบโจทย์รสลิ้นของคุณอย่างแน่นอนค่ะ
แต่เพราะบริการที่ดีเยี่ยม บรรยากาศที่บูติก จึงทำให้นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และคนท้องถิ่นแวะเข้ามาทานกันไม่ขาดสาย หากสนใจไปลิ้มลองอาหารเมเลย์ของร้านนี้ แนะนำอย่างยิ่งให้จองโต๊ะก่อนล่วงหน้า พร้อมระบุที่นั่งไปในคราเดียวค่ะ
20.00 น.
ก่อนเข้านอนของราตรีนี้ เราขอแวะไปชมตึกแฝดกันอีกสักครั้ง ยามค่ำคืนแสงไฟที่สาดส่องตัวตึกทั้ง 80 ชั้น ทำให้ Petronas Twin Towers ดูมลังเมลือง น่าหลงใหลเหลือเกิน
Tips: แท็กซี่เป็นวิถีการเดินทางที่สะดวกที่สุด หลายคันปฏิเสธการใช้มิเตอร์ โดยราคาเหมาจะอยู่ที่ 10-20 ริงกิตสำหรับการเดินทางภายในตัวเมือง ยกเว้น Blue Taxi ที่เปิดมิเตอร์ทุกครั้ง และรถมีสภาพค่อนข้างใหม่ … การใช้บริการรถแท็กซี่ที่กัวลาลัมเปอร์ต้องระวังเรื่องเงินทอน คนขับมักตีหน้าเฉย บอกว่าไม่มีเงินทอนซะอย่างงั้น ดังนั้นจึงควร (เป็นอย่างยิ่ง) ที่จะมีแบงค์ย่อยติดตัวให้มากที่สุด ไม่เช่นนั้นคุณอาจต้องหงุดหงิด หรือจ่ายเงินเกินกว่าที่ตกลงกันเอาไว้
Day 2…Petronas Tower & Bukit Bintang Shopping Street
10.00 น.
เช้าวันนี้เราจะได้ขึ้นไปชม Petronas Twin Towers หรือทัวร์ชมตึกแฝดที่ซื้อได้ล่วงหน้าที่เว็ปไซต์ของตึกค่ะ ราคาตั๋ว ผู้ใหญ่ 80 ริงกิต เด็ก 30 ริงกิต ทัวร์ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง และไกด์อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แต่คราวนี้ฟังยากสักนิดค่ะ
Skybridge หรือสะพานลอยฟ้าของตึกแฝดนี้เป็นไฮไลท์แรกที่หยุดชม สะพานนี้ใช้วิธีพาดอยู่บนตึกทั้งสอง ไม่ได้เชื่อมเข้ากับตัวอาคารดังที่คิดไว้ นั่นเพราะผู้ออกแบบต้องการให้สะพานมีความยืดหยุ่นยามมีลมพายุ หรือแผ่นดินไหว จึงใช้วิธีวางพาดแทนการเชื่อมค่ะ
Skybridge เป็นสะพานลอยฟ้าที่สูงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ ตั้งอยู่ที่ชั้น 41-42 ของตึกแฝด และเคยเป็นฉากสำคัญของหนังดัง Entrapment ที่ณอน คอร์เนรี่กระโดดร่มลงไปด้วยค่ะ
วิวบนสะพาน เผยให้เห็นความกว้างใหญ่ของกัวลาลัมเปอร์ และสวน KLCC Park ที่อยู่ด้านล่างค่ะ
จากสะพานลอยฟ้า เราขึ้นลิฟท์ต่อไปที่ชั้น 80 ซึ่งเป็นจุดชมวิว Observation Deck นอกจากวิวสวย กิจกรรมสนุก และวิดิทรรศ์ที่มีให้ชมบนชั้นนี้ ไฮไลท์ของเราอยู่ที่โดมหัวเสาของตึกแฝดในระยะประชิดตัว กลายเป็นจุดถ่ายรูป selfie ได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ
Petronas Twin Towers เคยเป็นตึกสูงที่สุดของโลกตั้งแต่ปี 1998-2004 ก่อนที่ Taipei 101 จะคว้าตำแหน่งนี้ไปได้
ตึกแฝดนี้มีทั้งหมด 88 ชั้น Tower 1 เป็นสำนักงานของ Petronas บริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดของประเทศ ส่วน Tower 2 เป็นสำนักงานของบริษัทชั้นนำระดับโลกเช่น IBM , Boeing และอื่นๆ
รัฐบาลมาเลเซียกำหนดแผนการก่อสร้างว่า “ต้อง” แล้วเสร็จภายใน 6 ปี จึงทำให้มีสองบริษัทที่ได้สัมปทานก่อสร้างตึกนี้ บริษัทของญี่ปุ่นได้สร้างตึกแรก และบริษัทของเกาหลีสร้างตึกที่สองค่ะ
Tips: ทัวร์ชมตึกแฝด ควรซื้อก่อนล่วงหน้า เพราะถ้ามาซื้อที่หน้างาน อาจต้องรอแถว และตั๋วอาจหมดได้ เนื่องจากมีการกำหนดจำนวนคนขึ้นในแต่ละวันค่ะ
11.00 น.
เราแวะช็อปปิ้ง ชมสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกที่ Suria KLCC ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ที่ฐานของตึกแฝด
13.30 น.
มื้อกลางวันนี้ เราตั้งใจมาทานกันที่นี่ หลายคนโหวตให้เป็นศูนย์อาหารอันดับหนึ่งในดวงใจกันเลยเชียว Lot 10 มีร้านอาหารอร่อยมากมาย ตกแต่งทางเข้าด้วยสีแดงฉาน ดูน่าเข้า และมีไวไฟฟรีให้บริการอีกด้วยค่ะ
ร้านเด็ดที่ห้ามพลาดเป็น Hutong Dim Sum ซึ่งมีซาลาเปาไส้หมูแดงลูกมหึมา ฉ่ำเยิ้มให้เราทานอีกด้วยค่ะ
15.00 น.
หลังจากอิ่มท้องแล้ว เราก็ขอเดินย่อยช็อปปิ้งกันต่อบนถนนช็อปปิ้งชื่อดังสายนี้ “Bukit Bintang” ที่สองข้างทางเรียงรายไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่ คล้ายกับ Oxford Street ของอังกฤษหรือ Orchard Road ของสิงคโปร์เลยค่ะ
ศูนย์การค้าน่าช็อปเช่น Pavilion และ Starhill Gallery ที่มี Sephora สาขาใหญ่อยู่ด้านหน้า
17.00 น.
เราเดินทางกลับโรงแรม เพื่อเช็คเอ้าท์ และไปที่สนามบิน ทริปกัวลาลัมเปอร์นี้ ถึงแม้จะสั้น เพียงแค่ 48 ชั่วโมงเท่านั้น แต่เราก็ทำให้เรารู้จักกัวลาลัมเปอร์มากขึ้นอีกนิด
ทัวร์เดินกินและไหว้พระในย่านเมืองเก่า ทำให้เราเห็นวิถีชีวิตและความสามัคคีของคนต่างเชื้อชาติ เช่นเดียวกับย่านเมืองใหม่ ที่ความเจริญหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย … จริงแล้วที่ “กัวลาลัมเปอร์” เป็นประตูสู่เอเชีย เมืองที่ติด 1 ใน 10 เมืองท่องเที่ยวระดับโลกค่ะ
Tips: นอกจากรีวิว 48 Hours in Kuala Lumpur แล้ว มาเลเซียยังมีเมืองน่าเทียวอีกหลายเมืองนะคะ เช่น ลังกาวี และ ปีนัง ที่ได้รีวิวไว้แล้วค่ะ
Cautions: หากต้องเดินทางไปสนามบินในช่วงเย็น (หลังเลิกงาน) ของวันทำงาน ต้องเผื่อเวลารถติดไว้บ้าง อาจใช้เวลาถึง 1.30-2.00 ชั่วโมงกว่าจะถึงสนามบินค่ะ
Related Posts: