Phuket Diary : อ่าวพังงา, Catch Beach Club, Phuket Old Town, พิพิธภัณฑ์ไทยหัว, สวนหลวง ร.9 & จุดชมวิวกะตะ

เลือดภูเก็ตที่อยู่ในตัวครึ่งนึง ไม่ได้ทำให้ฉันรู้จักภูเก็ตเยอะไปกว่าคนอื่นเลย เพราะทุกครั้งที่กลับไปเที่ยวยังไข่มุก อันดามัน คุณพ่อซึ่งเป็นคนภูเก็ตแต่กำเนิดมักจะพาไปยังที่เดิมๆ ภูเก็ตในความทรงจำของฉันจึงวนเวียนอยู่ บริเวณถนนดีบุกบ้านชิโนโปรตุกีสของคุณป้าเท่านั้น

ทริปนี้เป็นการเดินทางไปภูเก็ตอย่างเป็นอิสระครั้งแรก ไม่มีคุณพ่อและคุณแม่ไปด้วย ฉันจึงได้กลายเป็นนักเดินทาง มากกว่าลูกหลานชาวภูเก็ต ฉันได้ไปเที่ยวชายหาด กินร้านอาหารใหม่ๆ จนกลายมาเป็น Phuket Diary ที่สนุก และน่าจดจำจนบางครั้งก็อยากจะแปลงร่างไปเป็นชาวเกาะเสียแล้วจริงๆ ^^

Andaman Passion

ฉันเคยไปท่องอ่าวพังงาแล้วแต่สามียังไม่เคยค่ะ ทริปนี้ฉันเลือก Andaman Passion ให้เป็นบริษัทนำเที่ยวของเราและก็ไม่ผิดหวังเลยเพราะ Andaman Passion บริการ 5 ดาว มีไกด์และพนักงานคอยให้ความรู้และช่วยเหลือตลอด (รวมถึงเป็นตากล้องด้วย) ระบบความปลอดภัยก็ดี เรือลำใหญ่ทันสมัยที่นั่งสบาย มีอาหารว่างและอาหารเย็นบริการอย่างเต็มที่ ถึงแม้อาหารจะรสชาติจืดไปบ้างเพราะเตรียมให้กับชาวต่างชาติด้วยแต่โดยรวมฉันและสามีก็พอใจค่ะ

ทริปนี้ใช้เวลาในช่วงบ่ายตั้งแต่ 13.30-19.30 น. เรือออกจากท่าเรืออ่าวปอของภูเก็ต ล่องเข้าอ่าวพังงาไปยังเกาะห้อง เกาะหน้าเข้ และเกาะตาปู หรือ James Bond Island ข้อดีของการเที่ยวในช่วงบ่ายก็คือจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลง และในบ่ายวันนั้น เราเป็นกลุ่มสุดท้ายของเกาะห้องและเกาะตาปูจึงแทบไม่มีใครมาแย่งซีนถ่ายรูป พร้อมกับแสงในช่วงเย็นก็สวยและไม่ร้อนดับจิตแล้วค่ะ

วิวของอ่าวพังงา Unesco World Heritage เป็นดังดงภูเขาที่พุดขึ้นกลางทะเลกว้าง เหมือนใครหยิบก้อนหินมาวางเรียง กันในน้ำสีฟ้า สวยและมหัศจรรย์จนไม่เชื่อว่าธรรมชาติสร้างได้จริงๆ (www.andamanpassion.com)

เกาะห้อง

เกาะตาปู

Andaman Passion

พระอาทิตย์ตกน้ำของยามเย็นวันนั้น

Catch Beach Club

ด้วยความที่คอนโดของครอบครัวอยู่ในตัวเมือง เวลาไปภูเก็ตฉันจึงแทบไม่เคยได้เหยียบเท้าบนหาดทราย บ่ายหน้าชมทะเลเสน่ห์ของไข่มุกอันดามันเลย

ทริปนี้ฉันและสามีขับรถซิ่งภูเก็ตกันสองคน ตั้งใจจะหาหาดทรายสวยสักแห่ง เดินชมความงามของทะเลภูเก็ตและก็มาลงตัวที่ Catch Beach Club ของหาดบางเทาค่ะ (ก่อนหน้านั้นเราไป Café del Mar แต่คนเยอะ เพลงแรงเกิน วัยป้า ส่วน HQ Beach Lounge ที่อยู่ใกล้ๆกันก็ไม่มีสระว่ายน้ำ Dream Beach Club ก็ไกลไปหน่อยจึงมาลงตัวที่นี่ค่ะ)

ค็อนเซ็ปต์ของ Beach Club นี่ดีนะคะ เป็นพื้นที่ริมหาดซึ่งนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้กับคนที่อยากมานั่งเล่น จิบเครื่องดื่ม กินอาหาร ฟังเพลงและเล่นน้ำสระหรือทะเลสวยๆ อารมร์คล้ายๆกับโรงแรมแต่ไม่ต้องเป็นแขกที่เข้าพัก

Beach Club ส่วนใหญ่จะเปิดให้กับคนทั่วไปเข้าได้แต่มีค่าบริการที่คิดตามประเภทของเก้าอี้นั่ง เช่นที่นั่งริมหาดราคาจะแพงหน่อยหรือศาลาพร้อมหลังคาก็ราคาสูงขึ้นอีกเท่าตัว แต่เงินที่จ่ายไปก็นำมาหักกับค่าน้ำ ค่าอาหารและเครื่องดื่มที่เราสั่งได้ ร่วมๆแล้วน่าจะจ่ายคนละ 2,000-4,000 บาทต่อวันสำหรับ Beach Club ระดับ 5 ดาวของภูเก็ต

สุขที่สุดของทริปก็ซีนพระอาทิตย์ตกดินของหาดบางเทานี่แหล่ะค่ะ (202/88 หมู่ 2 บางเทา, 9.00-ดึก, 065-348-2017, www.catchbeachclub.com)

Phuket Old Town

ในอดีตตึกเก่าใจกลางเมืองภูเก็ตสถาปัตยกรรมชิโน-โปรตุกีสที่เรียงรายราวกับห้องแถวเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยหรือไม่ก็บริษัทค้าขายของชาวจีนฮกเกี้ยนในประเทศไทย ตอนนั้นไม่มีความเจริญอย่างเช่นในปัจจุบันและความรู้สึกตอนวิ่งเล่นอยู่บนนถนนดีบุกบ้านของคุณป้าก็คล้ายกับอยู่ในชุมชนเล็กๆที่ผู้คนรู้จักกันไปหมด หันไปทางไหนก็ญาติ ทางนั้นก็คนรู้จักของคุณพ่อ … อบอุ่นและปลอดภัยค่ะ

ในวันนี้ใจกลางเมืองภูเก็ตเปลี่ยนไปมากตามกาลเวลาและความเจริญที่เข้ามา Street Arts ศิลปะบนกำแพงแต่งแต้ม ให้ภูเก็ตมีสีสันขึ้น ตึกเก่าหลายแห่งถูกขายออกไปรวมถึงบริษัทของคุณปู่บนถนนเยาราชที่แต่เดิมทำเหมืองแร่ดีบุกแต่เมื่อหมดยุคไปก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแทน …

ถนนถลาง ซอยรมณีย์ ถนนเยาวราช ถนนดีบุก ถนนพังงา ถนนภูเก็ต ล้วนเป็นศูนย์กลางเมืองเก่าที่น่าเดินสำรวจทุกเส้นค่ะ ในรัศมีเพียงไม่กี่ถนนนี้จะทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตของชาวจีนฮกเกี้ยนที่ยังหลงเหลืออยู่ (บ้าง) เช่นเดียวกับความเจริญที่ล้นทะลักเข้ามา แต่หน่วยราชการของภูเก็ตก็ตั้งรับได้ดีนะคะ ถนนหลายสายถูกจัดระบบให้รถติดน้อยลง ขยะมูลฝอยแทบไม่มีให้เห็น เรียกว่าสะอาดเลยค่ะ ทางเท้าก็เดินง่ายและในช่วงถนนสำคัญๆเช่นซอยรมณีย์ ก็จะมีตำรวจท่องเที่ยวคอยให้ความช่วยเหลือและสอดส่องดูแลอีกด้วย เห็นแล้วก็ปลื้มใจค่ะ นึกไปไกลว่าสักวัน Phuket Old Town ของเราคงจะได้ UNESCO World Heritage เหมือนปีนังหรือฮอยอันกับเค้าบ้าง ^^

อาคารสีลูกกวาดของซอยรมณีย์

โรงแรมออนออน โรงแรมเก่าใจกลางเมือง

ธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนพังงา

ภาพวาดรัชกาลที่ 9 ตรงหัวมุมถนนเยาวราช

จุดชมวิวกะตะกะรน

ป่าตอง กะตะ & กะรน เป็นหาดชื่อดังของภูเก็ตจึงมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาเป็นจำนวนมาก บนหาดทรายสีทองจะเต็ม ไปด้วยผู้คนจนดูแออัด เส้นทางขับรถในเส้นนี้ก็มักติดขัดเช่นกัน ฉันจึงมักจะเลี่ยง 3 หาดนี้ แต่ในความเป็นปลากระป๋อง ก็ยังมีจุดชมวิวที่เปิดสายตาทำให้เราเห็นความงามของภูเก็ตอย่างที่ไม่ต้องเบียดเสียด …

จากมุมนี้เราจะเห็นหาดกะตะน้อย กะตะ และกะรน … สวรรค์ที่อยู่แค่เอื้อมจริงๆ

พิพิธภัณฑ์ไทยหัว

วันสุดท้ายก่อนบินกลับ เราขับรถเข้าเมืองกันอีกวัน ตั้งใจจะมาเดินเล่นสำรวจอีกสักรอบ เราจอดรถบนถนนดีบุกและเดินลัดเลาะไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายจนมาเจอกับพิพิธภัณฑ์ไทยหัวซึ่งเคยเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกของภูเก็ต

คุณน้าผู้หญิงซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์เข้ามาบอกให้เราซื้อตั๋วพร้อมกับถามว่าจะให้พาทัวร์ไหม ใช้เวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมง … ฉันตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไรค่ะ” น่าจะเดินอ่านข้อมูลเองได้ เพราะส่วนตัวก็คุ้นเคยกับวัฒนธรรมชาวจีนฮกเกี้ยนอยู่บ้างและถามกลับไปว่า “ต้นตระกูลของฉันเรียนอยู่ที่นี่บ้างไหม?” ก่อนที่คุณน้าจะมองด้วยความประหลาดใจและบอกว่าให้ขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ห้อง 4 …

พิพิธภัณฑ์ไทยหัวเป็นโรงเรียนเก่าที่เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์โดยลูกหลานชาวจีนฮกเกี้ยน ความสามัคคีและแรงกตัญญูที่พร่ำสอนในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้พิพิธภัณฑ์ไทยหัวเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของภูเก็ตด้วย

ใครที่ไม่เคยเห็นวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อาศัยของชาวจีนฮกเกี้ยนในอดีตก็จะได้เห็นในพิพิธภัฑณ์แห่งนี้ค่ะ รวมถึงห้องหับภายในบ้านชิโนโปรตุกีสที่จำลองขึ้นมาให้ดู การแต่งงานของชาวจีนและชุดบาบ๋าว่าเป็นอย่างไร รวมถึงประวัติศาสตร์การค้าขายและเหมืองแร่ดีบุกซึ่งเป็นต้นกำเนิดของภูเก็ต

และเมื่อฉันเดินออกจากห้องที่ 3 ก็เจอคุณน้าผู้หญิงอีกครั้ง เธอชี้ไปที่ห้อง 4 และพาเข้าไปพร้อมกับบอกว่าคนนี้แหล่ะ คือคุณทวดของฉัน “ท่านอ๋องซิมผ่าย” หนึ่งในผู้บริจาคของพิพิธภัณฑ์ เป็นคุณพ่อของคุณย่า คุณตาของคุณพ่อและคุณชวดที่ฉันไม่เคยได้เห็น (คนสมัยโบราณคงไม่ค่อยถ่ายรูป คุณพ่อก็ย้ายมาเรียนในกรุงเทพตั้งแต่เด็ก คุณย่าเองก็ไม่เคยพูดถึงคุณทวดให้ฟัง ฉันจึงไม่เคยเห็นภาพของคุณทวดที่บ้านหรือได้ยินเรื่องราวของท่านมากนัก)

ฉันถ่ายรูปกับคุณทวดด้วยความภาคภูมิใจในต้นตระกูลและที่สำคัญฉันจะนำกลับไปให้ลูกสาวคนโตของท่านที่ยังมี ชีวิตอยู่ได้ดู … คุณย่าในวัย 99 ปี อ่อนแรงไปมากใน 2 ปีหลัง และกลายเป็นคนชรานอนติดเตียงไปเสียแล้วแต่ความจำ ของคุณย่ายังดีค่ะและฉันก็หวังว่าคุณย่าจะยังจำได้ว่าชายผู้ยิ่งใหญ่ในรูปนี้เป็นใครกัน … (28 ถนนกระบี่ ตำบลตลาดเหนือ อำเภอเมืองฯ จังหวัดภูเก็ต, เปิดให้เข้าชมทุกวัน ยกเว้นวันพุธและวันหยุดนักขัตฤกษ์ 9.00-17.00 น., ค่าเช้า คนไทย 50 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท, โทรศัพท์ 076-211-224, http://www.thaihuamuseum.com)

สวนหลวง ร.9

มี in ก้อต้องมี out … ริจะกินเยอะ ก็ต้องออกกำลังกายหนัก No pain No gain ค่ะ !!! เย็นนี้มาวิ่งที่สวนหลวง ร.9 ของภูเก็ตที่ใหญ่โตถึง 350 ไร่ เป็นสวนสาธารณะใหญ่ที่สุดในภูเก็ตแต่เดิมพื้นที่ในบริเวณนี้เป็นเหมืองแร่ดีบุกและถูก พัฒนาเป็นสวนสาธารณะสวนหลวง ร.9 ในปี พ.ศ. 2530 เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา รอบๆสวนมีลู่วิ่งและลู่ถีบจักรยานยาวเกือบ 4 กิโล นอกจากนั้นยังมีทะเลสาบขนาดย่อม เครื่องออกกำลังกายกลางแจ้ง สนามบาส และลานเต้นแอโรบิกด้วยค่ะ เป็นชีวิตดี้ดีที่ภูเก็ตจริงๆ (ถ.เจ้าฟ้า อ.เมือง จ.ภูเก็ต)