หังโจวมีอะไรจะโชว์บ้าง – Hangzhou Travel Guide

“หังโจว” … ชื่อนี้ ไม่เคยอยู่ในสมองส่วนการท่องเที่ยว (เลย) จนชะตาชีวิตลิขิตให้เดินทางมาบ่อยขึ้น

ถึงแม้ทริปแรก จะไม่ค่อยประทับใจเมืองที่มาร์โค โปโลบอกว่าสวยที่สุดในประเทศจีน เพราะอากาศไม่ดี ฝนตก คมนาคมลำบาก แต่ทริปที่สอง กลับชอบมากขึ้น ส่วนหนึ่งคงเพราะย้ายมาอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย และใช้ application Taxi เรียกแท็กซี่เองได้ จะไปไหนก็คล่องตัว ทำให้ถูกใจหังโจวมากขึ้น และบล็อกแหล่งท่องเที่ยว “หังโจวมีอะไรจะโชว์” ก็สมบูรณ์แบบมากขึ้นเช่นกันค่ะ

ทะเลสาบซีหู (Xihu หรือ West Lake)

ทะเลสาบที่มีขนาดกว้างใหญ่ อยู่ใจกลางหังโจว เป็นหัวใจของเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยปอด (ป่า) และเมือง (ตึกราบ้านช่อง)  และด้วยความงดงามดังภาพวาด โดยเฉพาะยามที่หมอกลง ทำให้ทะเลสาบซีหูถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของโลกเมื่อปี 2511

จุดหมายแรก ฉันมายืนอยู่หน้า Starbucks เชนร้านกาแฟของสหรัฐที่นิยมกันมากในประเทศจีน เมืองที่คนดื่มชามากกว่ากาแฟ 555

Starbucks สาขาทะเลสาบซีหู ขึ้นชื่อว่ามีวิวงดงามบาดตาที่สุด ร้านนี้ตั้งอยู่ในย่าน Xihu Tiandi คอมมินิตี้มอลล์กลางแจ้งขนาดเล็ก ที่มีความละม้ายคล้ายกับ Xin Tiandi ที่เซี่ยงไฮ้

อาคารต่างๆใน Xihu Tiandi ก่อสร้างด้วยอิฐและหิน ถอดอารมณ์บ้านจีนโบราณ แต่ก็ยังดูทันสมัย ภายในมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และช้อปปิ้งเปิดให้บริการ ระหว่างทางเดินเล่นยังมีงานศิลปะให้ชมเป็นระยะ

ถ้าจะพูด ไปก็เหมือนกับเป็นเมืองจำลองที่มีความบันเทิงครบครัน ใครมีเวลาน้อยมาเที่ยวที่ Xihu Tiandi ก็จะได้เกือบครบ แถมด้วยห้องน้ำสะอาดสะอ้าน … ครอบครัว เด็กเล็ก และสูงวัยชอบใจแน่นอนค่ะ

บรรยากาศใน Xihu Tiandi

รูปปั้นของ Zhang Shun ฮีโร่ใน นวนิยายจีน

Golden Buffalo (ควายสีทอง) โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ สัตว์ในนิทานปรัมปราที่เชื่อกันว่าอาศัยอยู่ใต้ทะเลสาบซีหู ในยามที่น้ำลด เจ้าควายสีทองตัวจะโผล่ขึ้นมาพ่นน้ำใหม่ให้น้ำในทะเลสาบกลับมาเต็มเปี่ยมสมบรูณ์ดังเดิม

ความสุขใน  Xihu Tiandi 

จุดหมายที่สอง ฉันมาในวันก่อนกลับเพราะอยากเห็นทะเลสาบซีหูในมุมอื่นบ้าง บ่ายวันนี้เรียกรถแท็กซี่ผ่าน DiDi App มาที่เจดีย์ 5 ชั้น Leifeng Pagoda หรืออีกชื่อ “หอนางพญางูขาว” ที่ดึงดูดผู้คนนับร้อย

ฉันเดินลัดเลาะริมทะเลสาบไปทาง Su Causeway เจอกับดงดอกบัวแข่งกันชูช่อสวยงามใน Little West Lake ทะเลสาบบ่อเล็ก ที่เชื่อมกับทะเลสาบซีหู

ภาพด้านหลังของดงดอกบัว มีเรือแจวลำน้อยลอยอยู่บนทะเลสาบสีเขียว สายหมอกจางๆที่พาดตามแนวเขาด้านหลังทำให้ฉันตะลึงอยู่พักใหญ่ ยืนยิ้มและชื่นชมกับสิ่งที่เห็นซึ่งสวยดังภาพวาด ก่อนจะตรงเข้าไปเก็บภาพรัวๆ

ก่อนกลับ ฉันเดินกลับมาทางเดิม ตั้งใจว่าจะเรียกแท็กซี่กลับโรงแรมเลย แต่ก็เจอเข้ากับร้านขายของที่ระลึก West Lake Gift ซึ่งมีร้านน้ำชาอยู่ด้วย … ใจนึงก็กระหายน้ำและอีกใจหนึ่งก็อยากชิมใบชาชื่อดังของเมือง เลยถามเป็นภาษาอังกฤษไปว่า ขอจิบชาสักถ้วยได้ไหม? พนักงานคนนี้พูดภาษาอังกฤษได้ (ดีใจที่สุด) ตอบกลับมาว่าได้ ขายแก้วละ 15 หยวน สำหรับใบชาหลงจิ่ง ใบชาที่แพงที่สุดของร้าน

กลิ่นใบชาของแก้วนี้หอมกรุ่นมากค่ะ aroma คล้ายกับชาเขียว แต่รสชาติไม่ขมจนเกินไป ชอบค่ะ

นอกจาก 2 จุดหมายนี้ ทะเลสาบซีหูยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นอีกหลายแห่งที่ไม่ได้ไป ถ้ามีโอกาสมาอีกจะพยายามเก็บให้ครบ และสำหรับใครที่กำลังจะมาเที่ยวหังโจว แนะนำให้ใช้บริการเรือล่องทะเลสาบ ในราคา 55 หยวนต่อคน (จุดจอดเรือมีอยู่หลายจุดรอบทะเลสาบ ขึ้นลงได้หลายจุด)

หรือรถรับวิ่งรอบทะเลสาบในราคา 10 หยวน

ใครที่ตั้งใจจะสำรวจด้วยสองเท้าก็ทำได้ค่ะ เพียงแค่ต้องมั่นใจว่าแข้งขาแข็งแกร่ง เพราะพื้นที่รอบทะเลสาบนั้นกว้างใหญ่กว่าแผนที่ที่เห็นเหลือเกิน

ป.ล. ร้านอาหารรอบทะเลสาบมีหลายร้าน street food ก็มี ห้องน้ำสะอาด ป้ายต่างๆ มีภาษาอังกฤษ แต่คนจีนส่วนใหญ่ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้นะคะ

 

วัดหลิ่งหยิน และภูเขาเฟยไหล (Lingyin Temple & Fei Lai Feng)

วัดหลิ่งหยินและภูเขาเฟยไหล เป็นสองแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้กัน จนกลายเป็นบริเวณเดียวกันไปโดยปริยาย

ก่อนเข้าชมเราต้องซื้อตั๋วใบแรกเสียก่อน … ตั๋วใบนี้สำหรับ Lingyin Felai Peak Scenic Area ราคา 45 หยวน รวมค่าเข้า Yongfo Temple, Taoguang Temple และ Stone Statues at Fei Lai Park เท่านั้นค่ะ

มีป้ายภาษาอังกฤษ และประวัติของวัดให้อ่านเป็นระยะๆ

จุดหมายแรก Tiger Caves มีพระพุทธรูปแกะสลักบนหินของภูเขาในศาสนาพุทธมากมาย แต่ด้วยความที่เป็นคนกลัวถ้ำ เลยไม่กล้าเข้าไปสำรวจด้านใน ได้แต่ด่อมๆมองๆอยู่ด้านนอกและก็เดินกลับออกมา …

แต่สิ่งที่ถูกใจที่สุดกลับเป็นบรรยากาศระหว่างทางไป Tiger Caves ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีและกอหญ้า ยิ่งหลังฝนตกยิ่งดูฉุ่มช่ำ สวยงามมากค่ะ

จุดหมายที่สองเป็นสต็อปยอดนิยม Fei Lai Feng หรือเนินเขาหินที่มีความสูง 168 เมตร เนินเขาลูกนี้ถูกแกะสลักเป็น พระพุทธรูปกว่า 345 องค์ มีความหมายว่าภูเขาบินได้ (Fei Lai = Flying และ Feng = Mountain) และพระพุทธรูป ยอดนิยมก็คือ Laughing Buddha ถูกแกะสลักในราชวงศ์ซ้ง มีความกว้าง 9.9 เมตร สูง 3.3 เมตร เป็นพระพุทธรูปแกะสลักใหญ่ที่สุดของ Fei Lai Feng และมีรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์เสมือนจริงมากที่สุดด้วยค่ะ

จุดหมายสุดท้าย วัดหลิ่งหยิน ก่อตั้งโดยพระสงฆ์ชาวอินเดีย Master Hui Li และเป็นวัดศาสนาพุทธเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศจีน

ก่อนเข้าวัดหลิ่งหยิน เราต้องซื้อตั๋วใบที่สองในราคา 35 หยวน ภายในวัดมีอุโบสถ์อยู่ 4-5 แห่ง อุโบสถ์ใหญ่เป็นที่ประดิษฐานของพระศักยะมุณี สร้างขึ้นในราชวงศ์ชิง แต่น่าเสียดายที่ฉันสำรวจวัดหลิ่งหยินได้ไม่ครบ เดินสักพัก ฝนก็เริ่มลงเม็ด จึงรีบจ้ำอ้าวออกมาเรียกแท็กซี่ที่จุดจอดแท็กซี่กลับโรงแรม

บทเรียนนี้สอนให้รู้ว่า มาเที่ยวหังโจวต้องเตรียมตัวให้พร้อมค่ะ ฝนตกบ่อย พกร่มมาด้วยปลอดภัยสุด (ค่าแท็กซี่เข้าเมืองประมาณ 20-30 หยวน)

 

ไร่ชาหลงจิ่ง

(Longjing Tea Plantation)

ชาหลงจิ่ง (Longjing Tea) เป็นสายพันธ์ชาเขียว ที่มีกลิ่นหอมเตะจมูก รสชาติชัด จึงถูกจัดให้เป็นใบชาที่ดีที่สุดของประเทศจีน และเป็นสินค้า OTOP ของเมืองหังโจว ภาษาอังกฤษเรียกว่า Dragon Well Tea เพาะปลูกกันมานานกว่า 1,200 ปี ในบริเวณเนินเขารอบๆทะเลสาบซีหู ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ของชั้นดินและอากาศ

ทัวร์ชมไร่ชาหลงจิ่งเป็นหนึ่งในทัวร์ยอดนิยมของเมืองหังโจว มีทัวร์ให้เลือก 2 แบบ อย่างแรกคือทัวร์ครึ่งวัน ไปเที่ยวไร่ชา + แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ และแบบที่สอง ไปเที่ยวไร่ชาเพียงอย่างเดียว ใช้เวลาครึ่งวันในหมู่บ้าน กินอาหารฝีมือโฮมคุ๊กของชาวบ้าน คู่กับจิบชาหลงจิ่งจากในโรงน้ำชา (Teahouse) จากต้นกำเนิด  …

ไร่ชาหลงจิ่งในหมู่บ้านเล็กๆ (มีประมาณ 9 หมู่บ้านที่ปลูกไร่ชาหลงจิ่ง) รัฐบาลเป็นผู้ซื้อหลัก คัดเลือกใบชาที่ดีที่สุดไป ส่วนที่เหลือให้ชาวบ้านนำไปขายต่อให้พ่อค้าเจ้าอื่นๆ (ข้อมูลจากไกด์ท้องถิ่น) หังโจวได้ชื่อว่า China’s Tea Capital

 

ถนนคนเดินเหอฟางเจี่ย (Hefang Street)

ถนนสายยาวเส้นนี้ถูกปิดเพื่อเปิดให้เป็นถนนคนเดิน สองข้างทางก่อสร้างอาคารคล้ายบ้านเมืองเก่า ยุคสมัยที่ยังมีจอมยุทธทั้งหลาย ในวันนี้ไม่มีจอมยุทธแล้ว มีแต่นักท่องเที่ยวเต็มถนน

นักท่องเที่ยวที่กำลังมองหาของฝาก และจุดถ่ายรูปสวยๆ แวะมาที่นี่ ไม่ผิดหวังแน่นอน

ทางเข้าของถนนคนเดินมี Laughing Buddha สีทององค์ใหญ่ ยิ้มแป้นอย่างอารมณ์ดี ต้อนรับและให้โชคกับนักท่องเที่ยวทุกคน

หนึ่งในร้านดังเห็นจะเป็น Tong’s Tea & Sugar ขายขนมเค้กสอดไส้ที่ลูกค้าสั่งแพ็คกลับเต็มร้าน ฉันลองชิมแล้วแต่ไม่ ค่อยถูกใจเลยไม่ได้ซื้อกลับมาฝากที่บ้านค่ะ

จุดถ่ายรูปกับเกี้ยวจีน ใส่ชุดฮ่องเต้ ซูซีไทเฮาสนุกๆกันไป

งานศิลปะ เช่นแกะสลักถ้วยไม้ไผ่ ภาพวาด ก็มีขายระหว่างทาง

เดินๆไปก็สนุกดีค่ะ 

Jiang Nan Bronze House บ้านอนุรักษ์ที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี สถาปัตยกรรมภายในสวย น่าชมมาก พระพุทธรูปให้สักการะ งานศิลปะ แนะนำเลยค่ะ

 

พิพิธภัณฑ์ชาแห่งชาติ

(National Tea Museum)

จากคำบอกเล่าของไกด์ ใบชาที่ดีที่สุดอยู่ที่รัฐบาลจีน และแหล่งซื้อใบชาหลงจิ่งคุณภาพดี จึงต้องเป็นที่พิพิธภัณฑ์ชาแห่งนี้ (ราคาแพงมากกกก ป้าสู้ไม่ไหว เลยต้องไปซื้อที่ Hupanju Teahouse แทน)

พิพิธภัณฑ์ชาแห่งชาติ เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปี 1991 ตั้งอยู่ในบริเวณเนินเขาที่ปลูกชาหลงจิ่ง ในพิพิธภัณฑ์มี 4 ตึก จัดแสดงประวัติศาสตร์ของชา รวมถึงโรงน้ำชาที่ให้เราได้ชิมชาหลายรูปแบบ แต่อย่างที่เกริ่นไป ราคาใบชาสูงมากค่ะ บางชนิดสูงหลักพัน เราดื่มกันอย่างทิ้งๆขว้างๆ ต้มแล้วก็ลืมดื่ม เลยตัดใจไม่ซื้อที่นี่ และไปหาใบชาราคาย่อมเยาว์ร้านอื่นแทน

เจ้าหน้าที่สาวอธิบายคุณลักษณะของใบชาชนิดต่างๆ

โชว์ถ้วยชาเปลี่ยนสี เมื่อเติมน้ำชาร้อนๆ ลายมังกรสีดำจะเปลี่ยนเป็นสีสันสวยงาม

วิลล่าตระกูลกัว

Guo’s Villa

คฤหาสน์หลังนี้เคยเป็นของตระกูล Guo ในราชวงศ์ชิง (ราชวงศ์สุดท้ายของจีน) แต่หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรัพย์สินทั้งหลาย ก็ถูกเรียกคืนกลับเป็นของรัฐบาล ปัจจุบันคฤหาสน์หลังนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นสวนสาธารณะให้กับชาวจีน และเป็นหนึ่งในที่เที่ยวของชาวต่างชาติ ให้เห็นศิลปวัฒนธรรมของชาวจีนในภูมิภาคนี้

ส่วนที่อยู่อาศัย (Residence area) บ้านเก่า ประตูไม้แกะสลักสวยงาม และประตูทรงกลม

ทะเลสาบเล็ก มีศาลาปลายหลังคาชี้ขึ้นฟ้า สถาปัตยกรรมเด่นของ Guo’s Villa

เขียวชอุ่ม และสงบนิ่งริมทะเลสาบซีหู

ย่านช้อปปิ้ง (Yan’an, Jiefang และ Hubin Road)

ใครที่ชอบสินค้าแบรนด์เนม คาเฟ่เก๋ ร้านอาหารดัง ต้องมาที่นี่เลยค่ะ Yan’an ถนนเส้นใหญ่ที่สองข้างเต็มไปด้วยศูนย์การค้า และยังอยู่ใกล้กับ Hubin Road ถนนช้อปปิ้งสุดหรูเลียบทะเลสาบซีหู อีกด้วย

แบรนด์ช้อปปิ้งในย่านนี้คุ้นหน้าคุ้นตามากมาย ทั้ง Sephora, Victoria Secret, Hamley’s ร้านของเล่นจากอังกฤษ หรือแบรนด์ Luxury ก็มีค่ะ บอกเลยว่า ย่านนี้ใหญ่มาก ตรอกซอกซอยก็มีเยอะ ถ้าจะเดินทุกซอกทุกมุมจริงๆ น่าจะใช้เวลากว่าครึ่งวันเลย

 

เมืองใหม่ Qianjiang New City

ถัดจากใจกลางเมืองมาทางทิศใต้ ก็จะเป็นที่ตั้งของเมืองใหม่ริมแม่น้ำใหญ่ พื้นที่แห่งนี้ถูกวางให้เป็นย่านธุรกิจ หรือ CBD ของหังโจว ปัจจุบันมีตึกสูงรูปทรงสวยแปลกอยู่หลายตึก กลายเป็นอีกแลนด์มาร์คของเมืองที่ให้คนมาดูความเจริญของหังโจวที่เทียบได้กับปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้

จุดชมวิวที่แนะนำ City Balcony หรือเฉลียงของเมือง ตั้งอยู่ตรงกลางของย่าน ดีไซน์ให้เป็นสวนสาธารณะ มีต้นไม้เขียวและที่นั่งตามขั้นบันได

ถ้าเดินขึ้นมาถึงชั้นบนก็จะเจอกับเฉลียงใหญ่ เห็นทั้งแม่น้ำ และความยิ่งใหญ่ของเมืองใหม่ Qianjing New City … มุมนี้วิวดี ลมเย็นสบายมากๆค่ะ น่าจ๊อกกิ้งที่สุด

Intercontinental Hangzhou ลูกบอลสีทอง ไฮไลท์ของย่าน ห้องพักทุกห้องเปิดรับ วิว 360 องศา 

Hangzhou Grand Theatre ออกแบบโดยสถาปนิคชาวแคนาดา เป็น Opera House และลานวัฒนธรรมของเมือง ด้านหลังเป็น Raffles City ตึกคู่ที่มีเอวคอดเป็นเอกลักษณ์ น่าเข้าไปชมด้านในค่ะ

Outlet ที่ชั้นใต้ดิน มีแบรนด์อินเตอร์ดังๆ แบรนด์ของจีนและฮ่องกงก็มี

การเดินทางมาย่านนี้จะนั่งรถไฟฟ้า หรือแท็กซี่มาที่โรงแรม Intercontinental Hangzhou ก็ได้ ถ้านั่งแท็กซี่ ราคาประมาณ 20-40 หยวนจากใจกลางเมือง

– – – – – – – –