1st Time in Yangon

ชื่อของประเทศ “พม่า” ผ่านเข้าโสตและสมองของฉันเป็นครั้งแรกในภาควิชาประวัติศาสตร์สมัยเด็กๆ

ทัศนคติที่มีต่อพม่านั้นไม่ค่อยเป็นมิตรนัก เพราะสงครามและความขัดแย้งในอดีตกาล

เมื่อเติบโตขึ้นจึงเข้าใจว่าหน้าประวัติศาสตร์มักมี 2 ด้าน แล้วแต่จะมองจากมุมไหน และด้านของใคร…ทัศนคติในแง่ลบ จึงค่อยๆเปลี่ยนไป กลายเป็นความอยากรู้อยากเห็นเมืองที่ถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจของสยามนั่นเป็นเช่นไร

สัญญานที่ดีเริ่มตั้งเค้าตั้งแต่ปี 2011 ด้วยการปล่อยตัวนางออง ซาน ซู จี และการก้าวสู่การเลือกตั้งระบอบประชาธิปไตยในแบบฉบับของ “เมียนมาร์ … ทริป 3 วัน 2 คืน ณ ย่างกุ้งนี้ จะมีให้เที่ยวบ้าง? เรามาร่วมชมไปพร้อมๆกันนะคะ …

เมียนมาร์ เป็นชื่อของประเทศในปัจจุบัน เมืองหลวงของเมียนมาร์ถูกเปลี่ยนบ่อยที่สุดของโลก ตั้งแต่ พุกาม หงสาวดี  อังวะ …. จนมาถึงย่างกุ้ง และเนปิดอร์ในปัจจุบัน

ทุกครั้งที่เปลี่ยนราชวงศ์ กษัตย์พระองค์ใหม่จะย้ายเมืองหลวง โดยสันนิฐานว่ามาจาก ความเชื่อและการแสดงอำนาจของแต่ละราชวงศ์

ถึงแม้ย่างกุ้งจะไม่ใช่เมืองหลวงอีกต่อไป แต่ยังคงเป็นหัวเมืองทางการค้าและธุรกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศ มีประชากรอาศัยกว่า 5 ล้านคน เป็นศูนย์รวมความเจริญที่ทันสมัยที่สุดของประเทศ

ส่วนเนปิดอร์นั้นเป็นเมืองหลวงใหม่ และเมืองราชการ ตั้งอยู่ห่างจากย่างกุ้ง ประมาณ 300 กิโลเมตร นักท่องเที่ยว ไม่สามารถเดินทางเข้าไปชมได้ ต้องมีการขออนุญาติก่อนเท่านั้น

ประตูประวัติศาสตร์ หน้าบ้านนางออง ซาน ซูจี

หากไม่นับพระมหาเจดีย์ชเวดากองแล้ว ประตูประวัติศาสตร์นี้แหละ เป็นสต็อปในใจที่ฉัน request ว่าจะต้อง มาชมให้ได้ในทริปนี้…

ประตูเหล็กสีเทาบานนี้ ปิดกั้นเธอจากโลกภายนอกกว่ายี่สิบปี หากไม่อาจกั้นสิทธิเสรีภาพ และประชาธิปไตยให้เบ่ง บานในหัวใจของเธอได้

ในฉากหนังอัตชีวประวัติของเธอ ประตูบานนี้เคยเป็นจุดประวัติศาสตร์ที่เธอใช้ปีนขึ้นเพื่อสื่อสารและส่งกำลังใจ ให้กับผู้ที่รวมตัวสนับสนุนเธอที่หน้าบ้านอีกด้วย

ฉันดีใจที่ได้มาเห็นของจริง สัมผัสความแข็งแกร่งของประตูแล้วก็หวนนึกถึงจิตใจที่แกร่งไม่แพ้กันของหญิงสาวนางนี้ ประทับใจกับเสี้ยวนาทีนึงที่เราได้หยุดเวลาลงตรงจุดประวัติศาสตร์ของการเมืองโลกแล้วเหมือนกัน…

ที่ตั้ง บ้านนางออง ซาน ซูจี อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองนัก นั่งรถไม่น่าเกิน 20 นาที ใครสนใจสอบถามโรงแรม หรือแท็กซี่ให้พามาชมและถ่ายรูปได้ค่ะ

พระมหาเจดีย์ชเวดากอง

เจดีย์สีทองอร่าม ตระหง่านกลางย่างกุ้ง เปรียบเสมือนหอคอยประจำเมือง สอดส่อง และปกปักษ์รักษาชาวเมืองมา เนิ่นนาน

ระหว่างทางจากสนามบินไปยังโรงแรม รถตู้ของเราวิ่งผ่านเจดีย์แห่งนี้ ด้วยขนาดและประกายสีทองแสงออร่า ทำเอาฉันและคุณสามีเงียบอึ้งได้เหมือนกัน สุวรรณภูมิ ดินแดนแห่งทองคำ ช่างเหมาะกับเมืองนี้เสียเหลือเกิน ฉันแอบคิดอยู่ในใจ

พระมหาเจดีย์ชเวดากองตั้งอยู่บนเนินเขาเชียงกุตระ เชื่อกันว่ามีพระเกศา (เส้นผม) ของประพุทธเจ้า 8 เส้นประทับ อยู่ภายใน

ยอดเจดีย์สูงประดับด้วยเพชร 72 กะรัต และเชื่อว่าถูกสร้างตั้งแต่ 2,500 ปีที่แล้ว ทว่าหลักฐานการสร้างกลับค้นพบ ในช่วงคริสตวรรษ 6-10

เราเยี่ยมชมมหาเจดีย์แห่งนี้ 2 ช่วงเวลา ยามเช้า และยามค่ำ

ในยามเช้า ท้องฟ้าสีฟ้าใสตัดกับเจดีย์ขนาดใหญ่สีทองอร่าม ดูน่ามลังเมลืองยิ่งนัก ถ่ายรูปมุมใดก็สวย มองมุมใด ก็อิ่มใจ  ถึงแม้จะพลุกพล่านไปบ้างแต่กลับเปี่ยมด้วยความสงบภายในหัวใจ

ยามค่ำคืน ความเงียบงันกลับถูกแทนที่ด้วยศรัธทาชาวพุทธ ณ ลานอธิฐาน ชาวพุทธแห่แหนกันจับจองที่นั่ง เพ่งมองเจดีย์งาม รวมกลุ่มสวดมนต์ หรือขอพรจากมหาเจดีย์ที่ส่องประกาย สว่างจ้ายิ่งกว่าดาวดวงใดบนฟากฟ้า

การบูชาพระมหาเจดีย์ชเวดากอง หรือเจดีย์สีทอง (ชเว) ของเมืองย่างกุ้ง (ดากอง) นี้มีขั้นตอนง่ายๆ เริ่มด้วยการ สักการะพระพุทธที่วิหารทิศใดทิศหนึ่ง ไหว้พระประจำวันเกิดของตนเอง ซึ่งจะประดิษฐานอยู่ทั้งแปดทิศ พร้อมกับ สรงน้ำพระประจำวัน เกิด (เท่าอายุ และบวกหนึ่ง) หลังจากนั้นให้เดินตามเข็มนาฬิกา รอบพระเจดีย์ พร้อมตั้งจิต อธิษฐาน 1 รอบ ถวายปัจจัย และตีระฆังอย่างน้อยหนึ่งใบที่อยู่รอบพระเจดีย์ ถือเป็นการเสร็จสิ้นการสัการะ และ ภารกิจชมย่างกุ้งที่น่าประทับใจ

ที่ตั้ง ถนนชเวดากอง

เปิด ปิด 4.00-22.00 น. ทุกวัน

ค่าตั๋ว คนละ 5 ดอลล่าห์

เปิดขายตั๋ว 6.00 น. ปิด 21.45 น. ทุกวัน

ก่อนขึ้นชมเจดีย์ ต้องถอดรองเท้าที่ศาลาทางเข้า หากใครขึ้นบันไดไม่ไหว ให้ใช้บริการลิฟท์ที่ศาลาทางขึ้น แนะนำให้ งดการเยี่ยมชมช่วงเที่ยงวัน หรือบ่ายต้นๆ เนื่องจากพื้นหินยังร้อนระอุ เดินลำบาก

เจดีย์โบตะทาว และเทพทันใจ

เจดีย์สีทองนี้มีความหมายว่านายทหาร 1,000 นาย มีเรื่องเล่ากันว่าหลังจากที่นำพระเกศาพระพุทธเจ้าขึ้นฝั่งมา   นายทหายหนึ่งพันนายถูกส่งมาอารักขา ณ ที่สถานที่แห่งนี้ ต่อมาจึงได้สร้างเป็นเจดีย์โบตะทาว พร้อมด้วยพระเกศา หนึ่งเส้นของพระพุทธเจ้าภายในเจดีย์แห่งนี้

เจดีย์โบตะทาว อาจไม่ยิ่งใหญ่เท่าเจดีย์ชเวดากอง หากแต่เป็นเจดีย์เล็กที่มีความงดงามเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว ภายใน เจดีย์ ถูกขุดเจาะคล้ายอุโมงค์ใหญ่ ทางเดินกรุด้วยแผ่นทองทั้ง 4 ด้าน พื้น ผนังซ้าย ขวา และเพดาน มีไฮไลท์เป็นห้อง เก็บพระเกศาพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายด้วยสีทองระยิบระยับ

ด้านนอกของเจดีย์ เป็นที่ตั้งของนัตโบโบยี หรือเทพทันใจ ที่ชาวไทยรู้จักกันดี นัตนั้นคือวิญญานดีที่คอยปกปักษ์รักษา เจดีย์ และเป็นธรรมเนียมของพม่า ที่เจดีย์แต่ละที่จะมีนัตแต่ละองค์คุ้มครองอยู่

วิธีขอพรเทพทันใจองค์นี้ เริ่มด้วยการสักการะพร้อมพานดอกไม้ และผลไม้ ซึ่งหาซื้อได้ในบริเวณวัด จากนั้นให้ขอพร กับท่าน กราบโดยไม่แบมือ นำธนบัตร 1 ดอลล่าห์ 2 ใบม้วนเป็นกรวยใส่ในมือของท่าน แตะหน้าผากของเรากับนิ้ว ชี้ของท่านพร้อมกับนำอีกมือแตะที่ไม้เท้า และขอพร โดยควรให้รายละเอียดในการขอที่ชัดเจน พร้อมระยะเวลาที่ขอ และขอได้เพียง 1 พรเท่านั้น ท้ายสุดนำธนบัตร 1 ดอลล่าห์ที่ม้วนไว้ในมือท่านเก็บมาบูชาไว้กับตัว และอีกหนึ่งใบใส่ ในตู้บริจาค

ที่ตั้ง หัวมุมถนนสแตรนด์ และโบตะทาว

เปิด ปิด 6.00-20.00 น.

ค่าตั๋ว คนละ 2 ดอลล่าห์

ทะเลสาบกันดอร์จี และร้านอาหารการเวก

ระหว่างทางจากสนามบินสู่โรงแรม เราเหลือบเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่ สอบถามจากไกด์จึงรู้ว่า เป็นทะเลสาบสำคัญ 1 ใน 2 ของย่างกุ้ง ถูกขุดขึ้นมาด้วยน้ำมือมนุษย์ โดยรับน้ำจากทะเลสาบอินยา ทะเลสาบสำคัญอันดับ 1 ของเมือง (Inya Lake)

ชาวเมืองเรียกทะเลสาบกันดอร์จีแห่งนี้ว่า Royal Lake มีหน้าที่เป็นคลังน้ำบริสุทธิ์ของเมือง และแหล่งพักผ่อน หย่อนใจ ที่สำคัญกลางทะเลสาบยังมีร้านอาหาร “การเวก” สีทองอร่าม รูปทรงคล้ายเรือพระที่นั่ง ขนาบข้างด้วย นกการเวกสีทองขนาดใหญ่ ไกด์สาวกระซิบบอกกับเราว่า เดิมที่คู่รักชาวพม่านิยมจัดงานแต่งกันร้านอาหารนี้  แต่ด้วยข่าวลือว่าคู่สมรสที่แต่งงานกันบนเรือนี้มักหย่าจากกัน เหมือนนกการเวกที่แยกกันอยู่ซ้ายขวา จึงทำให้ความนิยมลดน้อยลง

ถึงข่าวลือจะเป็นอย่างไร แต่ด้วยความงดงามที่แปลกตา ทำให้เรารีบขอไกด์สาวแวะชมนอกเส้นทาง พร้อมกับเดินเล่นบนสะพานไม้รอบๆทะเลสาบ ดื่มด่ำกับความสงบและงดงามของทะเลสาบแห่งนี้

ยามค่ำคืนร้านอาหารการเวก เปิดให้บริการบุฟเฟ่นานาชาติ รสชาติอาหารจัดจ้าน จนเกือบมั่นใจว่ากุ๊กต้อง มาจากไทยแลนด์แน่นอน ไฮไลท์ของร้านนี้อยู่ที่การเดินชมบรรยากาศรอบๆเรือ ความอลังการภายใน รวมไปถึง การแสดง และการละเล่นพื้นเมือง…ทานไปจิบเบียร์พม่าไป สุขใจจริงๆค่ะ

ที่ตั้ง ทะเลสาบกันดอร์จี

ค่าบุฟเฟ่ ต่อหัวประมาณ 30,000 จัต หรือประมาณ 30 เหรียญต่อคน

www.karaweikpalace.com

วัดเจ้าทัตยี หรือพระตาหวาน

เพราะดวงตาขนาดใหญ่และขนตาที่ยาวหวานของท่าน จึงทำให้ชาวไทยพร้อมใจกันเรียกท่านว่า “พระตาหวาน” พระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์นี้ มีขนาดความยาวเท่ากับความสูงของตึก 6 ชั้น ขนาดดวงตาของท่านกว้างถึง 5 ไม้บรรทัด และขนตายาวประมาณ 1 ศอก ที่ฝ่าเท้าของท่านมีลวดลายงดงามแกะสลักไว้ ควรค่าแก่การเคารพสัการะ

ที่ตั้ง ถนน Shwegondaing

เปิด ปิด 6.00-20.00 น.

ค่าตั๋ว ฟรี

สามล้อชมเมือง

ย่างกุ้ง มีสถาปัตยกรรมสไตล์วิคทอเรียอยู่ประปราย หลายแห่งดูทรุดโทรมเพราะขาดการทำนุบำรุง ในทริปนี้เราเลือก นั่งสามล้อจากย่านไชน่าทาวน์เพื่อชมเมืองเก่า

ทัวร์สามล้อนี้ต่างกับที่เราคิดฝันอย่างสิ้นเชิง ฝุ่นที่ตลบอบอวลตามท้องถนน และรถราที่ขับอย่างไร้กฏจราจร ทำให้ทัวร์สามล้อดูน่าหวาดเสียว มากกว่าประทับใจ  ฉันจึงไม่ขอแนะนำให้ครอบครัวใดที่มีลูกเล็ก หรือคนชรา นั่งเป็นอันขาดค่ะ

ที่ตั้ง ด้านหน้าไชน่าทาวน์

ค่าตั๋ว ประมาณ 3-5 ดอลล่าห์ต่อคัน

จิบน้ำชายามบ่ายที่ The Strand Yangon Hotel

The Strand Hotel ตั้งอยู่ขนานกับแม่น้ำย่างกุ้ง ในตึกวิคทอเรียเก่าที่ปรับปรุงให้เป็นโรงแรมหรู หากจะให้เปรียบเทียบ โรงแรมนี้คงยิ่งใหญ่เหมือน Raffles Hotel ของสิงคโปร์

คาเฟ่ขนาดเล็กของโรงแรม เปิดมุมชิลๆ ให้เหล่าคนดัง และนักท่องเที่ยวที่อยากจิบความหรูหรา ชมอดีตที่รุ่งเรืองของ ย่างกุ้งได้นั่งผ่อนคลาย เซ็ตไฮทีของที่นี่ไม่เลิศเลอ และอลังการเท่าโรงแรมอื่น หากเพียงพอแล้วสำหรับเมืองที่เพิ่ง แย้มประตูบ้านออกสู่นอกประเทศแห่งนี้

ที่ตั้ง 92 Strand Road

ค่าอาหาร ประมาณ 10 เหรียญต่อคน

ตะลุยตลาดชื่อดัง และตลาดค้าส่งสำคัญของพม่า

ไม่ว่าจะไปเมืองใด เราไม่เคยพลาดที่จะเดินชมตลาดสด ตลาดพื้นเมือง หรือตลาดค้าส่งชื่อดังของเมืองนั้นๆ ถึงแม้จะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ แต่นิสัยชอบดูสินค้า ก็ทำให้อดใจไม่ได้ และที่ย่างกุ้งก็เช่นกัน^^

Bogyoke Market หรือ Scott Market ตลาดชื่อดังที่สุดของเมือง เป็นแหล่งช้อปปิ้งสำคัญของนักท่องเที่ยวที่มา ย่างกุ้ง ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ในตึกสไตล์โคโลเนียล ประกอบด้วย 2 ชั้น ชั้นหนึ่งแบ่งเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ ขายงานทอง เครื่องเงิน และอัญมณี ส่วนชั้นสองมีสินค้าที่หลากหลาย เน้นงานฝีมือเช่นภาพวาด ของที่ระลึก รวมไปถึงชุดประจำ ชาติของสาวพม่า สินค้าที่ขายในตลาดนี้คล้ายคลึงกับงานฝีมือ และเครื่องเงินของบ้านเรา จึงไม่น่าตื่นเต้นนัก และ สตางค์ในกระเป๋าจึงอยู่ครบค้า

Wholesale Market ตลาดค้าส่งผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ของเมือง เป็นอีกตลาดที่ขอให้ไกด์สาวพาไปชม และแน่นอนว่าสินค้าสู้บ้านเราไม่ได้ทั้งคุณภาพและความทันสมัย แต่ก็สุขใจก็ที่ได้เห็นอารมณ์เดิมๆ เหมือนเดินช้อปปิ้งประตูน้ำสมัย 20 ปีที่แล้วค่ะ

ตลาดสด เป็นตลาดสุดท้ายที่ขอชม แม่ค้าจัดขายผักสด ผลไม้ตามทางเดิน เหมือนในต่างจังหวัด มีผักสดมากมาย หลายชนิด แต่ที่ช็อกเราสุดฤิทธิ์เป็นไซส์ของสัตว์ทะเล ทั้งกุ้ง หอย ปลา ปู ตัวเขื่องทั้งนั้น น่านำมาปิ้งย่าง และหม่ำกับน้ำจิ้มทะเลรสจัดเป็นที่สุดเลยค้า

ที่ตั้ง Bogyoke Market – Bogyoke Aung San Road

Monsoon

ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ดิฉันเป็นต้องขอได้ชิมอาหารของร้านเก๋ๆสักหนึ่งร้าน และที่ย่างกุ้ง Monsoon ก็ได้รับเกียรติ นี้ค่ะ …. ร้านนี้เปิดอยู่ในตึกโบราณลุคโคโลเนียล ภายในแบ่งเป็นร้านอาหารที่ชั้นหนึ่ง และร้านขายของที่ระลึกที่ชั้น สอง บรรยากาศของร้านคล้ายดึงเรากลับสู่ยุคท่านชายพจน์และปริศนา อึมครึมบนความหรูหราแบบเก่า

เมนูของร้านแบ่งออกเป็น 4 ครัว พม่า ไทย เวียนนาม และเขมร พินิจดูแล้วก็อดชมไอเดียเจ้าของร้านนี้เสียไม่ได้ ช่างคิด และฉลาดยิ่งนัก ที่เลือกกิมมิกนี้ เพราะทั้ง 4 ครัวนี้มีส่วนผสมอาหารที่คล้ายคลึงกัน ใช้พ่อครัวคนเดียว สต็อกส่วนผสมเหมือนกัน แต่ขายได้ถึง 4 ครัว

ยามค่ำคืน Monsoon ยังเป็นแหล่งแฮงค์เอ้าของย่างกุ้งอีกด้วย ไกด์สาวบอกว่านักท่องเที่ยวหลายคน ชอบมานั่งดริงส์ กันที่นี่ น่าเสียดายที่บริเวณใกล้เคียง ยังไม่มีร้านอาหาร ผับ บาร์ใดมาเปิด จึงทำให้อาจแฮงค์เอ้าแบบเหงาๆขึ้นมาได้ เราจึงตัดสินใจเลือกมื้อกลางวันแทน ได้ทั้งบรรยากาศ และไม่เหงาอีกด้วยค่ะ

ที่ตั้ง 85-87 Thinbyu Road

เปิด ปิด 10.00-23.00 น.

ค่าอาหาร เฉลี่ยคนละ 10-15 เหรียญ

www.monsoonmyanmar.com

———————————————————————————————

การเดินทาง : การบินไทย ตั๋วประมาณ  7,000-10,000 บาท, บางกอกแอร์เวย์ 3,000-7,000 บาท, นกแอร์ ประมาณ 5,000 บาท และแอร์เอเชียร์ 3,000-5,000 บาท

เวลา : ช้ากว่าไทย 30 นาที

อัตราแลกเปลี่ยน : ใช้เงินดอลล่าห์เป็นหลัก​ แลกธนบัตรสหรัฐที่สมบูรณ์ ไม่ฉีกขาด ไปแลกเป็นเงิน “จัต” อัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่ 1 ดอลลาห์ = 1,000-1,300 จัต

จุกแลกเงิน : สนามบิน หรือจุดแลกเงินที่ตลาดต่างๆ (ก่อนออกจากประเทศ ควรแลกเงิน จัตที่เหลือทั้งหมด คืนเป็นเงินดอลลาห์ที่ สนามบิน ถึงแม้อัตราจะไม่ดี แต่หากนำกลับมา เงินจัตก็จะกลายเป็นเพียง เศษกระดาษในบ้านเรา ไม่มีที่ไหนรับ แลกคืน)

บัตรเครดิต : ในช่วงที่เดินทางไป การรับบัตรเครดิตยังไม่แพร่หลายนัก แต่ในปี 2013 ทราบว่าวีซ่าและอีก หลายสถาบันการเงินเริ่มเปิดให้บริการและติดตั้งจุดรับบัตรเครดิตเพิ่มมากขึ้น

การเดินทางในย่างกุ้ง : เช่ารถและไกด์ส่วนตัวกับบริษัททัวร์ที่ให้บริการ ประมาณ 5,000 บาทต่อวัน หรือนั่งแท็กซี่ชมเมืองประมาณ 10-20 เหรียญต่อวัน

การเตรียมตัว : การเข้าชมเจดีย์ หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย ห้ามใส่ขาสั้น หรือเสื้อสายเดี่ยว และต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าสักการะ จึงควรเลือกรองเท้าที่ถอดและใส่ได้สะดวก หากเป็นห่วงเรื่องความสะอาด ให้เตรียมผ้าเปียกติดตัวไปเพื่อเช็ดฝ่าเท้าค่ะ