เห็นอาหารสวยบรรเจิดของร้านนี้แล้วก็ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากไปชิมในทันใด ยิ่งรู้ว่าเป็นเชฟชายไทยแถมยังใช้ เครื่องปรุงไทยประยุกต์เข้าไปด้วย ก็ยิ่งดึงดูดใจมากขึ้น
Cuisine de Garden อยู่ในซอยเอกมัย 2 ในทาวน์เฮ้าส์ที่ปรับเป็นร้านอาหาร ชั้นล่างเป็นห้องอาหารหลัก ภายในฉาบ ด้วยปูนดิบสีเทาตัดกับพื้นไม้สีธรรมชาติ ตรงกลางและรอบๆร้านมีลำต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขา คงเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Garden
อารมณ์โดยรวมดูขรึมๆ กึ่งผับและ Fine Dining ค่ะ
Cuisine de Garden เปิดให้บริการเฉพาะตอนเย็น และอาหารก็ขายเป็น Course Menu ราคา Fixed อยู่ที่ 1,590 บาท ต่อคน
หนึ่งคอร์สจะเริ่มด้วย Amuse Bouche เปิดรสสัมผัสของเราก่อน และต่อด้วยอาหารอีก 4 คอรส์ ที่ทางร้านนิยามว่า Chapter 1, 2, 3, 4 หรือ Appetizer, Main 2 และ Dessert ก่อนจะปิดด้วย Petit Four ล้างปาก ซึ่งจานสุดท้ายนี้ แหล่ะที่เป็นหมัดเด็ดมัดใจทุกคนเลยค่ะ
ค่ำนั้นเราไปกัน 4 คน จึงได้ชิมอาหารเกือบทุกจานในแต่ละ Chapter และเพื่อไม่ให้รีวิวเยิ้นเย้อ ฉันขอตรงประเด็น ไปที่บทสรุปของ Cuisine de Garden ก่อนจะนำเสนอภาพอาหารที่สั่งกันในค่ำคืนนั้น
มติของเราทั้ง 4 คน ให้คะแนนความคิดสร้างสรรค์ 4/5 ค่ะ เริ่มตั้งแต่ไอเดียชื่อเมนูพร้อมภาพประกอบ ส่วนผสม รวมถึงการนำเสนอที่ประดิษฐ์ประดอยได้อย่างมีระดับ มีว้าวเบาๆในหลายเมนู … ชมเชยตรงนี้เลยว่าครีเอทีฟ ไม่น้อยหน้าเชฟต่างชาติสักนิด
การบริการให้ 4/5 เช่นกันค่ะ พนักงานยิ้มแย้ม จดจำชื่อลูกค้าได้ และอธิบายแต่ละจานได้เข้าใจ แต่เสียงเบาไปนิด
ส่วนรสชาติ เราให้คะแนนกัน 3.5/5 ค่ะ โดยรวมอร่อย มีส่วนผสมไทยๆ เช่นมะกรูด ชูโรงเข้าไปด้วย แต่ที่ยังไม่ให้กัน 4/5 เพราะเมนูที่อิงอาหารฝรั่ง เช่น ล็อปสเตอร์ ริสอตโต้ และ Duck Confit ยังไม่เข้มข้นนัก อยากให้ครีมมี่ หรือรสจัด อย่างฝรั่ง หอมมันมากกว่านี้ …
ขนมปังบริยอชกับซาวครีมชีสบนใบไม้ใหญ่
Coast to Coast จานเปิดรสสัมผัส เปรี้ยว หวานและมัน ของกุ้งซอสมะกรูด หอยแมลงภู่โฟมมะกรูด ปูม้าซาวครีม และแซลมอนทาทาร์
Scarlet หอยเชลล์ฮอกไกโดสดกับโฟมมะนาว ก่อนจะเพิ่มรสด้วยซอสราดจากเปลือกหอย อลังการดีค่ะจานนี้
Terrarium เนื้อเป็ดประกบด้วยขนมปังกรอบ เมนูนี้มีกระปุกสลัดอบควันเสริฟ์มาพร้อมกัน ตระการตาน่าดู
Nest เมนูเด็ดขึ้นหน้าขึ้นตาของร้าน ไข่ออนเซ็นบนขดเส้นก๋วยเตี๋ยวทอด รูปร่างคล้ายรังนก หรือ Nest สวยจริง แต่รสชาติค่อนข้างจืด กลิ่น Truffle จางไปหน่อยค่ะ
Eclipse ริสอตโต้ข้าวบาร์เล่ย์กับปลาข้าวสาร ลาดด้วยซอสครีม สวยและรสชาติใช้ได้ แต่น่าจะครีมมี่กว่านี้
Harvest ล็อบสเตอร์จากแคนนาดาและซอสข้าวโพด จานนี้ต้องเพิ่มเงินอีก 400 บาท รู้สึกไม่ค่อยคุ้มนัก เพราะเนื้อ ล็อปสเตอร์ให้น้อย ส่วนรสชาติธรรมดาค่ะ
Water Lilies เมนูปลาฮาลิบัตเนื้อนุ่ม ท๊อปด้วยขนมปังกรอบ จานนี้อร่อยค่ะ เมนูตั้งชื่อตามภาพวาดของ Monet จึงมีใบบัวแต้มเข้ามาในจานด้วย
Vermillion จานเป็ด Duck Confit ที่รสชาติดี แต่อยากให้เพิ่มเค็มและเนื้อนุ่มกว่านี้อีกนิดค่ะ
Coral ขนมหวานจานนี้ฉันเลือกตั้งแต่ยังไม่รวบช้อน เพราะชอบรสของชาเขียวตัดกับส้มยูซูมาแต่ไหนแต่ไร
Bloom ซอร์เบต์ฝรั่งซึ่งละลายเร็วมาก แต่อร่อยดีค่ะ
Farm นมแพะและรังผึ่ง จานนี้ไม่ได้ชิม แต่เพื่อนร่วมโต๊ะบอกว่าปานกลาง
Stone เป็นขนมหวานปิดท้าย ซึ่งอย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นรีวิวว่า เป็นหมัดเด็ด เสิรฟ์มาในกล่องใส่หินลาวาสีดำ พนังงานบอกว่าในจำนวนหินลาวาเหล่านี้มีช้อกโกแล็ตอยู่ด้วย 4 ชิ้น ให้ลองหยิบดู หยิบผิดก็กินหิน หยิบถูกก็กิน ช้อกโกแล็ต ^^ รสชาติช้อกโกแล็ตขมปนหวาน ไส้ล้นทะลัก อร่อยค่ะ และที่สำคัญทุกชิ้นเคลือบช้อกโกแล็ตบางๆ ที่ทำสีกับรูปร่างได้เหมือนหินจริงๆ เกือบจะหยิบผิด หยิบถูกไปหลายครั้ง 555 เมนูนี้ยกให้เป็นสุดยอดเลยค่ะ
ที่ตั้ง 12/6 ซอยเอกมัย 2 เขตวัฒนา กรุงเทพ 10110
เปิด ปิด 18.00-23.00 น. วันอังคาร–วันอาทิตย์
โทรศัพท์ 02-053-3059 หรือ 061-626-2816
ราคาเฉลี่ยคนละ 1,800-2,500 บาท
www.cuisinedegarden.com
21 Nov 2017
0 Comments
Cuisine de Garden ✪✪✪✪
เห็นอาหารสวยบรรเจิดของร้านนี้แล้วก็ครั่นเนื้อครั่นตัวอยากไปชิมในทันใด ยิ่งรู้ว่าเป็นเชฟชายไทยแถมยังใช้ เครื่องปรุงไทยประยุกต์เข้าไปด้วย ก็ยิ่งดึงดูดใจมากขึ้น
Cuisine de Garden อยู่ในซอยเอกมัย 2 ในทาวน์เฮ้าส์ที่ปรับเป็นร้านอาหาร ชั้นล่างเป็นห้องอาหารหลัก ภายในฉาบ ด้วยปูนดิบสีเทาตัดกับพื้นไม้สีธรรมชาติ ตรงกลางและรอบๆร้านมีลำต้นไม้แผ่กิ่งก้านสาขา คงเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ Garden
อารมณ์โดยรวมดูขรึมๆ กึ่งผับและ Fine Dining ค่ะ
Cuisine de Garden เปิดให้บริการเฉพาะตอนเย็น และอาหารก็ขายเป็น Course Menu ราคา Fixed อยู่ที่ 1,590 บาท ต่อคน
หนึ่งคอร์สจะเริ่มด้วย Amuse Bouche เปิดรสสัมผัสของเราก่อน และต่อด้วยอาหารอีก 4 คอรส์ ที่ทางร้านนิยามว่า Chapter 1, 2, 3, 4 หรือ Appetizer, Main 2 และ Dessert ก่อนจะปิดด้วย Petit Four ล้างปาก ซึ่งจานสุดท้ายนี้ แหล่ะที่เป็นหมัดเด็ดมัดใจทุกคนเลยค่ะ
ค่ำนั้นเราไปกัน 4 คน จึงได้ชิมอาหารเกือบทุกจานในแต่ละ Chapter และเพื่อไม่ให้รีวิวเยิ้นเย้อ ฉันขอตรงประเด็น ไปที่บทสรุปของ Cuisine de Garden ก่อนจะนำเสนอภาพอาหารที่สั่งกันในค่ำคืนนั้น
มติของเราทั้ง 4 คน ให้คะแนนความคิดสร้างสรรค์ 4/5 ค่ะ เริ่มตั้งแต่ไอเดียชื่อเมนูพร้อมภาพประกอบ ส่วนผสม รวมถึงการนำเสนอที่ประดิษฐ์ประดอยได้อย่างมีระดับ มีว้าวเบาๆในหลายเมนู … ชมเชยตรงนี้เลยว่าครีเอทีฟ ไม่น้อยหน้าเชฟต่างชาติสักนิด
การบริการให้ 4/5 เช่นกันค่ะ พนักงานยิ้มแย้ม จดจำชื่อลูกค้าได้ และอธิบายแต่ละจานได้เข้าใจ แต่เสียงเบาไปนิด
ส่วนรสชาติ เราให้คะแนนกัน 3.5/5 ค่ะ โดยรวมอร่อย มีส่วนผสมไทยๆ เช่นมะกรูด ชูโรงเข้าไปด้วย แต่ที่ยังไม่ให้กัน 4/5 เพราะเมนูที่อิงอาหารฝรั่ง เช่น ล็อปสเตอร์ ริสอตโต้ และ Duck Confit ยังไม่เข้มข้นนัก อยากให้ครีมมี่ หรือรสจัด อย่างฝรั่ง หอมมันมากกว่านี้ …
ขนมปังบริยอชกับซาวครีมชีสบนใบไม้ใหญ่
Coast to Coast จานเปิดรสสัมผัส เปรี้ยว หวานและมัน ของกุ้งซอสมะกรูด หอยแมลงภู่โฟมมะกรูด ปูม้าซาวครีม และแซลมอนทาทาร์
Scarlet หอยเชลล์ฮอกไกโดสดกับโฟมมะนาว ก่อนจะเพิ่มรสด้วยซอสราดจากเปลือกหอย อลังการดีค่ะจานนี้
Terrarium เนื้อเป็ดประกบด้วยขนมปังกรอบ เมนูนี้มีกระปุกสลัดอบควันเสริฟ์มาพร้อมกัน ตระการตาน่าดู
Nest เมนูเด็ดขึ้นหน้าขึ้นตาของร้าน ไข่ออนเซ็นบนขดเส้นก๋วยเตี๋ยวทอด รูปร่างคล้ายรังนก หรือ Nest สวยจริง แต่รสชาติค่อนข้างจืด กลิ่น Truffle จางไปหน่อยค่ะ
Eclipse ริสอตโต้ข้าวบาร์เล่ย์กับปลาข้าวสาร ลาดด้วยซอสครีม สวยและรสชาติใช้ได้ แต่น่าจะครีมมี่กว่านี้
Harvest ล็อบสเตอร์จากแคนนาดาและซอสข้าวโพด จานนี้ต้องเพิ่มเงินอีก 400 บาท รู้สึกไม่ค่อยคุ้มนัก เพราะเนื้อ ล็อปสเตอร์ให้น้อย ส่วนรสชาติธรรมดาค่ะ
Water Lilies เมนูปลาฮาลิบัตเนื้อนุ่ม ท๊อปด้วยขนมปังกรอบ จานนี้อร่อยค่ะ เมนูตั้งชื่อตามภาพวาดของ Monet จึงมีใบบัวแต้มเข้ามาในจานด้วย
Vermillion จานเป็ด Duck Confit ที่รสชาติดี แต่อยากให้เพิ่มเค็มและเนื้อนุ่มกว่านี้อีกนิดค่ะ
Coral ขนมหวานจานนี้ฉันเลือกตั้งแต่ยังไม่รวบช้อน เพราะชอบรสของชาเขียวตัดกับส้มยูซูมาแต่ไหนแต่ไร
Bloom ซอร์เบต์ฝรั่งซึ่งละลายเร็วมาก แต่อร่อยดีค่ะ
Farm นมแพะและรังผึ่ง จานนี้ไม่ได้ชิม แต่เพื่อนร่วมโต๊ะบอกว่าปานกลาง
Stone เป็นขนมหวานปิดท้าย ซึ่งอย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นรีวิวว่า เป็นหมัดเด็ด เสิรฟ์มาในกล่องใส่หินลาวาสีดำ พนังงานบอกว่าในจำนวนหินลาวาเหล่านี้มีช้อกโกแล็ตอยู่ด้วย 4 ชิ้น ให้ลองหยิบดู หยิบผิดก็กินหิน หยิบถูกก็กิน ช้อกโกแล็ต ^^ รสชาติช้อกโกแล็ตขมปนหวาน ไส้ล้นทะลัก อร่อยค่ะ และที่สำคัญทุกชิ้นเคลือบช้อกโกแล็ตบางๆ ที่ทำสีกับรูปร่างได้เหมือนหินจริงๆ เกือบจะหยิบผิด หยิบถูกไปหลายครั้ง 555 เมนูนี้ยกให้เป็นสุดยอดเลยค่ะ
ที่ตั้ง 12/6 ซอยเอกมัย 2 เขตวัฒนา กรุงเทพ 10110
เปิด ปิด 18.00-23.00 น. วันอังคาร–วันอาทิตย์
โทรศัพท์ 02-053-3059 หรือ 061-626-2816
ราคาเฉลี่ยคนละ 1,800-2,500 บาท
www.cuisinedegarden.com
Related Posts: